วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 23:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 86 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2008, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คิริมานนทสูตร ( อุบายรักษาโรค ) : เมืองพระนิพพาน

ตทนนฺตรํ ในลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสเทศนาต่อไปอีกว่า อานนฺท ดูกรอานนท์ นิพฺพานํ นครํ นาม
อันชื่อว่าเมืองพระนิพพานย่อมตั้งอยู่ในที่สุดแห่งโลก โลกมีที่สุดเพียงใด พระนิพพานก็ตั้งอยู่ที่สุดเพียงนั้น พระ
นิพพานเป็นพระมหานครอันใหญ่ เป็นที่บรมสุขหาที่เปรียบมิได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2008, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ผลของตันหาอยากรู้ที่เกิดในอุปจารสมาธิ
มีอำนาจมากถึงเพียงนี้ทีเดียว

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2008, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ทุกข์นั่นแหละมีอยู่ แต่ผู้ทุกข์หามีไม่ การกระทำมีอยู่ แต่ผู้ทำไม่มี นิพพานมีอยู่ แต่คนผู้นิพพานไม่
มี ทางก็มีอยู่ แต่ผู้เดินทางไม่มี” วิสุทธิ.3/101

“ว่าโดยความจริงแท้ (สัจจะ) ในโลกนี้มีแต่นามและรูป (นามธรรมและรูปธรรม) ก็แล ในนามและรูปนั้น
สัตว์หรือคน ก็หามีไม่ นามและรูปนี้ว่างเปล่า ถูก (ปัจจัย) ปรุงแต่งขึ้น เหมือนดังเครื่องยนต์ เป็นกอง
แห่งทุกข์ (สิ่งไม่คงตัว) เช่นกับหญ้าและฟืน” วิสุทธิ.3/ 216

“ธรรมทั้งหลายยังธรรมทั้งหลายให้เกิดขึ้น โดยความประกอบพร้อมแห่งเหตุเป็นปัจจัย พระพุทธเจ้าทรงแสดง
ธรรมเพื่อความดับแห่งเหตุทั้งหลาย เมื่อเหตุทั้งหลายระงับไป วงจร (วัฏฏะ) ขาด ก็ไม่หมุนต่อไป
พรหมจรรย์ ย่อมมีเพื่อการทำความจบสิ้นทุกข์อย่างนี้ เมื่อหาตัวสัตว์ไม่ได้ จึงไม่มีทั้งขาดสูญ ไม่มีทั้ง
เที่ยงแท้ยั่งยืน” วิสุทธิ.3/383

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2013, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
...นิพพานัง ปรมังสุขัง นิพพานัง ปรมังสูญญัง...นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง นิพพานไม่สูญ...
...จิตที่ถึงนิพพานเป็นจิตที่มีพลังงานปัญญา...ก่อนจะเป็นปัญญาที่สามารถบรรลุนิพพานได้...
...จิตจะมีกำลังจะต้องมีการฝึกฝนสมาธิ ในต่างประเทศก็มีคอร์สสอนการทำสมาธิฝึกพลังจิต...
...ครั้งพุทธกาลการฝึกสมาธิจนเชี่ยวชาญได้ฌานสมาบัตินั้นสามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ได้...
...สามารถล่องหนหายตัว เหาะเหินเดินอากาศได้ โดยเฉพาะพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์...
...ทรงสามารถแสดงฤทธิ์ได้หลายๆอย่างไปพร้อมๆกันที่ยิ่งไปกว่าพระอรหันตสาวกเป็นปกติวิสัยพระพุทธเจ้า...
...1ดวงจิตที่เข้าสู่พระนิพานก็คือ 1หน่วยพลังงานปัญญา ซึ่งไม่สูญหายไปไหน เมื่อไหร่ที่อธิษฐานจิต...
...ขอให้เกิดปัญญารู้แจ้งในธรรมในปัจจุบันชาติ คุณจะรู้ได้เลยว่าเวลาได้ยินครูบาอาจารย์สอนธรรมะ...
...เวลาอ่านหนังสือธรรมะหรือเวลาเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เหมือนได้ความรู้ที่ช่วยให้เกิดปัญญา...
...ไม่ใช่สิ่งที่บังเอิญก็จิตพระพุทธเจ้าที่บรรลุนิพพาน1ดวงเท่ากับน้ำ1หยด พระพุทธเจ้ามีเป็นมหาสมุทร...
...หากไม่เชื่อก็ต้องพิสูจน์ เวลาไปทำบุญก็ให้อธิษฐานขอปัญญาบารมีให้ได้บรรลุธรรมในชาติปัจจุบันดูสิ...
:b8: :b8:
:b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2013, 10:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2011, 13:22
โพสต์: 79


 ข้อมูลส่วนตัว


พระท่านว่าจิตหมดงานทำ คือนิพพาน แล้วท่านคิดว่าจะสุขขนาดไหนระขอรับ ไม่ต้องมาคิดเรื่อง โทสะ โมหะ ราคะ กิเลส ตัณหา มานะ ชาติ ภพ จบหมด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2013, 10:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าใจว่า
....
เมื่อเข้าไปรู้ ถึงอาการ รู้
....
มันจะเข้าใจ ถึง การรู้
....
ถ้าหากเมื่อเห็น...อัตตา...กับ...การรู้
....
ก็คิดว่า...น่าจะตอบตัวเองได้...ว่า...
การเสวยนั้นเป็นอะไร
และ การรู้นั้นเป็นอะไร
ก็น่าจะ...วางใจ...ในเรื่อง ผู้เสวย ลงได้นะ

เข้าใจว่างั๊น...


:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2013, 11:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ทิ้งกิเลสได้...ทิ้งบาปได้...ทิ้งบุญได้...แต่ทิ้งวาสนาไม่ได้....มันติดไปด้วย...เคยมีบ้านช่องห้องหอเป็นที่อาศัย....มันก็ติดว่าต้องมีไปด้วย....จิตนี้สร้างภพสร้างจักรวาลได้....จิตที่มีวาสนาย่อมเสวยวาสนาของตนอย่างนั้น...

วาสนา..ไม่ใช่...ความอยาก..
วาสนาเป็น...คุณลักษณ์ของจิต....เป็นลักษณะจำเพาะ...เกิดขึ้นตามลักษณะเส้นทางที่จิตเดินผ่าน....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2013, 11:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทิ้งกิเลสได้...ทิ้งบาปได้...ทิ้งบุญได้...แต่ทิ้งวาสนาไม่ได้....มันติดไปด้วย...เคยมีบ้านช่องห้องหอเป็นที่อาศัย....มันก็ติดว่าต้องมีไปด้วย....จิตนี้สร้างภพสร้างจักรวาลได้....จิตที่มีวาสนาย่อมเสวยวาสนาของตนอย่างนั้น...

วาสนา..ไม่ใช่...ความอยาก..
วาสนาเป็น...คุณลักษณ์ของจิต....เป็นลักษณะจำเพาะ...เกิดขึ้นตามลักษณะเส้นทางที่จิตเดินผ่าน....


:b1:

ก็สุดแล้วแต่ วาสนา ...

อิอิ...

:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2013, 11:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 12:57
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


การที่เรียกว่ารู้ของปุถุชนคือ การรู้ด้วยวิญญาณขันธ์ ซึ่งมีอัตตาเป็นตัวบงการ เมื่อผู้ปฎิบัติวิปัสสนาเกิดปัญญาญาณรู้ถึงสภาพธรรมที่มีแต่ความเกิดดับอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งปัญญาญาณ ถึงความแก่รอบ บรรลุถึงมรรค ผล นิพพานแล้ว ขณะที่วิญญาณขันธ์ดับลง อัตตาขาด เกิดการตรัสรู้ การตรัสรู้คือรู้ใหม่ รู้ที่เกิดจากสภาพอัตตาดับ ลักษณะรู้ที่ไม่มีศูนย์กลาง มีสภาพสงบเย็น อิสระจากสิ่งทั้งปวง จึงไม่มีผู้เข้าถึง เพราะการมีผู้เข้าถึงยังอยู่ในขอบข่ายของการมีศูนย์กลางที่เป็นการรู้จากวิญญาณขันธ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2013, 13:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:

:b1:

ก็สุดแล้วแต่ วาสนา ...

อิอิ...

:b13: :b13: :b13:


:b12: :b12: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2013, 14:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ละวาสนาได้ ก็มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นแหละ นอกนั้น ..
eragon_joe เขียน:
:b1:

ก็สุดแล้วแต่ วาสนา ...

อิอิ...

:b13: :b13: :b13:


:b32: :b32:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2013, 14:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b10:
"ใคร?...เป็นผู้เสวยสุขในนิพพาน"
:b14:
"จิต....ที่หมดเหตุแห่งความปรุงแต่งอันได้แก่...ความเห็นผิด....สักกายทิฏฐิ.....ความยึดผิด....มานะทิฏฐิ...เป็นสิ่งที่เสวยสุขในนิพพาน"
:b36:
อุปมาเหมือนเลขศูนย์.....0.......ลองเอาอะไรต่อมิอะไรมาคูณ...0...ดูๆซิว่าผลลัพท์คืออะไร?....นั่นแหละจิตนิพพาน หรือนิพพานจิต
:b39:
อีกอุปมาหนึ่งเหมือนศพคนตาย.......ลองเอาอะไรต่อมิอะไรมากระทำต่อศพคนตายนั้น.....แล้วมันจะมีอะไรเกิดขึ้น?
:b11:
แต่สิ่งที่จะ ทำให้เจ้าของกระทู้หมดสงสัย ก็คือ เจ้าของกระทู้ต้องไปสัมผัส นิพพานด้วยตนเองให้ได้จริงๆ..ให้เกิดรู้ นิพพาน ขึ้นที่ใจตนเองจริงๆ....เจ้าของกระทู้ก็จะถึง...บาง....อ้อ.... เอง ครับ
:b18:
เปรียบประดุจรสเค็มของเกลือ.....หากใครก็ตามไปพยายามอธิบายความเค็มของเกลือให้เป็นบัญญัติคำพูด หรือคำอธิบายให้กับคนที่ยังไม่เคยสัมผัสรสเค็มของเกลือด้วยใจของคนผู้นั้นเอง.....ต่อให้สรรหาคำอธิบายไปทั้งชาติ หรือ สิบชาติ ร้อยชาติ.....คนที่ไม่เคยสัมผัสรู้รสเค็มของเกลือก็ไม่มีทางจะเข้าใจ...มีแต่จะทำให้ผู้พยายามอธิบายความเค็มนั้น กระอักเลือดหรือ อกแตกตาย.......อาเมน
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2013, 15:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อรู้ว่า...นิพพานเป็นบรมสุข...ตัวรู้สึกได้นั้นแหละ...อยาตนนิพพาน...เรียงอยาตน..เพราะเทียบเคียงกับคุณสมบัติในวัฏฏะ

จริง ๆ ก็น่าจะเป็นตัวมันเองนั้นแหละเป็นอยาตนเสียเอง....

ตัวมันเอง...ตัวเองแท้ ๆ ...ที่ไม่ได้เกิดจากอะไรเป็นปัจจัย...

บางท่านจึงพูดเชิงเปรียบเทียบว่า...กลับบ้านเก่า

แต่การกลับบ้านเก่าคราวนี้....มีบางสิ่งที่ติดไปด้วย...คือประสบการณ์

ประสบการณ์ที่สอนให้รู้ว่า....หากมีสิ่งใดที่เกินจากธรรมชาติแท้นี้แล้ว..สิ่งนั้นต้องมีวันที่สลายตัวในที่สุด...ไม่มีเว้น

และ...ความพยายามที่จะฟืนธรรมชาติอันนี้นี่เอง....เราจึงไม่มีทางสมปราถณาซะที...

ประสบการณ์ตัวนี้เอง...ที่เป็นความรู้...ที่น่าจะเรียกว่า....วิชชา....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2013, 09:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฌาณ เขียน:
ใครเป็นผู้เสวยสุขในนิพพาน

เหมือนกินข้าว ..

"ใคร" กินข้าวแล้วรู้ว่า "อิ่ม"
คนนั้นแหละ ..


:b1: :b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2013, 15:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ความจริง..มันไม่มีอะไรยากเลย....ที่มันยากก็เพราะจะเอาสมมุติอะไรไปเรียกมัน...แค่นั้นเอง

เมื่อเอาสมมุติไปเรียก...ก็เลยต้องบัญญัติอาการของมันไปด้วย...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 86 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 36 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร