วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 08:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2018, 22:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฌาน (ชาน) การเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ, ภาวะจิตสงบประณีต ซึ่งมีสมาธิเป็นองค์ธรรมหลัก

ญาณ (ยาน) ความรู้, ปรีชาหยั่งรู้, ปรีชากำหนดรู้,


วิปัสสนาญาณ ญาณที่นับเข้าในวิปัสสนา หรือญาณที่จัดเป็นวิปัสสนา


วิปัสสนาปัญญา ปัญญาที่ถึงขั้นเป็นวิปัสสนา, ปัญญาที่ใช้ในการเจริญวิปัสสนา คือ ปัญญาที่พิจารณาเข้าใจสังขารตามความเป็นจริง


ถ้าใช้ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เทียบ ศีล= ศีล ฌาน = สมาธิ ญาณ = ปัญญา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2018, 22:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณโลกสวยเขียน

อ้างคำพูด:
ไม่ใช่สมาธิหรอกค่ะ 
องค์ธรรมของสมาธินั้น แม้นมี ปิติ มีสุข แต่ไม่มีอะไร ที่จะให้ไปติด
การไปติดเครื่องข้องแบบนั้น นั้น ไม่ใช่สมาธิหรอกค่ะ
หลุดจากสมาธิไปนานแล้วหละค่ะ
และสุขนั้น ก็ไม่จีรัง
ทำวนเวียนซ้ำซาก จนตาย 
สุขปรากฎ สุขหายก็กลับมาทำใหม่ 
กลับทำตัวให้ตกอยู่ในวังวนได้ 
นี่แหละค่ะ ความไม่รู้ไม่ชี้ 

เมเรยบอก ว่า นั่นไม่ใช่สมาธิ ไม่มีกำลังจิตเอาเสียเลย
ติดกาวดักหนู ไปจนจิตอ่อนกำลังร่อแร่ ติดจนกาวหมดอายุ จึงหลุดออกมาค่ะ

ถ้ารู้ ถ้าชี้ มันไม่ติดอยู่จนหัวปักหัวปำหรอกค่ะ 


:b32: :b32: :b32: ต้องขอบคุณ ในคำติ เตือน
ของคุณเมย์ ด้วยค่ะ !! พี่ไม่ค่อยว่าง เลยไม่ได้มาคุย
ทำเอง เข้าใจเอง ผิดถูกไม่รู้ !!รู้แค่ว่า นั่งสมาธิ
ทำให้จิตว่าง จิตสงบ จิตสะอาด หลุดจากกิเลส !!
รู้แค่นี้ จริงๆค่ะ !!


ไม่ได้ผิดหรอกค่ะ

แต่จะเป็นประสบการณ์ เป็นบทเรียน เพื่อปรับให้เบาสบายกว่าที่เคยสัมผัสได้ จริงๆ

ไม่ได้ลงร่องเดินตามอริยะมรรคเรยหนักเหนื่อยเพราะไม่เคยได้เห็นแรง แบบไม่ใช้แรง

การหลุดจากกิเลสแบบนั้น เป็นเพราะกิเลส อ่อนกำลังลงไป
มันจะดีเสียกว่า ที่จะหลุดออกโดยขณะที่กิเลส กำลังแก่กล้าเบ่งบาน

ลองใช้จิต ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ
เพียงรู้ว่าไปแตะ ไปติด ทุกข์ก็จะตามมา
ไม่ต้องบริหารกำลัง ไม่ต้องไปใช้แรงดึง แรงต้านอะไรค่ะ
การไปแตะกาวดักหนู แล้วหลุดออกโดยไม่ต้องออกแรง เพราะอาศัยรู้

มีสติทุกเมื่อ รู้ว่าไปแตะแล้ว ตามไปก็ทุกข์ ก็จะหลุดออกทันทีค่ะ

แล้วคุณพี่จะเห็นเองและสัมผัสได้เอง ว่า จิตพี่มีกำลังอย่างมหาศาล
เทียบกันไม่ได้เรย กะการต้องให้จิตออกแรงแบบเดิม

เหมือนคนยกน้ำหนัก ที่กว่าจะยกได้ เบ่งหน้าเขียวหน้าเหลือง แล้วคิดว่าตนเองมีกำลังมาก

แต่สภาพจิตที่มีกำลังจริงๆ แตะแล้วออก ไม่ต้องเบ่งหน้าเขียวหน้าเหลืองค่ะ

ลองดูนะคะ




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2018, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฎิบัติธรรม น่ะ เบาสบาย

ไม่เหมือนล่องลอยในสวรรค์ ไม่เหมือนล่องลอยในอากาศ ไม่เหมือนล่องลอยในอวกาศ
ไม่เหมือนล่องลอยในน้ำ

แต่ปฎิบัติเพื่อ ลอยพ้นจากโลกทั้งสาม

ความเบาสบาย จะได้พบว่า ต่างกันลิบๆๆๆเรยหละค่ะ








โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2018, 22:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตใจ มันเป็นนามธรรม มองไม่เห็นหยิบจับไม่ได้ ต่างจากวัตถุสิ่งของเราหยิบไปตั้งตรงนั้นวางตรงนี้ได้ดังใจต้องการ แต่จิตใจไม่เลย ทำอย่างนั้นไม่ได้ ดังนั้น ตนเองจะต้องทำต้องฝึกบ่อยๆ แล้วมันก็ยากเอาการอยู่ ไม่ง่ายเหมือนเราปอกกล้วยหอมสุกๆหรอก คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2018, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ ลุงสมาน เขียน
อ้างคำพูด:
ฉะนั้นเราต้องยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาโดยเอาองค์ฌานที่ได้นั่นพิจารณา
ให้เห็นความไม่เที่ยง หรือให้เห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 
เมื่อเห็นความเป็นจริงเช่นนั้นจิตจะคลายจากความยึดมั่นถือมั่น ข้ามโคตภูญานเข้า มรรคผ


ใช่ค่ะ ใช่ !!ที่นางพูด นางพูด ในลักษณะ แบบที่คุณลุงสมานเขียนมา !!
นางบอกว่า อาจารย์บอกว่า พอจิตนิ่งแล้ว ให้พิจารณา ตรงนี้หล่ะค่ะ ที่เต้ไม่เข้าใจ
พิจารณา ในขณะที่จิต เข้าสู่สมาธิ ทำยังไงคะ ไม่เข้าใจจริงๆคะ !!
ถามนาง นางก้อบอกว่า นางก้อไม่รู้ !!
คำว่า พิจารณา ให้เห็นความไม่เที่ยง ในขณะที่จิต เป็นสมาธิ !
( ไม่เข้าใจ จริงๆลยค่ะ ) แล้วเราจะเอาจิต ของเราไปจับ ที่ไหนคะ !!
เคยทดลองทำ แต่มีความรู้สึกว่า เหมือน เป็นการมโน เหมือนไปบังคับจิต !!
ขอคำแนะนำ ตรงนี้ด้วยค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 00:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
จิตใจ มันเป็นนามธรรม มองไม่เห็นหยิบจับไม่ได้ ต่างจากวัตถุสิ่งของเราหยิบไปตั้งตรงนั้นวางตรงนี้ได้ดังใจต้องการ แต่จิตใจไม่เลย ทำอย่างนั้นไม่ได้ ดังนั้น ตนเองจะต้องทำต้องฝึกบ่อยๆ แล้วมันก็ยากเอาการอยู่ ไม่ง่ายเหมือนเราปอกกล้วยหอมสุกๆหรอก คิกๆๆ



การไปคิดว่ายาก ก็บั่นทอนตัวเองไปแล้วค่ะ
การไปคิดว่าง่าย ก็ประมาทไป
เพียรปฎิบัติไปทำตามคำสอน อย่างไม่ลดละ
เมื่อเหตุเต็ม ผลจะปรากฎเองหละค่ะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 00:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณ ลุงสมาน เขียน
อ้างคำพูด:
ฉะนั้นเราต้องยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาโดยเอาองค์ฌานที่ได้นั่นพิจารณา
ให้เห็นความไม่เที่ยง หรือให้เห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 
เมื่อเห็นความเป็นจริงเช่นนั้นจิตจะคลายจากความยึดมั่นถือมั่น ข้ามโคตภูญานเข้า มรรคผ


ใช่ค่ะ ใช่ !!ที่นางพูด นางพูด ในลักษณะ แบบที่คุณลุงสมานเขียนมา !!
นางบอกว่า อาจารย์บอกว่า พอจิตนิ่งแล้ว ให้พิจารณา ตรงนี้หล่ะค่ะ ที่เต้ไม่เข้าใจ
พิจารณา ในขณะที่จิต เข้าสู่สมาธิ ทำยังไงคะ ไม่เข้าใจจริงๆคะ !!
ถามนาง นางก้อบอกว่า นางก้อไม่รู้ !!
คำว่า พิจารณา ให้เห็นความไม่เที่ยง ในขณะที่จิต เป็นสมาธิ !
( ไม่เข้าใจ จริงๆลยค่ะ ) แล้วเราจะเอาจิต ของเราไปจับ ที่ไหนคะ !!
เคยทดลองทำ แต่มีความรู้สึกว่า เหมือน เป็นการมโน เหมือนไปบังคับจิต !!
ขอคำแนะนำ ตรงนี้ด้วยค่ะ :b8:


คลื่นการสื่อสารมักไม่ตรงกันง่ายๆหรอกค่ะ

จะหลุดจากสมาธิ แล้วพิจารณา หรือพิจารณาย้อนหลังไปหลังจากถอยออกจากสมาธิ
ก็แก้ไขอะไรไม่ได้หรอกค่ะ

ดูที่ตัวเอง รู้ว่ายังไม่ถึง รู้ว่ายังข้อง ยังแวะ ยังแตะ ยังยึดอยู่ ก็ทำต่อไป

ไม่ใช่ว่า
ความคิดไม่เข้าใจเกิดขึ้น ก็ตามความคิดไป จนความคิดและจิต หมดกำลัง
ความรู้สึกดังว่าเกิดขึ้น ก็ตามไปอย่างไม่รู้ว่าจะนานเท่าไรจนไม่รู้ว่าจะออกจากมันได้เมื่อไร

สิ่งที่ควรไส่ใจ คือ
เห็นมั๊ยคะว่า ตามเค้าไป ตามคิดไป
จิต ก็ไม่ได้จับที่จิต ไปจับไปฉกฉวยเอาอยางอื่น เอาความคิดมาทำให้เกิดเรื่องราวต่อเนื่อง เอามาทำความรู้สึกให้เกิดต่อๆไป
เมื่อตามไปเรื่อยๆ อารมณ์ก็จะเกิดต่อ จนอ่อนแรง

แล้วก็กลับไปทำสมาธิใหม่ เมื่อไรจะถึงที่สุดของการไม่ต้องทำสมาธิ หละคะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 02:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณ ลุงสมาน เขียน
อ้างคำพูด:
ฉะนั้นเราต้องยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาโดยเอาองค์ฌานที่ได้นั่นพิจารณา
ให้เห็นความไม่เที่ยง หรือให้เห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 
เมื่อเห็นความเป็นจริงเช่นนั้นจิตจะคลายจากความยึดมั่นถือมั่น ข้ามโคตภูญานเข้า มรรคผ


ใช่ค่ะ ใช่ !!ที่นางพูด นางพูด ในลักษณะ แบบที่คุณลุงสมานเขียนมา !!
นางบอกว่า อาจารย์บอกว่า พอจิตนิ่งแล้ว ให้พิจารณา ตรงนี้หล่ะค่ะ ที่เต้ไม่เข้าใจ
พิจารณา ในขณะที่จิต เข้าสู่สมาธิ ทำยังไงคะ ไม่เข้าใจจริงๆคะ !!
ถามนาง นางก้อบอกว่า นางก้อไม่รู้ !!
คำว่า พิจารณา ให้เห็นความไม่เที่ยง ในขณะที่จิต เป็นสมาธิ !
( ไม่เข้าใจ จริงๆลยค่ะ ) แล้วเราจะเอาจิต ของเราไปจับ ที่ไหนคะ !!
เคยทดลองทำ แต่มีความรู้สึกว่า เหมือน เป็นการมโน เหมือนไปบังคับจิต !!
ขอคำแนะนำ ตรงนี้ด้วยค่ะ :b8:

Kiss
:b12:
ทุกอย่างที่ผ่านไปแล้วจะไม่กลับมาเกิดอีก
พิจารณาสิ่งใหม่เวลาใหม่เฉพาะตนซึ่งหน้า
ความมีสติไม่ใช่อยู่ดีๆจะคิดเองได้ต้องพึ่งคำ
ที่เป็นคำวาจาสัจจะของพระพุทธเจ้าในการคิด
เพราะปกติไม่เข้าใจตามคำสอนแต่เป็นการคิดไปเอง
ไม่มีทางที่จะคิดเองได้ค่ะต้องคิดตามคำสอนของตถาคต
ถ้ายังไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทรงสอนให้ระลึกตามคำไหน
ตราบนั้นก็ไม่สามารถเข้าถึงความจริงได้ค่ะการติดสมาธิคือแบบนี้ค่ะ
เคยนั่งแล้วสงบก็อยากไปนั่งอีกเพื่อสงบแบบเดิมที่อยากได้กลายเป็น
ความไม่รู้ที่ปิดกั้นด้วยการบังคับเพื่อให้เป็นไปตามที่อยากได้โดยจดจ้อง
สมถกรรมฐานเป็นไปเพื่อลดความคิดฟุ้งซ่านรำคาญเท่านั้นไม่ทำให้เกิดปัญญา
ส่วนวิปัสสนานั้นจำเป็นต้องศึกษาคำสอนให้เข้าใจสภาพธรรมที่ปรากฏครบ6ทาง
โดยรอบรู้ทุกคำไม่ใช่การบริกรรมพุทโธแต่เป็นการพึ่งคำสอนที่เกิดจากเข้าใจความจริง
ต้องอาศัยการฟังเพื่อให้สติปัญญาค่อยๆเจริญขึ้นทีละน้อยบ่อยๆตรงขณะต่อเนื่องจนแน่ใจ
ในความแม่นยำต่อความจริงที่กำลังปรากฏกับสติปัญญาซึ่งไม่ใช่การคิดเอาเองแต่อาศัยฟังเสียง
เพื่อคิดถูกตามตรงคำตรงความจริงตรงสัจจะที่กำลังมีที่กายใจตนเองตามไปด้วยจนกว่าจะตรงที่กายใจตนมี
ไม่ใช่การกะเกณฑ์เจาะจงว่าต้องรู้เร็วๆได้ตามใจอยากแต่การรู้ตามต้องเป็นการตามฟังเสียงเข้าใจถูกตามได้
:b17:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 06:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




20180821_194711.jpg
20180821_194711.jpg [ 142.35 KiB | เปิดดู 2875 ครั้ง ]
bbby เขียน:
คุณ ลุงสมาน เขียน
อ้างคำพูด:
ฉะนั้นเราต้องยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาโดยเอาองค์ฌานที่ได้นั่นพิจารณา
ให้เห็นความไม่เที่ยง หรือให้เห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 
เมื่อเห็นความเป็นจริงเช่นนั้นจิตจะคลายจากความยึดมั่นถือมั่น ข้ามโคตภูญานเข้า มรรคผ


ใช่ค่ะ ใช่ !!ที่นางพูด นางพูด ในลักษณะ แบบที่คุณลุงสมานเขียนมา !!
นางบอกว่า อาจารย์บอกว่า พอจิตนิ่งแล้ว ให้พิจารณา ตรงนี้หล่ะค่ะ ที่เต้ไม่เข้าใจ
พิจารณา ในขณะที่จิต เข้าสู่สมาธิ ทำยังไงคะ ไม่เข้าใจจริงๆคะ !!
ถามนาง นางก้อบอกว่า นางก้อไม่รู้ !!
คำว่า พิจารณา ให้เห็นความไม่เที่ยง ในขณะที่จิต เป็นสมาธิ !
( ไม่เข้าใจ จริงๆลยค่ะ ) แล้วเราจะเอาจิต ของเราไปจับ ที่ไหนคะ !!
เคยทดลองทำ แต่มีความรู้สึกว่า เหมือน เป็นการมโน เหมือนไปบังคับจิต !!
ขอคำแนะนำ ตรงนี้ด้วยค่ะ :b8:


จิตที่ได้ฌานมันจะแนบแน่นอยู่่ในองค์ฌาน มันจะสงบเพราะปราศจากนิวรณ์ ๕
เรียกว่าเข้าถึงทางตัน เลยเข้าใจว่าบรรลุแล้ว อย่างเช่น อาฬานดาบส และอุทกดาบส เป็นต้น
เมื่อเป็นเช่นนั้นให้ออกจากฌานเสีย แล้วใช้ฌานที่ได้นั้นแหละเอามาเป็นบาทฐาน
ในการพิจารณา เจริญวิปัสสนาญาน ให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ สำหรับผู้ที่ใช้ฌานเป็นบาทฐาน
ในการเจริญวิปัสสนานั้นผู้นั้นจะง่ายแก่การบรรลุธรรมชั้นสูง เพราะได้ละนิวรณ ๕ ไปตั้งแต่
ขั้นฌานนัันแล้ว ขอจงเจริญในธรรมขั้นต่อไปครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 06:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยกับลุงหมาน..

แต่คนฟังอาจจะงง..ว่า..จะใช้เป็นบาทฐานวิปัสสนายังงัย..

ที่งง...อาจเพราะ...คิดไม่ออก..ว่า..จะใช้เป็นฐานยังงัย..(คิดถึงวิธีการใช้)

ถ้า งง ...กระผมแนะนำว่า..ไม่ต้องนึกถึง..คำคำนี้..ไปเลย..ครับ..จะได้ไม่ต้องพะวงถึงเรื่องวิธีการ..

ให้..ใช้การพิจารณา..ไปเลยครับ...ไม่ต้องมาคำนึงถึงวิธีการใช้เป็นบาทฐานให้..งง.. :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เห็นด้วยกับลุงหมาน..

แต่คนฟังอาจจะงง..ว่า..จะใช้เป็นบาทฐานวิปัสสนายังงัย..

ที่งง...อาจเพราะ...คิดไม่ออก..ว่า..จะใช้เป็นฐานยังงัย..(คิดถึงวิธีการใช้)

ถ้า งง ...กระผมแนะนำว่า..ไม่ต้องนึกถึง..คำคำนี้..ไปเลย..ครับ..จะได้ไม่ต้องพะวงถึงเรื่องวิธีการ..

ให้..ใช้การพิจารณา..ไปเลยครับ...ไม่ต้องมาคำนึงถึงวิธีการใช้เป็นบาทฐานให้..งง.. :b12: :b12:


ไม่น่าจะงงนัครับคุณกบ เพียงแค่เราถอยออกจากฌานเสียคือเลิกบริกรรม
แล้วก็มาพิจารณาฌานที่ได้นั่นแหละให้เห็นว่าฌานนี้นำม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ในความหมายก็คือพิจารณาฌานที่ได้นั่นให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ จะเข้าถึงความจริงครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 07:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




20180817_103350.jpg
20180817_103350.jpg [ 292.1 KiB | เปิดดู 2905 ครั้ง ]
การที่อยู่ฌานก็เหมือนกบอยู่ในกะลาครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 08:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




20180822_081720.jpg
20180822_081720.jpg [ 228 KiB | เปิดดู 2903 ครั้ง ]
ออกจากฌานมาพิจารณาฌานที่ได้ คล้ายๆในภาพนี้แหละครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จิตใจ มันเป็นนามธรรม มองไม่เห็นหยิบจับไม่ได้ ต่างจากวัตถุสิ่งของเราหยิบไปตั้งตรงนั้นวางตรงนี้ได้ดังใจต้องการ แต่จิตใจไม่เลย ทำอย่างนั้นไม่ได้ ดังนั้น ตนเองจะต้องทำต้องฝึกบ่อยๆ แล้วมันก็ยากเอาการอยู่ ไม่ง่ายเหมือนเราปอกกล้วยหอมสุกๆหรอก คิกๆๆ



การไปคิดว่ายาก ก็บั่นทอนตัวเองไปแล้วค่ะ
การไปคิดว่าง่าย ก็ประมาทไป
เพียรปฎิบัติไปทำตามคำสอน อย่างไม่ลดละ
เมื่อเหตุเต็ม ผลจะปรากฎเองหละค่ะ



ต้องฝึกต้องทำจริง ทำทำติดต่อกันทุกวัน วันละไม่น้อยกว่า ๑๐ ชม. อย่างน้อยๆ ๓ เดือนขึ้นไป อิอิ นั่นล่ะพอรู้พอบอกตนเองได้บ้าง ว่าแหม แม่จ้าวโวย มันไม่ง่ายเลยนะ ยังครับยัง ยังนี่แค่เริ่มต้น ยังต้องไปต่ออีกเป็นปีๆทีเดียว

เพื่อให้เห็นภาพ เอาการฝึกลิงป่าเทียบ ดู

https://www.youtube.com/watch?v=Z9O-Wzvijss

คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 11:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกบ ฯเขียน
อ้างคำพูด:
เห็นด้วยกับลุงหมาน..

แต่คนฟังอาจจะงง..ว่า..จะใช้เป็นบาทฐานวิปัสสนายังงัย..

ที่งง...อาจเพราะ...คิดไม่ออก..ว่า..จะใช้เป็นฐานยังงัย..(คิดถึงวิธีการใช้)

ถ้า งง ...กระผมแนะนำว่า..ไม่ต้องนึกถึง..คำคำนี้..ไปเลย..ครับ..จะได้ไม่ต้องพะวงถึงเรื่องวิธีการ..

ให้..ใช้การพิจารณา..ไปเลยครับ...ไม่ต้องมาคำนึงถึงวิธีการใช้เป็นบาทฐานให้..งง..  




:b32: :b32: :b32:
คุณกบ ฯ พูดแบบรู้ว่า ปัญญา ของเราอยู่ระดับไหน :b32:
กำลังคิด อยู่เลยค่ะว่า ถ้าว่างจะไปค้นหา เพื่อทำความเข้าใจกับคำนี้
เราจะไม่ค่อย กล้าคุยเรื่องธรรมะ หรือไปเรียน ธรรมะกับคนอื่นๆ
เพราะ ผู้รู้ คนอื่น ๆ ไม่รู้ ระดับ ปัญญา ของเราอยู่ ระดับไหน
มีแค่ เพื่อน ๆ ในเว๊บ นี้ เท่านั้นค่ะ ที่รู้ :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 66 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร