วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2020, 07:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ทำไมฌานจิตจึงดับกิเลสอวิชชาไม่ได้


เป็นหัวข้อที่ตั้งไว้เป็นคำถามที่ดีมาก
อาจช่วยแก้ความสงสัยให้ท่านที่ยังไม่เข้าใจได้เข้าใจนะครับ

ขอชี้แจงไปตามคำสอนที่ทรงแสดงไว้ดังนี้ว่า
เมื่อผู้ที่จะเจริญสมถะเพื่อให้ฌานจิตจะต้องระงับกิเลสที่ชื่อว่านิวรณ์
คำว่านิวรณ์นั้นมันมี ๖ เมื่อฌานจิตนั้นดับเพียงนิวรณ์ ๕ ก็เข้าถึงฌานจิตได้แล้ว
โดยไม่ต้องระงับอวิชชานิวรณ์ซึ่งเป็นตัวนิวรณ์ที่ ๖ โดยเฉพาะกำลังสมถะหรือสมาธิ
ไม่สามารถจะหยั่งลงไประงับอวิชชานิวรณ์ได้เพราะเป็นอนุสัยดังนั้น เมื่อจะดับอวิชชานิวรณ์
จะต้องเจริญวิปัสสนาหรือเจริญมรรคจิตเท่านั้นจึงจะสามารถถอนอวิชชานิวรณ์หรืออนุสัยได้

ดังนั้นการเจริญสมถะหรือฌานจิตจึงไม่สามารถที่จะเข้าถึงโลกุตตระ หรือเข้าถึงพระนิพพานได้
ยกเว้นการที่จะเจริญวิปัสสนาที่จะถอนอวิชชานุสัย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2020, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
อ้างคำพูด:
ทำไมฌานจิตจึงดับกิเลสอวิชชาไม่ได้


เป็นหัวข้อที่ตั้งไว้เป็นคำถามที่ดีมาก
อาจช่วยแก้ความสงสัยให้ท่านที่ยังไม่เข้าใจได้เข้าใจนะครับ

ขอชี้แจงไปตามคำสอนที่ทรงแสดงไว้ดังนี้ว่า
เมื่อผู้ที่จะเจริญสมถะเพื่อให้ฌานจิตจะต้องระงับกิเลสที่ชื่อว่านิวรณ์
คำว่านิวรณ์นั้นมันมี ๖ เมื่อฌานจิตนั้นดับเพียงนิวรณ์ ๕ ก็เข้าถึงฌานจิตได้แล้ว
โดยไม่ต้องระงับอวิชชานิวรณ์ซึ่งเป็นตัวนิวรณ์ที่ ๖ โดยเฉพาะกำลังสมถะหรือสมาธิ
ไม่สามารถจะหยั่งลงไประงับอวิชชานิวรณ์ได้เพราะเป็นอนุสัยดังนั้น เมื่อจะดับอวิชชานิวรณ์
จะต้องเจริญวิปัสสนาหรือเจริญมรรคจิตเท่านั้นจึงจะสามารถถอนอวิชชานิวรณ์หรืออนุสัยได้

ดังนั้นการเจริญสมถะหรือฌานจิตจึงไม่สามารถที่จะเข้าถึงโลกุตตระ หรือเข้าถึงพระนิพพานได้
ยกเว้นการที่จะเจริญวิปัสสนาที่จะถอนอวิชชานุสัย

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2020, 09:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ตอแหลก็ไม่รู้จัก555
ตัวเองเห็นอะไรน่ะถูกหมดเลยนอกตานั้นน่ะ
แต่ตถาคตบอกว่าตาไม่เห็นแต่เป็นจิตเห็นสีล้วน1สีกระแทกตาเจ็บไหมปวดไหม555
คิดอะไรอยู่ที่คิดเห็นว่าสว่างตลอดเวลานั่นน่ะกำลังจำผิดเพราะไม่ได้ฟังอยู่ตอนเห็นสว่างตอนฟังกะคิดมันมืด
:b32: :b32:


ถ้าจิตเห็น ก็เอาไม้เสียบลูกชิ้นปิ้งแทงตาให้บอดสิ จิตมันจะเห็นไหม :b32: ถ้าไม่มีตา

บอกไม่จำว่ามันอาศัยกันและกัน (รูปนามอาศัยกันและกัน) :b13: พูดเองเออเองแท้ๆยังไปอ้างตถาคตโน่น

เลอะเทอะเสียเวลาเปล่า ยุบสำนักเอาที่ดินขุดบ่อเลี้ยงกุ่งหอยปูปลาส่งตลาดไทได้ประโยชน์กว่า

:b12:
ที่บอกมาน่ะว่ามันอาศัยกันและกัน
สิ่งที่อาศัยกันต้องมีอยู่ก่อนแล้ว
มีครบหมดแล้วไม่ใช่เหรอ555
ถ้ามีครบหมดแล้วแสดงว่า
ไม่รู้จักว่ามันมีอยู่ก่อนแล้ว
เลยพยายามไปขวนขวายทำ
แล้วเอาคำว่าขณิกมรณะไปไว้ไหนคะ
ตายทุกขณะ=ไม่มีตัวตนของใครเลยสักคน
มีแต่ความหลงผิดไปกระทำตามวิบากกรรมเก่า
ก็กรรมเก่าทำอะไรมาบ้างรู้ได้จากสิ่งที่กำลังทำอยู่
ไปเพียรมีตัวตนหลงผิดว่ามีตัวแล้วก็หลงตัวคนอื่นแล้วก็
หลงคิดหลงท่องหลงจำว่ามีภพภูมิต่างๆทั้ง31ภพภูมินั่นน่าาาาา
พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้รู้ว่าทำแบบไหนจะได้ไปภพภูมิไหนใน31ภพภูมิ
สิ่งที่ต้องเพียรชอบคือการฟังคำสอนเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจภาพรวมทั้งหมด
คนที่มีปัญญาที่สะสมมาแต่ละภพชาติเขาเกิดมาเพื่อสะสมปัญญาเข้าใจรายละเอียดว่า
จะไปนิพพานต้องมีความรู้สึกหมดอยากรู้เพราะรู้คือรู้เลยไม่ต้องอยากก็รู้เพราะเหตุตรงกับผลคือ
ต้องเริ่มต้นทำปัญญาคือเหตุผลเดียวที่ไม่ขวยขวยดิ้นรนไปทำผิดๆตามใครฟังเข้าใจไม่ไปไหนใช้ชีวิตปกติ
คนที่ไม่ฟังคำสอนและคนที่ฟังคำสอนไม่เข้าใจเท่านั้นถึงจะไปทำตามคนอื่นสั่งให้ทำไม่รู้จักพระพุทธเจ้าเลย
เออพระพุทธเจ้าบอกไม่มีเราหมายถึงไม่มีทั้ง31ภพภูมินั่นแหละเดี๋ยวนี้แหละคือสุญญตาไม่เข้าใจเหรอคะ
https://youtu.be/bcAY_qWxzPc
:b12:
:b12: :b12:

ที่ลึกซึ้งที่สุดที่ไม่มีใครคิดได้เองคือพระพุทธเจ้าพูดตรงจริง
เราไม่รู้ว่าพระองค์ทรงตรัสรู้ความจริงว่าเดี๋ยวนี้ว่างเปล่าจากสัตว์บุคคลตัวตน
เป็นโลกที่ไม่เข้าใจอะไรเลยไม่ใช่ไปเลือกอ่านเลือกท่องแต่ไม่รู้ความจริงตามปกติว่าไม่มีตัวเรา
คำว่าไม่มีเราคือไม่มีตัวตนให้ตัวเราและคนอื่นยึดมั่นถือมั่นเพราะเป็นแค่ธัมมะคือสิ่งที่มีจริงจริงๆ
ในความเป็นธัมมะทั้งหมดทรงแสดงตั้งแต่หยาบๆว่าตัวตนมีอะไรบ้างทรงจำแนกธัมมะทั้งดีและไม่ดี
ให้รู้ความจริงโดยละเอียดแค่1ดวงจิตมีตัวจริงธัมมะไม่ต่ำกว่า7ลักษณะและแต่ละ1ดวงจิตเกิดไม่ซ้ำเก่าเลย
พระพุทธเจ้าไม่มีข้อห้ามว่าไม่ให้ทำแบบนั้นแบบนี้มันห้ามไม่ได้แต่ทรงแสดงความจริงให้ผู้ฟังเข้าใจตามได้
ใครที่ฟังแล้วไม่เข้าใจก็มีอุปนิสัยทำตามเคยชินตามปกติในชีวิตประจำวันแม้แต่ฟังอยู่ก็เข้าใจผิดไปเองได้
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดแล้วคือที่คิดว่าเรามีตัวตนคือมีอุปาทานในขันธ์5ว่าเป็นตัวตนเนื้อหนังจับต้องได้มันไม่มีเรา
ทรงแสดงหลักกาลามสูตร10เมื่อมีผู้ถามว่าถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าจะฟังจากใครทรงบอกว่าฟังคนที่พูดความจริง
อะไรที่ทำผิดอยู่และมองไม่ออกว่าตัวเองหลงผิดจะฟังยังไงก็ไม่เลิกทำเพราะกิเลสความโลภมันอยากได้มาก
https://youtu.be/vALRtNKFp9M
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2020, 01:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
อ้างคำพูด:
ทำไมฌานจิตจึงดับกิเลสอวิชชาไม่ได้


เป็นหัวข้อที่ตั้งไว้เป็นคำถามที่ดีมาก
อาจช่วยแก้ความสงสัยให้ท่านที่ยังไม่เข้าใจได้เข้าใจนะครับ

ขอชี้แจงไปตามคำสอนที่ทรงแสดงไว้ดังนี้ว่า
เมื่อผู้ที่จะเจริญสมถะเพื่อให้ฌานจิตจะต้องระงับกิเลสที่ชื่อว่านิวรณ์
คำว่านิวรณ์นั้นมันมี ๖ เมื่อฌานจิตนั้นดับเพียงนิวรณ์ ๕ ก็เข้าถึงฌานจิตได้แล้ว
โดยไม่ต้องระงับอวิชชานิวรณ์ซึ่งเป็นตัวนิวรณ์ที่ ๖ โดยเฉพาะกำลังสมถะหรือสมาธิ
ไม่สามารถจะหยั่งลงไประงับอวิชชานิวรณ์ได้เพราะเป็นอนุสัยดังนั้น เมื่อจะดับอวิชชานิวรณ์
จะต้องเจริญวิปัสสนาหรือเจริญมรรคจิตเท่านั้นจึงจะสามารถถอนอวิชชานิวรณ์หรืออนุสัยได้

ดังนั้นการเจริญสมถะหรือฌานจิตจึงไม่สามารถที่จะเข้าถึงโลกุตตระ หรือเข้าถึงพระนิพพานได้
ยกเว้นการที่จะเจริญวิปัสสนาที่จะถอนอวิชชานุสัย


"ดังนั้นการเจริญสมถะหรือฌานจิตจึงไม่สามารถที่จะเข้าถึงโลกุตตระ หรือเข้าถึงพระนิพพานได้
ยกเว้นการที่จะเจริญวิปัสสนาที่จะถอนอวิชชานุสัย"

คริคริ

คุณตาสมานขา คุณตามั่วแล้วค่ะ
ที่คุณตาชี้แจงมา พูดผิดมหันต์แล้วค่ะ

เพราะคุณตาเพิ่งไปหัดเรียนพระอภิธรรม
แล้วเอาแนว พระอภิธรรมมาอ้าง แต่ๆๆ ก็ยังผิดอยู่ดี

เพราะคุณตายังไม่แตกฉานเหมือน เม 555

พุทธศาสนา ไม่ได้มีแต่พระอภิธรรม แต่มีทั้งพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และอื่นๆ
เพราะคุณตา ไม่รอบ ไม่รู้จริงๆ ว่า

ฌาน มีสองแบบ นะคะๆๆ
คือ

อารัมมณูปนิชฌาน คือ การเพ่งอารมณ์ ได้แก่ สมาบัติ 8 คือ รูปฌาน 4 และอรูปฌาน 4
ลักขณูปนิชฌาน คือ การเพ่งลักษณะ ได้แก่ วิปัสสนา มรรค ผล

ดังนั้น ที่คุณตาพูดว่า ต้อง มรรคจิต วิปัสสนามรรค เท่านั้น ที่ถอนอวิชชานิวรณ์ได้
ผิดถนัด
เพราะไม่รู้จัก ฌานจิต ที่เรียก ว่า " ลักขณูปนิช ฌาน "

สรุป ว่า ฌานจิต ดับกิเลสอวิชชาได้ค่ะ

เม บอกตั้งแต่เมนท์แรกไปแล้ว
ว่าเดียรถีย์ผู้หลงผิด อย่ากล่าวเช่นนั้นเรย ว่า ฌานจิตดับอวิชชาไม่ได้

แวะมาแค่นี้ จะได้จำแม่นๆนะคะ ไปแระค่ะ

แว๊ป................

tongue tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2020, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
อ้างคำพูด:
ทำไมฌานจิตจึงดับกิเลสอวิชชาไม่ได้


เป็นหัวข้อที่ตั้งไว้เป็นคำถามที่ดีมาก
อาจช่วยแก้ความสงสัยให้ท่านที่ยังไม่เข้าใจได้เข้าใจนะครับ

ขอชี้แจงไปตามคำสอนที่ทรงแสดงไว้ดังนี้ว่า
เมื่อผู้ที่จะเจริญสมถะเพื่อให้ฌานจิตจะต้องระงับกิเลสที่ชื่อว่านิวรณ์
คำว่านิวรณ์นั้นมันมี ๖ เมื่อฌานจิตนั้นดับเพียงนิวรณ์ ๕ ก็เข้าถึงฌานจิตได้แล้ว
โดยไม่ต้องระงับอวิชชานิวรณ์ซึ่งเป็นตัวนิวรณ์ที่ ๖ โดยเฉพาะกำลังสมถะหรือสมาธิ
ไม่สามารถจะหยั่งลงไประงับอวิชชานิวรณ์ได้เพราะเป็นอนุสัยดังนั้น เมื่อจะดับอวิชชานิวรณ์
จะต้องเจริญวิปัสสนาหรือเจริญมรรคจิตเท่านั้นจึงจะสามารถถอนอวิชชานิวรณ์หรืออนุสัยได้

ดังนั้นการเจริญสมถะหรือฌานจิตจึงไม่สามารถที่จะเข้าถึงโลกุตตระ หรือเข้าถึงพระนิพพานได้
ยกเว้นการที่จะเจริญวิปัสสนาที่จะถอนอวิชชานุสัย


"ดังนั้นการเจริญสมถะหรือฌานจิตจึงไม่สามารถที่จะเข้าถึงโลกุตตระ หรือเข้าถึงพระนิพพานได้
ยกเว้นการที่จะเจริญวิปัสสนาที่จะถอนอวิชชานุสัย"

คริคริ

คุณตาสมานขา คุณตามั่วแล้วค่ะ
ที่คุณตาชี้แจงมา พูดผิดมหันต์แล้วค่ะ

เพราะคุณตาเพิ่งไปหัดเรียนพระอภิธรรม
แล้วเอาแนว พระอภิธรรมมาอ้าง แต่ๆๆ ก็ยังผิดอยู่ดี

เพราะคุณตายังไม่แตกฉานเหมือน เม 555

พุทธศาสนา ไม่ได้มีแต่พระอภิธรรม แต่มีทั้งพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และอื่นๆ
เพราะคุณตา ไม่รอบ ไม่รู้จริงๆ ว่า

ฌาน มีสองแบบ นะคะๆๆ
คือ

อารัมมณูปนิชฌาน คือ การเพ่งอารมณ์ ได้แก่ สมาบัติ 8 คือ รูปฌาน 4 และอรูปฌาน 4
ลักขณูปนิชฌาน คือ การเพ่งลักษณะ ได้แก่ วิปัสสนา มรรค ผล

ดังนั้น ที่คุณตาพูดว่า ต้อง มรรคจิต วิปัสสนามรรค เท่านั้น ที่ถอนอวิชชานิวรณ์ได้
ผิดถนัด
เพราะไม่รู้จัก ฌานจิต ที่เรียก ว่า " ลักขณูปนิช ฌาน "

สรุป ว่า ฌานจิต ดับกิเลสอวิชชาได้ค่ะ

เม บอกตั้งแต่เมนท์แรกไปแล้ว
ว่าเดียรถีย์ผู้หลงผิด อย่ากล่าวเช่นนั้นเรย ว่า ฌานจิตดับอวิชชาไม่ได้

แวะมาแค่นี้ จะได้จำแม่นๆนะคะ ไปแระค่ะ

แว๊ป................

tongue tongue tongue

:b32:
ยังชอบส่องกระจกแล้วคิดว่ามีตัวกูอีก1ตัวอยู่ในกระจกมั๊ยนั่นน่ะเขาเรียกตัวกูที่อยู่ในกระจกว่ายัยตอแหล
ยังไม่รู้อีกเหรอว่าอภิมหาอวิชชาดีๆก็คือตัวกูที่ตอแหลตัวเองที่สุดทุกวันเลย555เมื่อไหร่จะเริ่มคิดได้555
เรื่องราวที่คิดอยู่มันไม่มี...อ่านพระไตรปิฏกก็คิดว่ามีพระพุทธเจ้าคุยกะคนนั้นคนนี้สัจจะที่มีเดี๋ยวนี้มีตัวกูมั๊ย
https://youtu.be/dHApmIPnc64
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2020, 15:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
อ้างคำพูด:
ทำไมฌานจิตจึงดับกิเลสอวิชชาไม่ได้


เป็นหัวข้อที่ตั้งไว้เป็นคำถามที่ดีมาก
อาจช่วยแก้ความสงสัยให้ท่านที่ยังไม่เข้าใจได้เข้าใจนะครับ

ขอชี้แจงไปตามคำสอนที่ทรงแสดงไว้ดังนี้ว่า
เมื่อผู้ที่จะเจริญสมถะเพื่อให้ฌานจิตจะต้องระงับกิเลสที่ชื่อว่านิวรณ์
คำว่านิวรณ์นั้นมันมี ๖ เมื่อฌานจิตนั้นดับเพียงนิวรณ์ ๕ ก็เข้าถึงฌานจิตได้แล้ว
โดยไม่ต้องระงับอวิชชานิวรณ์ซึ่งเป็นตัวนิวรณ์ที่ ๖ โดยเฉพาะกำลังสมถะหรือสมาธิ
ไม่สามารถจะหยั่งลงไประงับอวิชชานิวรณ์ได้เพราะเป็นอนุสัยดังนั้น เมื่อจะดับอวิชชานิวรณ์
จะต้องเจริญวิปัสสนาหรือเจริญมรรคจิตเท่านั้นจึงจะสามารถถอนอวิชชานิวรณ์หรืออนุสัยได้

ดังนั้นการเจริญสมถะหรือฌานจิตจึงไม่สามารถที่จะเข้าถึงโลกุตตระ หรือเข้าถึงพระนิพพานได้
ยกเว้นการที่จะเจริญวิปัสสนาที่จะถอนอวิชชานุสัย


"ดังนั้นการเจริญสมถะหรือฌานจิตจึงไม่สามารถที่จะเข้าถึงโลกุตตระ หรือเข้าถึงพระนิพพานได้
ยกเว้นการที่จะเจริญวิปัสสนาที่จะถอนอวิชชานุสัย"

คริคริ

คุณตาสมานขา คุณตามั่วแล้วค่ะ
ที่คุณตาชี้แจงมา พูดผิดมหันต์แล้วค่ะ

เพราะคุณตาเพิ่งไปหัดเรียนพระอภิธรรม
แล้วเอาแนว พระอภิธรรมมาอ้าง แต่ๆๆ ก็ยังผิดอยู่ดี

เพราะคุณตายังไม่แตกฉานเหมือน เม 555

พุทธศาสนา ไม่ได้มีแต่พระอภิธรรม แต่มีทั้งพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และอื่นๆ
เพราะคุณตา ไม่รอบ ไม่รู้จริงๆ ว่า

ฌาน มีสองแบบ นะคะๆๆ
คือ

อารัมมณูปนิชฌาน คือ การเพ่งอารมณ์ ได้แก่ สมาบัติ 8 คือ รูปฌาน 4 และอรูปฌาน 4
ลักขณูปนิชฌาน คือ การเพ่งลักษณะ ได้แก่ วิปัสสนา มรรค ผล

ดังนั้น ที่คุณตาพูดว่า ต้อง มรรคจิต วิปัสสนามรรค เท่านั้น ที่ถอนอวิชชานิวรณ์ได้
ผิดถนัด
เพราะไม่รู้จัก ฌานจิต ที่เรียก ว่า " ลักขณูปนิช ฌาน "

สรุป ว่า ฌานจิต ดับกิเลสอวิชชาได้ค่ะ

เม บอกตั้งแต่เมนท์แรกไปแล้ว
ว่าเดียรถีย์ผู้หลงผิด อย่ากล่าวเช่นนั้นเรย ว่า ฌานจิตดับอวิชชาไม่ได้

แวะมาแค่นี้ จะได้จำแม่นๆนะคะ ไปแระค่ะ

แว๊ป................

tongue tongue tongue

:b32:
ยังชอบส่องกระจกแล้วคิดว่ามีตัวกูอีก1ตัวอยู่ในกระจกมั๊ยนั่นน่ะเขาเรียกตัวกูที่อยู่ในกระจกว่ายัยตอแหล
ยังไม่รู้อีกเหรอว่าอภิมหาอวิชชาดีๆก็คือตัวกูที่ตอแหลตัวเองที่สุดทุกวันเลย555เมื่อไหร่จะเริ่มคิดได้555
เรื่องราวที่คิดอยู่มันไม่มี...อ่านพระไตรปิฏกก็คิดว่ามีพระพุทธเจ้าคุยกะคนนั้นคนนี้สัจจะที่มีเดี๋ยวนี้มีตัวกูมั๊ย
https://youtu.be/dHApmIPnc64
:b32: :b32: :b32:


คริคริ

คำว่า "ตัวกู " ไม่มีในพระไตรปิฎก
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนค่ะ สอนคำสุภาพกว่านี้

นั่นมันเป็นจิตปรุงแต่งอกุศล ของยัยตอแหลคุณยายเอง

tongue tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2020, 15:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


คริคริ

เพราะคุณยายโรสไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระปิฎก ปฎิบัติไม่เป็น
อยากได้แต่ยอดวิว ในยูทู๊ป

เรยไม่รู้ว่า ฌานจิต ดับกิเลสอวิชชาได้

คุณยายเป็นเด็กอมมือ ไม่รู้ว่า ฌาน มีสองประเภท นะคะๆๆ
1 อารัมมณูปนิชฌาน คือ การเพ่งอารมณ์ ได้แก่ สมาบัติ 8 คือ รูปฌาน 4 และอรูปฌาน 4
2 ลักขณูปนิชฌาน คือ การเพ่งลักษณะ ได้แก่ วิปัสสนา มรรค ผล

สรุปว่า ฌาน สามารถดับกิเลสอวิชชา ถึงอรหัตตผล ถึงนิพพานได้


tongue tongue tongue tongue tongue


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร