วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 05:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2008, 11:00 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2008, 17:29
โพสต์: 191

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ทางเดินที่พ้นทุกข์ เมื่อ 12 เม.ย. 2009, 23:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2008, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


สวัสดีครับพี่ครับ....

ผมว่าเป็นไปได้ทั้ง 2 ประการครับคืออาจช่วยให้กรรมเบาบางลงและทำให้จิตใจเราสบายขึ้น

เรื่องของกรรมนั้นเป็นอจินไตร (คำว่า “อจินไตย” แปลว่า ไม่ควรคิด แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้คิด )

แต่เรื่องตัดกรรมให้หมดเลยนั้น ทำไม่ได้ ไม่มีใครหนีกรรมพ้นแม้แต่พระพุทธเจ้าของเราเอง

ลองอ่านดูครับ......

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังถึงกรรมที่เราได้กระทำไว้แล้ว"

เราเห็นภิกษุผู้อยู่ป่ารูปหนึ่ง จึงได้ถวายผ้าท่อนเ ในกาลนั้นเราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก ผลแห่งกรรมอันเนื่องด้วยผ้าท่อนเก่านั้น ได้สำเร็จแม้ในความเป็นพระพุทธเจ้า

เราเคยเป็นนักเลงสุราชื่อ ปุนาลิ ในชาติก่อน ๆ ได้กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า สุรภี ผู้มิได้ทุษร้าย ผลแห่งกรรมนั้น เราจึงท่องเที่ยวไปในนรกสิ้นกาลนาน เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปีเป็นอันมาก ด้วยกรรมที่เหลือนั้น ในภพสุดท้ายนี้ก็ถูกใส่ความ เพราะเหตุนางสุนทริกา

ในกาลก่อนเราได้เคยฆ่าน้องชายต่างมารดา ด้วยเหตุแห่งทรัพย์ ผลักลงในซอกเขาเอาหินทุ่ม ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เทวทัตจึงเอาหินทุ่มเราสะเก็ดหินมาถูกหัวแม่เท้าเรา

เราเคยเป็นเด็กในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลา ก็มีความชื่นชอบ ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราจึงเกิดการเจ็บที่ศรีษะ

เราเป็นผู้มีชื่อว่า โชติปาละ ได้เคยกล่าวกับพระสุคตพระนามกัสสปะว่า การตรัสรู้เป็นได้โดยยาก ท่านจะได้จากต้นไม้ที่ไหนกัน ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราได้บำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลา 6 ปี ต่อจากนั้นจึงได้บรรลุการตรัสรู้ เรามิได้บรรลุการตรัสรู้โดยตรง ได้แสวงหาไปในทางที่ผิด เพราะถูกกรรมเก่าทวงเอา

เราสิ้นบุญสิ้นบาปแล้ว เว้นแล้วแต่จากความเดือดร้อนทั้งปวง ไม่มีความโสก ไม่มีความคับแค้น ปราศจากอาสวะ จักปรินิพพาน

เราจะเห็นได้ว่าแม้องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นบรมศาสดาของเรา ก็ยังมิอาจหลีกเลี่ยงผลของกรรมที่ตนได้กระทำไว้ แม้ยินดีในการฆ่าปลาของเขา ยังต้องรับผลมโนกรรมนั้นด้วยการปวดศรีษะ แม้ได้กล่าวร้ายต่อผู้อื่นไว้ก็จะต้องถูกใส่ร้ายในชาตินี้ กรรมสนองกรรมจึงเป็นกลไกที่สลับซับซ้อนเกินกว่าจะคิดถึง

อิทธิฤทธิ์ก็ยังแพ้กรรม แม้จะมีฤทธิ์อำนาจขนาดไหน ก็ไม่มีใครหนีกฏแห่งกรรมพ้นได้ เช่น พระโมคคัลลานะ อัครสาวกฝ่ายซ้าย อรหันต์ผู้เรืองฤทธิ์ ขนาดม้วนแผ่นดิน ยกภูเขาทั้งลูกได้ สามารถเหาะไปเที่ยวสวรรค์หรือนรกได้ ประสานกระดูกที่แตกหักให้ติดกันได้ ก็ยังถูกวิบากกรรมติดตามทวงเอาในปั้นปลายชีวิต

:b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2008, 15:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


มีพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าอยู่บทหนึ่ง ที่อยู่ในสุตตันต มัชฌิชนิกาย สัจจวิภังคสูตร สัจจภังคสูตร 22/542-546(ผมอ่านมาจากหนังสือธรรมธาตุ ธรรมชาติของสรรพสิ่ง ของคณะสังคมผาสุก เพื่อความผาสุกของสังคม หน้า 229) เรื่องการก้าวล่วงบาปกรรม

เรื่องการก้าวล่วงบาปกรรมนั้น ก็คือการสำนึกบาปอย่างจริงใจนั่นเอง สิ่งนี้เป็นการขจัดมลทิน
แห่งอกุศลออกไปจากจิต ทำให้กรรมดำกลายเป็นกรรมขาว และวิบากของกรรมดำที่เราเคยทำไปแล้วในอดีต เบา
บางลงได้พระพุทธองค์ทรงตรัสแนะนำให้ก้าวล่วงออกจากกรรมเสีย โดยการกำหนดอธิษฐานจิต
ตั้งใจมั่นว่า


“ กรรมนั้นๆเป็นสิ่งไม่สมควร ต่อไปนี้ตลอดไปนิรันดร
เราจะไม่กระทำกรรมนั้นอีกเป็นอันขาด ”


เมื่อเราตั้งใจแน่วแน่ดังนี้แล้ว ใจของเราจะก้าวออกจากกรรมนั้นได้

ในโลกมนุษย์ เพราะว่าคุณได้สำนึกผิดอย่างเด็ดขาดไปแล้ว วิบากกรรมที่จะส่งผลถึงคุณนั้นจะเบาบางลงมาก
แต่ไม่กลายเป็น 0 เพราะผิดกฎแห่งกรรม ส่วนในปรโลก วิบากกรรมนั้นจะกลายเป็นเศษกรรมไป


ตัวอย่าง

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ในวัยเด็กท่านเคยฆ่าไก่ตายเป็นจำนวนมากด้วยการหักคอไก่ ต่อมาหลังจากท่านมา
บวชเป็นพระแล้ว ท่านก็สำนึกในบาปกรรมที่เคยได้ทำในวัยเด็ก และท่านก็รู้ในจิตของท่านจากการปฏิบัติกรรมฐาน
ด้วยว่า เหล่าวิญญาณไก่ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของท่านตามมาทวงหนี้แล้ว ท่านก็ต้องรับผลกรรมนั้น โดยต้องคอหัก
ตายในวันที่ 14 ตุลาคม 2521 (ขออภัยถ้าจำผิด) และแล้ว.....เหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นจริงๆ ท่านรถคว่ำคอหัก แต่ทว่า
ท่านไม่ตายครับ อยู่ต่อมาถึงทุกวันนี้ให้เราได้กราบไหว้ เป็นผลมาจากการสำนึกบาปหรือการก้าวล่วงกรรมของท่าน
ทำให้วิบากกรรมของท่านนั้นเบาบางลงนั่นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2008, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


Puy เขียน:
สวดขอขมาชำระจิต โดยกล่าวคำขอขมาและสวดใช้บทสวดพระปริตตและอีกหลายบทเท่าอายุเพื่อให้เกิดพลังในการปัดเป่าความทุกข์

การสวดขอขมาชำระจิตสามารถทำให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมหรือโรคภัยหรือทุกข์ที่เกิดกับผู้นั้น
สามารถหายไปได้จริงหรือ


จริงครับ การสวดขอขมาก็คือการก้าวล่วงบาปกรรมนั่นเอง เป็นการชำระจิตวิธีหนึ่ง สามารถทำ
ให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรมหรือโรคภัยหรือทุกข์ที่เกิดกับผู้นั้นสามารถหายไปได้จริง แต่คุณควรแผ่เมตตาจาก
สมาธิของคุณหลังจากสวด หรือทำบุญอทิศกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรที่เกี่ยวกับโรคนั้นด้วย

หลวงพ่อจรัล ท่านแค่สำนึกในบาป ทำการก้าวล่วงบาปกรรม กรรมหนักของท่านที่ต้องคอหักตาย ก็กลายเป็น
คอหักเฉยๆ เนื่องจากท่านไม่ได้แผ่เมตตาห้วิญญาณไก่ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวร

แต่อีกกว่า 10 ปี ท่านก็เผชิญโรคไส้เน่าถึงตาย เป็นผลจากท่านไปตอนไก่แล้วตายจำนวนมาก วิญญาณไก่เหล่านั้น
มาทวงหนี้กรรม แต่คราวนี้ หลวงพ่อจรัล ไม่เพียงแต่สำนึกในบาป ทำการก้าวล่วงบาปกรรม ท่านได้ทำกรรมฐาน
อุทิศผลบุญให้เจ้ากรรมนายเวรด้วย เจ้ากรรมนายเวรเลยพอใจ อาการป่วยหนักของท่านจึงค่อยๆหายไปเป็นปลิดทิ้ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2008, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดๆภาพนั้นจะเดินทางไปในอวกาศของจักรวาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่จะเชื่อมโยงเป็นลูกโซ่ติดกับตัวปัจจุบันของเรา

ภาพการกระทำนั้นๆคือวิบากกรรม

ถามว่าเราจะกลับไปลบวิบากนั้นในอดีตได้อย่างไร

มีแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำความดี ทำกุศลมากๆเพือไปเจือจางกระกระทำที่เป็นอกุศล

ยกตัวอย่างง่ายที่สุด

ใครสามารถย้อนกลับไปเกิดใหม่เป็นตัวเราในปัจจุบันนี้ได้

หรือ พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ทำได้

ขนาดพบพระพุทธเจ้ายังทำมาแล้วเลย

จริงแม๊ะ

มาร มาร มาร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2008, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


"mes"



ไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดๆภาพนั้นจะเดินทางไปในอวกาศของจักรวาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่จะเชื่อมโยงเป็นลูกโซ่ติดกับตัวปัจจุบันของเรา ...ทฤษฎีเหลวไหล มั่วขึ้นมาเอง เข้าขั้นเพ้อ
ภาพการกระทำนั้นๆคือวิบากกรรม

ถามว่าเราจะกลับไปลบวิบากนั้นในอดีตได้อย่างไร ....ถามพระพุทธเจ้าดูซิครับ พระองค์เป็นผู้ตรัสสนอมีแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำความดี ทำกุศลมากๆเพือไปเจือจางกระกระทำที่เป็นอกุศล


ใครสามารถย้อนกลับไปเกิดใหม่เป็นตัวเราในปัจจุบันนี้ได้ ....ความรู้เท่าหางอึ้ง
ดันถามเรื่องที่ลึกเกินกว่าวิทยาการปัจจุบัน มาร..มาร..มาร แต่อยากรู้ในสิ่งที่มารไม่มีทางจะรู้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2008, 09:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:
"mes"



ไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดๆภาพนั้นจะเดินทางไปในอวกาศของจักรวาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่จะเชื่อมโยงเป็นลูกโซ่ติดกับตัวปัจจุบันของเรา ...ทฤษฎีเหลวไหล มั่วขึ้นมาเอง เข้าขั้นเพ้อ
ภาพการกระทำนั้นๆคือวิบากกรรม

ถามว่าเราจะกลับไปลบวิบากนั้นในอดีตได้อย่างไร ....ถามพระพุทธเจ้าดูซิครับ พระองค์เป็นผู้ตรัสสนอมีแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำความดี ทำกุศลมากๆเพือไปเจือจางกระกระทำที่เป็นอกุศล


ใครสามารถย้อนกลับไปเกิดใหม่เป็นตัวเราในปัจจุบันนี้ได้ ....ความรู้เท่าหางอึ้ง
ดันถามเรื่องที่ลึกเกินกว่าวิทยาการปัจจุบัน มาร..มาร..มาร แต่อยากรู้ในสิ่งที่มารไม่มีทางจะรู้ได้


อรหันต์ไม่ยึดในขันธ์5 วิบากทั้งหลายไม่มีที่ยึดแล้วจึงขาดสบั้นลง

กลายเป็นอโหสิกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2008, 10:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
อรหันต์ไม่ยึดในขันธ์5 วิบากทั้งหลายไม่มีที่ยึดแล้วจึงขาดสบั้นลง

กลายเป็นอโหสิกรรม


ถ้าคุณบรรลุอรหันต์จริง คุณก็อยู่ในฝ่ายดำ เป็นมารคอยกวนคนอื่น พูดง่ายๆ คุณคือ พระยามาร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2008, 10:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:
mes เขียน:
อรหันต์ไม่ยึดในขันธ์5 วิบากทั้งหลายไม่มีที่ยึดแล้วจึงขาดสบั้นลง

กลายเป็นอโหสิกรรม


ถ้าคุณบรรลุอรหันต์จริง คุณก็อยู่ในฝ่ายดำ เป็นมารคอยกวนคนอื่น พูดง่ายๆ คุณคือ พระยามาร


นี่คุณยกย่องผมเองน่ะ

เป็นถึงพระยา

ใหญ่โตไม่ใช่เล่น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 89 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร