วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 22:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 175 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



๑.มิจฉาปฏิปทา
๒.สัมมาปฏิปทา
๓.มิจฉาทิฐิ
๔.สัมมาทิฐิ


ถามคุณวไลพร ๔ ข้อนั้น ข้อใดผิดข้อใดถูกครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 20:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณวไลพรก็เคยปฏิบัติมาบ้าง พอรู้ปริยัติมาบ้าง สมถกรรมฐาน -วิปัสสนากรรมฐาน ตามลิงค์นี้ถูกหรือผิดครับ
หรือไม่ถูกไม่ผิด

viewtopic.php?f=1&t=19616

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:

๑.มิจฉาปฏิปทา
๒.สัมมาปฏิปทา
๓.มิจฉาทิฐิ
๔.สัมมาทิฐิ


ถามคุณวไลพร ๔ ข้อนั้น ข้อใดผิดข้อใดถูกครับ


คุณกรัชกาย :b12:

ถ้าคุณกรัชกายเข้าใจสมมุติจะไม่มาถามดิฉันแบบนี้เลย สิ่งที่คุณถามมา มันเป็นรูปแบบในการเรียก ว่าถ้าเป็นแบบนี้ ต้องเรียกว่าอย่างนี้ เพราะเราไปยึดมั่นในสิ่งที่ตนเองคิดว่า ตนเองรู้ ไม่ว่าจะโดยด้านการได้ศึกษามา ได้ปฏิบัติมา และผลของการปฏิบัติ จึงเกิดข้อถกเถียงกันไม่รู้จบ จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องของ สติ สัมปชัญญะ เราจึงจะสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร กุศลหรืออกุศล แต่อย่าลืมว่า คนส่วนมากจะชอบคิดเข้าข้างความคิดของตัวเอง หาใช่ตามความเป็นจริงไม่ ทุกอย่างมันมีเหตุ มันจึงมีผลเป็นเช่นนี้ มันไม่ใช่เรื่องถูกหรือผิด ใครทำอะไรอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น

-- กับคำถามที่คุณถามมา คุณก็ทราบอยู่แล้วนี่ มิจฉาคืออะไร สัมมา คืออะไร ปริยัติเราควรเรียน ควรศึกษาไว้ เพื่อใช้ในการสื่อสารกัน เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ปริยัติที่เรายกมาแทรกในข้อความสนทนานั้นๆ มันถูกต้องแล้ว มันใช่แล้ว เพราะเราคิดว่ามันถูก เราจึงยกมาแทรก ถูกต้องไหม แต่คนที่อ่านข้อความนั้นๆอาจจะคิดไม่เหมือนเรา เพราะมันยังอยู่ในกระบวนการของความคิด ขนาดตัวเรายังมีสิทธิ์ที่จะคิดได้ แล้วจะไปห้ามไม่ให้คนอื่นเขาคิดได้อย่างไร

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 22:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณวไลพรก็เคยปฏิบัติมาบ้าง พอรู้ปริยัติมาบ้าง สมถกรรมฐาน -วิปัสสนากรรมฐาน ตามลิงค์นี้ถูกหรือผิดครับ
หรือไม่ถูกไม่ผิด

viewtopic.php?f=1&t=19616


กับเรื่องนี้ก็เหมือนกัน เขาจะเป็นอะไร อย่างไร มันก็เรื่องของเขา ใครอ่านแล้ว เชื่อข้อความนั้นๆ หรือไม่เชื่อข้อความนั้นๆ อันนั้นมันก็เป็นวิบากกรรมที่เขาได้ร่วมสร้างกันมา ส่วนจะเป็นกุศลหรืออกุศล นั่นมันก็เรื่องของเขา มันไม่ใช่หน้าที่ของเราจะไปเกี่ยวข้อง ยกเว้นว่าเราเคยสร้างเหตุร่วมมากับเขา จึงมามีวิบากร่วมกันเท่านั้นเอง อย่างดิฉันนี่ ถ้าถามว่า คำว่า วิปัสสนา หมายถึงอะไร ดิฉันก็จะตอบว่า ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นๆ ส่วนวิปัสสนาญาณนี่มันอีกเรื่องหนึ่ง และถ้าถามว่า การทำวิปัสสนา จำเป็นจะต้องมีสมาธิประกอบด้วยหรือไม่ ตอบได้ทั้งสองมุมคือ มีหรือไม่มีก็ได้ ขอแก้ไขเพิ่มเติมอีกนิด เรื่องการทำวิปัสสนา ที่ดิฉันกล่าวว่าจะมีสมาธิเป็นองค์ประกอบหรือไม่มีก็ได้
-- การดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ( วิปัสสนา ) ณ ขณะนั้นๆ ทำได้ทุกเวลา ทั้งในขณะที่เป็นสมาธิอยู่ อันนี้คือเกิดสมาธิก่อน แล้วมีอะไรเกิดขึ้นให้ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น กับ ขณะใช้ชีวิตปัจจุบัน ทุกอริยาบท อันนี้ยังไม่เกิดสมาธิ แต่อาจจะทำให้เกิดสมาธิในภายหลังได้ อะไรมากระทบเราก็ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น สิ่งใดที่ทำแล้วโดยใช้จิตจดจ่อในสิ่งนั้นๆ ก็สามารถทำให้เกิดสมาธิได้เช่นกัน แม้แค่เรานั่งอ่านหนังสือแล้วพิจรณาข้อความที่อ่านนั้นๆก็ทำให้เกิดสมาธิได้ กินข้าว เอาจิตจดจ่ออยู่กับการกิน ทุกอริยาบทที่ขยับกาย ก็สามารถทำให้เกิดสมาธิได้ อันนี้ขอบอกก่อนว่า อยู่ที่กุศลที่แต่ละคนเคยสร้างมาด้วย ไม่ใช่จะเกิดได้กับทุกคน แต่ ... ถึงไม่เกิดวันนี้ วันหน้าก็ต้องเกิด ถ้าเอาจิตจดจ่ออย่างต่อเนื่อง มันเหมือนกับการสะสมหน่วยกิตไว้ทีละนิดๆ
-- เพียงจะบอกว่า ไม่รู้จะบอกได้หรือเปล่า ขอนุญาติก็แล้วกัน ใครจะเป็นอะไรหรืออย่างไรมันก็เรื่องของเขา เหตุมี ผลจึงมี เหตุไม่มี ผลย่อมไม่มี ใครทำอะไรอย่างไร เขาย่อมได้รับผลเช่นนั้น ทุกอย่างมันมีผลต่อการปฏิบัติ ถ้าเราอยากสนทนาแลกเปลี่ยนมุมมองกับเขาก็สนทนาไป ถ้าสนทนาแล้ว มันทำให้จิตเกิดอกุศลก็อย่าไปสนทนา เพราะมันจะเป็นการสร้างกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นเปล่าๆ

เจริญในธรรมค่ะคุณกรัชกาย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 22:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="กรัชกาย"]

“สภาวะ” ได้แก่ อะไร ?

huh การรับรู้ความเป็นไปของจิตหรือเปล่า ขอรับ s002

:b23: มึน :b23: มึน :b23: มึน :b23: มึน :b23: มึน :b23: มึน :b23: มึน :b23: มึน

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณวไลพรครับ :b1:

การปฏิบัติธรรมมีทั้งที่ปฏิบัติผิดและปฏิบัติถูก จึงมีศัพท์เรียกการปฏิบัติผิดว่า มิจฉาปฏิปทา
เรียกการปฏิบัติถูกว่าสัมมาปฏิปทา มิใช่ไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูก อย่างที่คุณวไลพรกล่าวเป็นประจำ

ความเห็นก็เช่นกัน มีทั้งความเห็นผิดและความเห็นถูก จึงมีศัพท์เรียกการเห็นผิดว่ามิจฉาทิฐิ
เรียกการเห็นถูกว่า สัมมาทิฐิ ไม่ใช่ ไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูก

ผู้ซึ่งแนะนำผู้อื่นโดยเฉพาะการปฏิบัติกรรมฐาน แม้ตนเองก็ไม่รู้ว่าปฏิบัติอย่างนี้ผิด อย่างนี้ถูก เป็นกรรมของโยคีแล้วครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 22:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณวไลพรครับ :b1:

การปฏิบัติธรรมมีทั้งที่ปฏิบัติผิดและปฏิบัติถูก จึงมีศัพท์เรียกการปฏิบัติผิดว่า มิจฉาปฏิปทา
เรียกการปฏิบัติถูกว่าสัมมาปฏิปทา มิใช่ไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูก อย่างที่คุณวไลพรกล่าวเป็นประจำ

ความเห็นก็เช่นกัน มีทั้งความเห็นผิดและความเห็นถูก จึงมีศัพท์เรียกการเห็นผิดว่ามิจฉาทิฐิ
เรียกการเห็นถูกว่า สัมมาทิฐิ ไม่ใช่ ไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูก

ผู้ซึ่งแนะนำผู้อื่นโดยเฉพาะการปฏิบัติกรรมฐาน แม้ตนเองก็ไม่รู้ว่าปฏิบัติอย่างนี้ผิด อย่างนี้ถูก เป็นกรรมของโยคีแล้วครับ


แล้วเราจะรู้ได้ไงครับ ว่า อันไหนผิด อันไหน ถูก พิจารณายากจัง s006
เพราะขนาดกระผมคิดแทบตายว่าถูก มันก็ยังผิด หรือบ้างครั้งสิ่งที่ผมคิดว่าผิดมันดันถูก
พระวจนขอพระพุทธองค์ กล่าวประโยคเดียวกัน ยังแปล ความหมายไม่เหมือนกันเลย


แล้ว..... :b5: สรุป......










คำตอบกระทู้ข้างบนผมตอบถูกเปล่าครับ...... :b15:

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณวไลพรครับ :b1:

การปฏิบัติธรรมมีทั้งที่ปฏิบัติผิดและปฏิบัติถูก จึงมีศัพท์เรียกการปฏิบัติผิดว่า มิจฉาปฏิปทา
เรียกการปฏิบัติถูกว่าสัมมาปฏิปทา มิใช่ไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูก อย่างที่คุณวไลพรกล่าวเป็นประจำ

ความเห็นก็เช่นกัน มีทั้งความเห็นผิดและความเห็นถูก จึงมีศัพท์เรียกการเห็นผิดว่ามิจฉาทิฐิ
เรียกการเห็นถูกว่า สัมมาทิฐิ ไม่ใช่ ไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูก

ผู้ซึ่งแนะนำผู้อื่นโดยเฉพาะการปฏิบัติกรรมฐาน แม้ตนเองก็ไม่รู้ว่าปฏิบัติอย่างนี้ผิด อย่างนี้ถูก เป็นกรรมของโยคีแล้วครับ


-- รู้จักคำว่าปล่อยวางไหมคะคุณกรัชกาย จะกรรมของโยคี ไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศล มันก็เรื่องของเขา ก็บอกไปแล้วนี่คะว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เหตุมี ผลย่อมมี ไม่เห็นต้องไปคิดแทนใครเขาเลย

-- คุณเอาอะไรมาวัดว่า ปฏิบัติแบบไหนถูกหรือผิด มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดของคุณเท่านั้นเองที่คุณคิดว่ามันถูกหรือผิด

-- เอาเป็นว่า ดิฉันจะพูดเสมอๆว่า ดิฉันเคารพทุกความคิดเห็นของทุกคน ทุกวันนี้ก็ขอยืนยันคำเดิมค่ะไม่มาคิดแทนใครหรอกค่ะ ใครทำอะไร อย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น จบค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 23:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
กับเรื่องนี้ก็เหมือนกัน เขาจะเป็นอะไร อย่างไร มันก็เรื่องของเขา ใครอ่านแล้ว เชื่อข้อความนั้นๆ หรือไม่เชื่อข้อความนั้นๆ อันนั้นมันก็เป็นวิบากกรรมที่เขาได้ร่วมสร้างกันมา ส่วนจะเป็นกุศลหรืออกุศล นั่นมันก็เรื่องของเขา มันไม่ใช่หน้าที่ของเราจะไปเกี่ยวข้อง ยกเว้นว่าเราเคยสร้างเหตุร่วมมากับเขา จึงมามีวิบากร่วมกันเท่านั้นเอง อย่างดิฉันนี่ ถ้าถามว่า คำว่า วิปัสสนา หมายถึงอะไร ดิฉันก็จะตอบว่า ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นๆ ส่วนวิปัสสนาญาณนี่มันอีกเรื่องหนึ่ง และถ้าถามว่า การทำวิปัสสนา จำเป็นจะต้องมีสมาธิประกอบด้วยหรือไม่ ตอบได้ทั้งสองมุมคือ มีหรือไม่มีก็ได้ ขอแก้ไขเพิ่มเติมอีกนิด เรื่องการทำวิปัสสนา ที่ดิฉันกล่าวว่าจะมีสมาธิเป็นองค์ประกอบหรือไม่มีก็ได้
-- การดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ( วิปัสสนา ) ณ ขณะนั้นๆ ทำได้ทุกเวลา ทั้งในขณะที่เป็นสมาธิอยู่ อันนี้คือเกิดสมาธิก่อน แล้วมีอะไรเกิดขึ้นให้ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น กับ ขณะใช้ชีวิตปัจจุบัน ทุกอริยาบท อันนี้ยังไม่เกิดสมาธิ แต่อาจจะทำให้เกิดสมาธิในภายหลังได้ อะไรมากระทบเราก็ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น สิ่งใดที่ทำแล้วโดยใช้จิตจดจ่อในสิ่งนั้นๆ ก็สามารถทำให้เกิดสมาธิได้เช่นกัน แม้แค่เรานั่งอ่านหนังสือแล้วพิจรณาข้อความที่อ่านนั้นๆก็ทำให้เกิดสมาธิได้ กินข้าว เอาจิตจดจ่ออยู่กับการกิน ทุกอริยาบทที่ขยับกาย ก็สามารถทำให้เกิดสมาธิได้ อันนี้ขอบอกก่อนว่า อยู่ที่กุศลที่แต่ละคนเคยสร้างมาด้วย ไม่ใช่จะเกิดได้กับทุกคน แต่ ... ถึงไม่เกิดวันนี้ วันหน้าก็ต้องเกิด ถ้าเอาจิตจดจ่ออย่างต่อเนื่อง มันเหมือนกับการสะสมหน่วยกิตไว้ทีละนิดๆ
-- เพียงจะบอกว่า ไม่รู้จะบอกได้หรือเปล่า ขอนุญาติก็แล้วกัน ใครจะเป็นอะไรหรืออย่างไรมันก็เรื่องของเขา เหตุมี ผลจึงมี เหตุไม่มี ผลย่อมไม่มี ใครทำอะไรอย่างไร เขาย่อมได้รับผลเช่นนั้น ทุกอย่างมันมีผลต่อการปฏิบัติ ถ้าเราอยากสนทนาแลกเปลี่ยนมุมมองกับเขาก็สนทนาไป ถ้าสนทนาแล้ว มันทำให้จิตเกิดอกุศลก็อย่าไปสนทนา เพราะมันจะเป็นการสร้างกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นเปล่าๆ

เจริญในธรรมค่ะคุณกรัชกาย
[/quote]


ประเด็นนี้ทดลองดูว่า คุณยังจะยืนอยู่ว่าไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูกอยู่หรือไม่ :b1:
ดังกล่าวข้างต้นผู้ซึ่งแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมหรือปฏิบัติกรรมฐาน โยคีจะทำอย่างไรปฏิบัติอย่างไร
เกิดอะไรขึ้น ก็กล่าวเสียว่าก็ไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูก กรรมของโยคีนั่นแล้วครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 23:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ฉายตัวอย่างนี้ซ้ำอีกที

อ้างคำพูด:
ดิฉันก็มาปฏิบัติต่อที่บ้านได้สักระยะ เวลานอนก็เหมือนมีอะไรมาอำ เหมือนเป็นปลามาดิ้นบนตัว บางครั้งก็เป็นแมวน่ากลัวมากค่ะ บางทีก็เป็นเงาดำ จนดิฉันนอนไม่ได้ต้องเปิดไฟนอนตลอดค่ะ สิ่งเหล่านี้คือ เจ้ากรรมนายเวร ใช่ไหมคะ? จนทำให้ดิฉันกลัวและหยุดปฏิบัติไปนานพอสมควรเลยค่ะ

หลังจากนั้นพอมีเวลา ก็ไปมาอีกเป็นเวลา 3 วัน แล้วนำมาปฏิบัติต่อที่บ้านค่ะ โดย จะทำในช่วงบ่ายของทุกวัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ดิฉันไม่ได้อุปทานไปเองนะคะ ดิฉันจะได้กลิ่นเหม็นเน่า ตลอดเวลาบ่อยๆ ซึ่งดิฉันก้ออุทิศส่วนกุศล ตลอดค่ะ แต่ก็แปลกนะคะ อาการเหล่านี้ ไม่หายเลยค่ะ มันจะมีเป็นระยะๆๆๆ ซึ่งบางครั้งก้อเป็นหลายวันเลยค่ะ ดิฉันทรมานมากค่ะ เพราะบางทีรุนแรงมาก เหมือนพวกหนูตาย แต่คนที่อยู่ด้วยจะไม่ได้กลิ่นนี้ค่ะ
ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ? ถึงจะไม่มีอาการรับรู้แบบนี้ มันทุกข์ค่ะ บางทีกำหนดตามที่
ลพ.ท่านสอน ก็ไม่ดีขึ้นนะคะ ทุกวันนี้ดิฉันปฏิบัติทุกวัน มาได้ 7-8 เดือนแล้วค่ะ และดิฉัน
ก็ยอมรับนะคะ ว่า เป็นคนจิตอ่อน และคิดมาก เวลารับรู้อะไรแบบนี้ก้อ กลัวขึ้นสมองเลยค่ะ เพราะอยู่คนเดียวด้วย ที่พักก็เป็นอพาทเมนท์น่ะค่ะ
http://www.jarun.org/v6/board/viewtopic.php?t=11123


เวลานอนก็เหมือนมีอะไรมาอำ เหมือนเป็นปลามาดิ้นบนตัว บางครั้งก็เป็นแมวน่ากลัวมากค่ะ
บางทีก็เป็นเงาดำ
ดิฉันจะได้กลิ่นเหม็นเน่า ตลอดเวลาบ่อยๆ ซึ่งดิฉันก้ออุทิศส่วนกุศลตลอดค่ะ แต่ก็แปลก
นะคะ อาการเหล่านี้ ไม่หายเลยค่ะ มันจะมีเป็นระยะๆๆๆ ซึ่งบางครั้งก้อเป็นหลายวันเลยค่ะ ดิฉันทรมานมากค่ะ เพราะบางทีรุนแรงมาก เหมือนพวกหนูตาย


โยคีผู้นี้ ยังไม่ได้รับการแก้อารมณ์ที่ถูกต้อง ตามลิงค์ ผู้แนะนำยังว่าเทวดา ว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวร
บ้างก็ให้แก้ด้วยการให้สวดมนต์ บ้างก็แนะนำแบบเสริมสร้างกุศลธรรมหรือปลุกเร้ากุศล
แนะนำอย่างนั้นรับรองไม่มีทางจะแก้อารมณ์นั้นได้สำเร็จ และกระทบถึงจิตใจของโยคีตรงๆเต็มๆ พึงระวัง

อีกประการหนึ่ง แม้โยคีจะกำหนดรู้ดูตามสภาวะว่า “เหม็นหนอๆๆๆ” ดังตัวอย่างแล้ว จะต้องกำหนด
ทุกครั้งที่ได้กลิ่น มิใช่กำหนดเพียงครั้งหรือสองครั้ง ไม่ใช่ ๆ จะต้องกำหนดทุกครั้งที่ได้กลิ่น
เหม็นหรือกลิ่นหอม พึงกำหนดในใจตามสภาพ เหม็นก็ว่าเหม็น หอมก็ว่าหอม

หรือรู้สึกว่ามีอะไรมาอำ เหมือนปลามาดิ้นบนตัว หรือเป็นแมวเป็นเงา เป็นต้น ก็ต้องกำหนดทุกครั้ง
ที่เกิดสภาวะเช่นนั้น มิใช่ปล่อยอารมณ์นั้นไปเฉยๆลอยๆ และไม่ใช่ครั้งเดียวต้องกำหนดทุกครั้งที่รู้สึก
อย่างนั้น



นำตัวอย่างนี้มาฉายให้ดูอีกรอบหนึ่ง แล้วขอเตือนสติผู้ปฏิบัติธรรมด้วยความปรารถนาดีว่า เมื่อจะ
ปฏิบัติกรรมฐานโดยใช้คำบริกรรม พอง-ยุบหรือพุทโธเป็นต้น พึงแสวงหาผู้ที่พอแนะนำได้ คือ รู้ว่านี้เป็น
มิจฉาปฏิปทา นี้เป็นสัมมาปฏิปทา พึงเข้าหาบุคคลเช่นนั้น หากผู้นั้นไม่รู้ว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดถูกพึงถอยออกมาเสียจากบุคคลเช่นนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 23:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2008, 13:47
โพสต์: 288


 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาผู้ใหญ่ทะเลาะกัน
ก็น่าฟังเหมือนกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 23:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


guest เขียน:
เวลาผู้ใหญ่ทะเลาะกัน
ก็น่าฟังเหมือนกันนะ


เห็นด้วยขอรับ s004 คุณ guest

cry shocked คุณกรัชกาย อย่าสนธนาธรรมกับคุณ walaiporn เพลิน จนลืมตรวจการบ้านผมนะขอรับ sad

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 23:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่าปล่อยวางไหมคะคุณกรัชกาย จะกรรมของโยคี ไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศล มันก็เรื่องของเขา ก็บอกไปแล้วนี่คะว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เหตุมี ผลย่อมมี ไม่เห็นต้องไปคิดแทนใครเขาเลย

-- คุณเอาอะไรมาวัดว่า ปฏิบัติแบบไหนถูกหรือผิด มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดของคุณเท่านั้นเองที่คุณคิดว่ามันถูกหรือผิด

-- เอาเป็นว่า ดิฉันจะพูดเสมอๆว่า ดิฉันเคารพทุกความคิดเห็นของทุกคน ทุกวันนี้ก็ขอยืนยันคำเดิมค่ะไม่มาคิดแทนใครหรอกค่ะ ใครทำอะไร อย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น จบค่ะ



คุณวไลพร ถ้ากรัชกายปล่อยวางก็ไม่เข้ามาแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติกรรมฐานสิครับ :b1: :b12:
ที่มานี่ก็เพราะเวทนาสงสารบุคคลที่เขาศรัทธาภาวนามัยกุศล ปฏิบัติแล้วมีปัญหาดังตัวอย่างที่ยกมาให้ดู เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้
นี่หากกรัชกายมีความคิดได้ครึ่งหนึ่งของคุณ "ไม่มีอะไรถูกไม่มีอะไรผิด" ปล่อยวางไปนานแล้วครับ :b41:
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใกล้ปล่อยวางแล้วครับ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 23:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อวบอั๋นขั้นสุดท้าย เขียน:
guest เขียน:
เวลาผู้ใหญ่ทะเลาะกัน
ก็น่าฟังเหมือนกันนะ

เห็นด้วยขอรับ คุณ guest
คุณกรัชกาย อย่าสนธนาธรรมกับคุณ walaiporn เพลิน จนลืมตรวจการบ้านผมนะขอรับ


อย่ามองว่าทะเลาะกันสิครับคุณอวบอั๋น เรียกว่าเล่นหยอกบิดเนื้อกัน :b34:
คร้าบๆไม่ลืมหรอก แต่พลัดเป็นพรุ่งนี้แล้วกันคืนนี้ขอตัวไปนอนก่อน คุณวไลพรออกไปแล้ว เดี๋ยวนอนไม่ทันคุณวไลพร :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2008, 07:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อ วลัยพรค่ะ ไม่ใช่ วไลพร หรือคุณกรัชกายจะเรียกว่า วไลพร ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าตามสำเนาทะเบียนบ้านล่ะก็ ชื่อดิฉันคือ วลัยพรค่ะ

-- ตัวหนังสือ .... บางทีทำให้เข้าใจผิด คิดว่าดิฉัน กำลังทะเลาะกับคุณกรัชกาย จริงๆแล้ว ไม่มีอะไรค่ะ ดิฉันเพียงพูดในแบบของดิฉัน คุณกรัชกายก็พูดในแบบของคุณกรัชกาย ขออภัยด้วยค่ะที่อาจทำให้คนที่เข้ามาอ่านข้อความแล้วเข้าใจว่า ดิฉันกำลังทะเลาะกับคุณกรัชกาย

-- คุณกรัชกายนี่เป็นคนตลกจังเลยนะคะ :b32:

-- เท่าที่อ่านมาทั้งหมด มันไม่มีอะไรเลย เพราะไปคิดว่ามันมี มันจึงมี ตามความคิดเท่านั้นเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 175 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 56 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร