วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 23:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2008, 18:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 พ.ย. 2008, 16:22
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


กราบนมัสการพระคุณเจ้า และเพื่อนๆ ทุกคน

ดิฉันคงจะเป็นคนที่บาปมากคนหนึ่งที่รู้สึกไม่มีความสุข และรู้สึกผิดที่ไม่ชอบพ่อแม่ของตัวเองค่ะ

ใครๆ ก็รักพ่อแม่กันทั้งนั้น แต่ดิฉันโตมากับญาติๆที่คอยเลี้ยงดู และมีหลายๆอย่างทำให้รู้สึกว่าพ่อแม่เราไม่ค่อยเหมือนพ่อแม่คนอื่นๆ ที่เอาใจใส่ดูแลเป็นห่วงกัน ยิ่งโตขึ้นต้องแยกมาอยู่กับท่านโดยปราศจากญาติๆที่เรารักยิ่งรู้สึกว่าขาดความอบอุ่น ที่บ้านต่างคนต่างอยู่ในห้องตัวเอง โดยเฉพาะพ่อที่ไม่ค่อยสนใจใครเลย และแม่ที่มีนิสัยขี้โมโห อารมณ์แปรปรวนและเอาแต่ใจมากมายจนทำให้คนรอบข้างเครียดไปหมดจนน้องต้องอพยพออกไปอยู่นอกบ้าน พ่อก็ชอบมองโลกในแง่ร้าย ชอบกล่าวโทษคนอื่นรวมถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เวลาเจอหน้ากันไม่เคยทักทายกันดีๆ เลย ชอบอยู่คนเดียว และไม่ชอบทำบุญและช่วยเหลือใคร อีโก้สูง ชอบดูถูกคนอื่น และไม่สนใจการทำกิจกรรมร่วมกันของครอบครัว ทั้งๆ ที่ดิฉันพยายาม (อยู่คนเดียว) ในการเชื่อมโยงให้ทุกๆ คนในบ้านพูดคุยกัน

ดิฉันไม่ได้อยู่กับครอบครัวแต่ก็กลับบ้านบ้าง เนื่องจากหน้าที่การงาน พอดิฉันโตขึ้นมาและมีโอกาสได้เข้าหาธรรมะ ได้ปฏิบัติธรรมและฝึกสังเกตดูจิตดูใจตัวเอง ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น นิสัยไม่ดีต่างๆที่เหมือนแม่และพ่อก็ลดน้อยลง มองดูตัวเองและรู้จักตัวเองดีขึ้น เปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีอาจจะยังไม่ดีอะไรมากมายแต่ก็ทำให้คนรอบข้างสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลง และพ่อแม่ก็เกรงใจเรามากขึ้น(เวลาที่เขาจะใส่อารมณ์โมโห)

การที่เราเปลี่ยนตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่มันทำให้ทุกครั้งที่เราเข้าบ้าน เรามองเห็นความไม่รักใคร่ปรองดองของคนในครอบครัวและนิสัยต่างๆ (ที่เราก็เคยเป็น) เป็นเหมือนกระจกสะท้อนมองตัวเองว่า "เราก็เคยเป็น" และอยากให้คนที่บ้านเจอกับการเปลี่ยนแปลงไปในทางดีๆ แบบเราบ้าง ก็พยายามหลายทาง ทั้งซื้อหนังสือให้อ่าน พาไปวัด หาธรรมะให้ฟัง พาใส่บาตรตอนเช้า (ที่บ้านไม่มีใครทำบุญเลย ไม่ใส่บาตร ไม่ไปวัด) ก็รู้สึกว่าท่านดีขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ดีเสียทีเดียว ก็ยังขี้โมโห เจ้าอารมณ์และคิดในแง่ลบต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่ดี

ทุกครั้งที่ไหว้พระก็พยายามอธิฐาน ขอให้พ่อกับแม่มีความสุขกาย สุขใจ รักกัน สบายใจ มองสิ่งรอบข้างในแง่ดี ดิฉันรู้ว่าท่านไม่ค่อยมีความสุข (ที่ส่วนใหญ่เกิดจากวิธีคิดของตัวเอง) ใครๆ ก็มีพ่อแม่เป็นแบบอย่าง สำหรับดิฉัน เวลาเห็นท่านแล้วก็จะยิ่งบอกตัวเองว่าอย่าเป็นแบบนั้น เพราะมันทำให้คนรอบข้างไม่มีความสุขเลยค่ะ

อยากทราบว่าดิฉันบาปมากไหมที่คิดแบบนี้ และมีควรทำใจอย่างไรเพื่อแก้ไขคะ

ขอบคุณทุกๆ ท่านค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2008, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมว่าคนจำนวนมากในโลก ก็พูดและทำอะไรไม่ดีกับพ่อแม่ตนเองทั้งนั้น ผมเองเลวกว่าคนอื่นๆเยอะ
แต่ในที่สุดผมกลับเป็นคนดีที่สุดได้ คุณเองก็เช่นกัน คุณเองดีกว่าคนอื่นตั้งเยอะ คือ ยังมีความรู้สึกผิด
ที่ไม่ชอบพ่อแม่ตนเอง

ใจเย็นๆครับ ทุกสิ่งที่คุณประสพในโลก ล้วนเป็นกรรมเก่าของคุณส่งผลทั้งนั้น แล้วสิ่งเหล่านี้ก็จะ
ต้องผ่านไป ความทุกข์ ความสุขของคุณทั้งหมด อยู่ที่จิตคุณคิดอย่างไรเท่านั้น

ต้องปล่อยวางครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2008, 01:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 พ.ย. 2008, 16:22
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็พยายามปล่อยวางอยู่นะคะ แต่พออยู่ใกล้ๆ ท่านก็รู้สึกกดดันน่ะค่ะ เครียดว่าจะทำอะไรไม่ดีให้ท่านว่าหรือเปล่า ท่านหงุดหงิดง่าย และชอบพูดอะไรแต่ในแง่ลบ ก็พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรให้ท่านมีความสุขขึ้น และทำใจให้ตัวเองไม่เครียดน่ะค่ะ
...รู้สึกเหมือนทุกอย่างโยงใยกันไปหมด คือ ถ้าพ่อดี แม่ก็จะไม่เครียดและไม่อารมณ์ร้าย...เมื่อแม่ไม่อารมณ์ร้าย น้องก็คงจะกลับมาอยู่บ้าน...เมื่อน้องกลับมาบ้าน ก็จะทำให้ดูเป็นครอบครัว..ได้พูดคุยกัน (ปัจจุบันไม่มีเลย) และทำให้ตัวดิฉันเองก็พลอยสุขใจไปด้วย.. แต่ก็คงเป็นแค่ความหวัง..เพราะทุกวันนี้กลับบ้านแล้วรู้สึกเหงาเหลือเกินค่ะ

ขอบคุณคุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ มากค่ะที่ช่วยมาตอบกระทู้..และรอคำตอบของทุกๆ คนอยู่นะคะ :b46:

ปล. ใกล้วันเกิดน้อง ไม่มีใครโทรหาน้องเลย แม้แต่การหาของขวัญก็มีแต่เราที่ขยั้นขยอเตรียม (แล้วบอกว่าพ่อแม่เตรียมให้น้องนะ :b37: ) :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2008, 01:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 พ.ย. 2008, 16:22
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ปล.ทุกข์ใจจริงๆ ค่ะ ถึงได้มาโพสต์ในเวบนี้.. สงสัยที่ปฏิบัติธรรมมาคงจะคืนครูไปหมดแล้ว พอลงสนามจริงเที่ยวนี้ถึงขนาดทำใจไม่ถูกกันเลยทีเดียว.. สอบตก :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2008, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


maruko เขียน:
กราบนมัสการพระคุณเจ้า และเพื่อนๆ ทุกคน

ดิฉันคงจะเป็นคนที่บาปมากคนหนึ่งที่รู้สึกไม่มีความสุข และรู้สึกผิดที่ไม่ชอบพ่อแม่ของตัวเองค่ะ

ตอบ....
คุณก็รู้สึกตัวว่า ไม่ชอบตัวเอง แล้วทำไม ไม่ขจัดความคิดเหล่านั้นออกไป ทำไมไม่คิดว่า ท่านทั้งสองให้กำเนิด หรือสร้างเราขึ้นมา แม้ไม่ได้เลี้ยงดู มันก็ไม่สำคัญ มันสำคัญอยู่ที่ คุณได้อยู่เป็นมนุษย์ทุกวันนี้ เพราะท่านทั้งสอง



ใครๆ ก็รักพ่อแม่กันทั้งนั้น แต่ดิฉันโตมากับญาติๆที่คอยเลี้ยงดู และมีหลายๆอย่างทำให้รู้สึกว่าพ่อแม่เราไม่ค่อยเหมือนพ่อแม่คนอื่นๆ ที่เอาใจใส่ดูแลเป็นห่วงกัน ยิ่งโตขึ้นต้องแยกมาอยู่กับท่านโดยปราศจากญาติๆที่เรารักยิ่งรู้สึกว่าขาดความอบอุ่น ที่บ้านต่างคนต่างอยู่ในห้องตัวเอง โดยเฉพาะพ่อที่ไม่ค่อยสนใจใครเลย และแม่ที่มีนิสัยขี้โมโห อารมณ์แปรปรวนและเอาแต่ใจมากมายจนทำให้คนรอบข้างเครียดไปหมดจนน้องต้องอพยพออกไปอยู่นอกบ้าน พ่อก็ชอบมองโลกในแง่ร้าย ชอบกล่าวโทษคนอื่นรวมถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เวลาเจอหน้ากันไม่เคยทักทายกันดีๆ เลย ชอบอยู่คนเดียว และไม่ชอบทำบุญและช่วยเหลือใคร อีโก้สูง ชอบดูถูกคนอื่น และไม่สนใจการทำกิจกรรมร่วมกันของครอบครัว ทั้งๆ ที่ดิฉันพยายาม (อยู่คนเดียว) ในการเชื่อมโยงให้ทุกๆ คนในบ้านพูดคุยกัน

ตอบ.....
แล้วคุณไม่คิดบ้างเลยหรือว่า ตัวคุณก็ย่อมมีอุปนิสัย ไม่ได้แตกต่างจาก บิดามารดาของคุณ เพราะอุปนิสัยใจคอนั้น ส่วนใหญ่ล้วนได้รับจากบิดามารดา เมื่อคุณรู้อยู่ว่า ท่านทั้งสองเป็นอย่างนั้น แล้วคุณจะประพฤติอย่างท่านหรือ หรือว่าคุณจะต้องประพฤติในทางตรงกันข้ามกับท่าน จึงจะเกิดความสุขทั้งทางกาย และใจ
การจะทำบุญ หรือช่วยเหลือใคร หรือชอบดูถูกคนอื่น เป็นสิ่งไม่ดี แล้วคุณจะทำตามสิ่งที่คุณคิดว่าไม่ดีหรือ แล้วตัวคุณ ณ. ปัจจุบัน คุณไม่ได้มีความคิด แบบบิดามารดาของคุณหรือ พิจารณาตัวคุณเองซิ แถมอีกนิด สิ่งที่คุณคิดว่า พ่อแม่คุณกระทำอยู่ คุณก็กำลังกระทำอยู่ ประพฤติอยู่กับพ่อแม่ของคุณ พิจารณาดูเถิด



ดิฉันไม่ได้อยู่กับครอบครัวแต่ก็กลับบ้านบ้าง เนื่องจากหน้าที่การงาน พอดิฉันโตขึ้นมาและมีโอกาสได้เข้าหาธรรมะ ได้ปฏิบัติธรรมและฝึกสังเกตดูจิตดูใจตัวเอง ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น นิสัยไม่ดีต่างๆที่เหมือนแม่และพ่อก็ลดน้อยลง มองดูตัวเองและรู้จักตัวเองดีขึ้น เปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีอาจจะยังไม่ดีอะไรมากมายแต่ก็ทำให้คนรอบข้างสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลง และพ่อแม่ก็เกรงใจเรามากขึ้น(เวลาที่เขาจะใส่อารมณ์โมโห)

ตอบ...
เขาไม่เกรงใจคุณดอกขอรับ แต่เขาเห็นว่า คุณโตแล้ว มีความคิด มีสมองสติปัญญา ที่จะแยกแยะ ชั่วดีแล้ว ท่านจึงไม่
อยากพูดมาก


การที่เราเปลี่ยนตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่มันทำให้ทุกครั้งที่เราเข้าบ้าน เรามองเห็นความไม่รักใคร่ปรองดองของคนในครอบครัวและนิสัยต่างๆ (ที่เราก็เคยเป็น) เป็นเหมือนกระจกสะท้อนมองตัวเองว่า "เราก็เคยเป็น" และอยากให้คนที่บ้านเจอกับการเปลี่ยนแปลงไปในทางดีๆ แบบเราบ้าง ก็พยายามหลายทาง ทั้งซื้อหนังสือให้อ่าน พาไปวัด หาธรรมะให้ฟัง พาใส่บาตรตอนเช้า (ที่บ้านไม่มีใครทำบุญเลย ไม่ใส่บาตร ไม่ไปวัด) ก็รู้สึกว่าท่านดีขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ดีเสียทีเดียว ก็ยังขี้โมโห เจ้าอารมณ์และคิดในแง่ลบต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่ดี

ตอบ.....
คุณนึกถึงคำสุภาษิต นี้ซิ
"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" คุณก็รู้อยู่ว่าพ่อแม่ของคุณเป็นอย่างไร แล้วทำไม คุณถึงอยากให้พ่อแม่ของคุณ เป็นไปตามที่คุณต้องการ คุณคิดบ้างไหมว่า บิดามารดา ต้องการให้คุณเป็นไปตามที่ท่านต้องการ บ้างหรือไม่ คือ คุณสามารถทำตัวประพฤติตัว ให้เป็นไปตามความต้องการของพ่อแม่คุณบ้างหรือไม่


ทุกครั้งที่ไหว้พระก็พยายามอธิฐาน ขอให้พ่อกับแม่มีความสุขกาย สุขใจ รักกัน สบายใจ
มองสิ่งรอบข้างในแง่ดี ดิฉันรู้ว่าท่านไม่ค่อยมีความสุข (ที่ส่วนใหญ่เกิดจากวิธีคิดของตัวเอง) ใครๆ ก็มีพ่อแม่เป็นแบบอย่าง สำหรับดิฉัน เวลาเห็นท่านแล้วก็จะยิ่งบอกตัวเองว่าอย่าเป็นแบบนั้น เพราะมันทำให้คนรอบข้างไม่มีความสุขเลยค่ะ

ตอบ...
ขอถาม ท่านทั้งสองยังอยู่ด้วยกันไหม ถ้าบิดามารดาของคุณ ยังอยู่ด้วยกัน แสดงว่า คุณคิดผิด เพราะหากท่านทั้งสองไม่มีความสุข ไม่รักกัน ไม่มีความสบายใจ บิดามารดาของคุณ คงแยกทางกันนานแล้ว
ใช้สมองสติปัญญา คิดพิจารณาให้ดีขอรับ



อยากทราบว่าดิฉันบาปมากไหมที่คิดแบบนี้ และมีควรทำใจอย่างไรเพื่อแก้ไขคะ
ขอบคุณทุกๆ ท่านค่ะ


ตอบ...
บาป คือ ความไม่ดี ทั้งทางกาย วาจา และใจ โดยเฉพาะกับบุพการี ด้วยแล้วคนไทยถือมากๆ คุณไปพิจารณาเอาเอง แก้ไขตัวเองตามคำแนะนำของหลายๆท่าน จบขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2008, 10:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 พ.ย. 2008, 16:22
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ในเวบนี้ค่ะ ยังไม่ค่อยรู้จักเวบนี้ดีเท่าไหร่
แต่พอมาเจอคำตอบนี้ก็จ๋อยไปเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2008, 20:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2008, 08:42
โพสต์: 67

ที่อยู่: สังขตธาตุ

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณทำดีที่สุดแล้วครับในความพยายามที่เล่ามา...
ไม่ว่าจะเป็นปรับตัวคุณเองและชักชวนพ่อแม่สนใจธรรมะ
พยายามทำต่อไปครับ...

อันความรู้สึกไม่ดีต่อพ่อและแม่นั้นอาจเป็นเพราะความรู้สึกที่ไม่ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็กเนื่องจากท่านไม่ได้เลี้ยงคุณ หรืออาจเป็นเพราะคุณรู้สึกไปเองก็ได้ครับ

ยังไรเสียนึกถึงตอนที่คุณยังอยู่ในท้องแม่ จะกินจะนอน
นั่ง ยืน ล้วนลำบาก กลัวลูกจะเจ็บเผ็ดร้อนจากอาหารที่แม่กินไม่ถูก
อุ้มท้องอยู่เกือบสิบเดือน เบ่งออกมาก็แสนจะเจ็บปวด

แค่นี้พระคุณท่านก็ตอบแทนไม่หมดแล้วครับ

ทำดีต่อไปครับแล้ววันหนึ่ง วันนั้นจะมาถึง...

.....................................................
เราคือใจที่บริสุทธิ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2008, 01:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2008, 23:07
โพสต์: 151

ที่อยู่: BKK.

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าลองมาตั้งกระทู้หยั่งเสียงแบบนี้ก็แสดงว่ายังมีสำนึกที่ดี

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะไปเปลี่ยนทัศนคติและความคิดคน โดยเฉพาะคนที่ชอบบอกว่าเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน ต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก ถ้าเชื่อว่าน้ำหยดลงหินทุกวันมันยังกร่อน อีกอย่างหนึ่งมันเกิดจากกำลังบารมีของพ่อ แม่ของคุณด้วย เพราะบารมีของเดิมท่านมีน้อยกว่าคุณจึงมองไม่เห็นธรรมะอย่างคุณ ลองเริ่มจากให้ท่านทั้งสองให้ทาน เช่น หยอดเงินในตู้บริจาค แบ่งปันเสื้อผ้า อาหาร ยา รักษาโรคตามแต่ปัจจัย และอื่นๆเท่าที่โอกาสอำนวย ก่อนที่จะขยับขยายไปขั้นต่อไป คือ รักษาศีล5 แล้วสู่ขั้นสุดยอดคือ ภาวนา ขอให้ไปเป็นstepช้าๆ เพราะท่านเองก็ต้องการเวลาในการปรับพฤติกรรมที่เคยชินซึ่งอาจมีมาก่อนคุณเกิดเสียอีก ขอให้เข้าใจธรรมชาติและจิตวิทยาของคนวัยนั้นด้วยคุณเป็นลูกที่ประเสิฐมาก ขอชื่นชม เพราะคุณได้ให้สิ่งอันเป็นประเสริฐของชีวิตต่อผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิต เชื่อว่าแม้แต่เทวดาก็ยังชื่นชม
:b8:

.....................................................
จงระมัดระวังกาย วาจา ใจ ไม่ให้ไปทำร้ายใคร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2008, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b40: ก็แผ่เมตตาให้พ่อกับแม่สิครับ ทำบุญเสร็จก้กรวดน้ำและแผ่เมตตาไปให้ท่าน สวดมนต์เสร็จก้แผ่เมตตา
ไปให้ท่านทั้งสองมีความสุข หรือนั่งกรรมฐานเสร็จก้แผ่บุญกุศลจากการนั่งไปให้ท่านทั้งสอง และที่สำคัญพ่อแม่คนในบ้านไม่ทำ แต่เราคิดดี ก็จงเร่งทำความดีอย่าได้คลอนแคลนสงสัยอะไรๆเลยครับ
:b40: :b40: พ่อแม่เรา จะดีเหมือนพ่อแม่คนอื่นไหม คงไม่จำเป็นครับ สำคัญสุดเรารักท่านทั้งสองมากแค่ไหน แม้แต่ตัวเราเองยังสอนตัวเองยากเลย ดังนั้นจะให้พ่อแม่มาคิดดีเหมือนกะเราคงยากมากเหมือนกันนะครับ :b42: :b39: แต่ผมจะบอกไว้อย่างหนึ่งว่าเมื่อเราทำบุญไปมากๆเข้าจนเราศรัทธาในตัวเองและพุทธศาสนาแล้ว พ่อแม่เราจะค่อยๆกลับมาคิดเหมือนเราครับ :b39: เป็นคนดีที่เก่งอย่าท้อง่ายๆน่ะ :b48: :b42: :b41:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2008, 02:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


สุขทุกข์ทั้งหลายเกิดจากการเปรียบเทียบ

เราคิดไปว่า พ่อแม่ต้องมีคุณสมบัติอย่างนั้นอย่างนี้ จึงจะเรียกว่าเป็นพ่อแม่ที่ดี
เป็นลูกต้องมีคุณสมบัติอย่างนั้นอย่างนี้ จึงจะเป้นลูกที่ดี


ความคิดเปรียบเทียบเหล่านี้มันเกิดมาจากสิง่ที่เรียกว่า "สัญญา" (ทุกอย่างที่เรารู้เก็บอยู่ในความทรงจำ)
หรือพูดง่ายๆว่า เราเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจำได้ ค่านิยมต่างๆที่เราเชื่อ
เอาสิ่งเหล่านั้นมาคิด

เราคิดไปต่างๆนาๆ
เราชอบคิดแบบเปรียบเทียบสิ่งที่เป็นอยู่จริงในเวลานี้ กับสิ่งที่เราคิดว่าควรจะเป็น

ลูกที่ดีต้องเป้นอย่างนั้น อย่างนี้...
พ่อแม่ที่ดีต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้...
ฝ่ายหนึ่ง ก็อยากให้อีกฝ่ายหนึ่ง เป้นอย่างที่ตัวเองต้องการทั้งสิ้น...
ใจเราอย่างไร ใจเขาอย่างนั้น

เราอยากให้เขาเป้นอย่างนั้นอย่างนี้ เขาก็อยากให้เราเป้นอย่างนั้นอย่างนี้...
ใจเขาอย่างไร ใจเราอย่างนั้น...

แต่แม้ว่าจะอยากเปลี่ยนแปลงกันและกันอย่างไรก้ตาม มันได้แค่คิด...
เพราะในความเป้นจริงในเวลาปัจจุบัน มันไม่เป้นไปอย่างนั้น
ยิ่ง"อยาก" เท่าไหร่ แล้วมัน"ไม่สมอยาก" เรายิ่งทุกข์มากเท่านั้น


การที่เราชอบปล่อยให้จิตเราทำกิจกรรมอย่างนี้แหละ ทำให้เราเป้นทุกข์
เรามักจะเผลอทำอย่างนี้อยู่ประจำ โดยมองไม่เห้นโทษของการทำอย่างนี้



พ่อแม่จะเป้นยังไงช่างเขา โลกทั้งโลกจะเป้นยังไงช่างเขา
ใครจะตั้งความหวังอะไรยังไงกับเราช่างเขา

หน้าที่เราคือพัฒนาจิตใจ ยกระดับจิตใจเราให้มันเป็นอิสระจากความทุกข์
ให้มันมี"ความรู้ทัน" ว่า...
เอ๊ะ... จิตกำลังคิดอีกแล้ว
เอ๊ะ.. จิตกำลังสร้างความทุกข์อีกแล้ว
มันทำอย่างเดิมๆอีกแล้ว แล้วผลที่ได้คือทุกข์ทั้งนั้น

คิดไปก้ทุกข์ แล้วเมื่อคิดไปเท่าไหร่ ปัญหามันก็เหมือนเดิม
คนนั้นคนนี้เขาก็เป้นอย่างเดิม อะไรๆมันก้มีความเป้นไปของมันอย่างเดิม
แต่เรานี่กลับคิด คิด คิด
แล้วก้ทุกข์ ทุกข์ ทุกข์

สรุปว่า คิดไปเท่าไหร่ๆ ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร นอกจากทำให้ใจเศร้าหมอง เป้นทุกข์

ทางออกคือการสังเกตุรู้ให้ทัน ในเวลาที่เราเผลอคิดปรุงแต่ง
การรู้ทัน ก็คือ สติ
สติเกิด เราก้จะหยุดปรุงแต่งความคิด

ถ้าจะยังมีความคิดอยู่ มันก็จะเป้นการคิดไปตามหน้าที่
และความคิดแบบคิดไปตามหน้าที่นี้ มันไม่ทำให้เรา้เืดือดร้อนเป้นทุกข์ไปด้วย
กล่าวคือ คิดถึงหน้าที่ของลูก เราก้ทำหน้าที่ของลูกไป
โดยไม่ได้แบกเอาความเศร้าหมองขมขื่นเอาไว้

เหมือนคนกำลังกินข้าวสองคน ที่กินอาหารด้วยกันอยู่
คนหนึ่งกินไปตามที่มีให้กิน ไม่เดือดร้อนอะไร

อีกคนกลับ กินไปก็คิดไปว่า อยากกินหูฉลาม อยากกินภัตาคาร
ทำไมเราไม่ได้กินอย่างนั้น ทำไมเราไม่ได้กินอย่างนี้
เรานี้แสนดี ทำความดีมากมาย ทำไมเราถึงต้องมานั่งกินอาหารสั่วๆแบบนี้
ทำไม ทำไม ทำไม

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 131 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร