Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ปีใหม่ปีเก่า เป็นอารมณ์เครื่องเล่นของใจ (หลวงตามหาบัว) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
อนุรักษ์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 29 ต.ค. 2006
ตอบ: 19
ที่อยู่ (จังหวัด): อุดรธานี

ตอบตอบเมื่อ: 30 ธ.ค.2006, 3:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ปีใหม่ปีเก่า เป็นอารมณ์เครื่องเล่นของใจ
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙


ก่อนจังหัน

งานปีใหม่มันเป็นงานเพลินบ้ากันนะ เมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธ ให้รู้จักแบ่งสันปันส่วน มีเพลินบ้าง มีเข้าวัดเข้าวาอบรมจิตใจบ้าง นี่มันมีแต่เพลิน เมืองไทยเรานี้เป็นเมืองพุทธ มันเป็นเมืองเพลินนะ ไม่ได้มีการยับยั้งตัวเอง มันเพลินมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย สะดวกสบายสนุกสนานสมบูรณ์ ทุกอย่างนะเมืองไทยเราน่ะ ก็เลยลืมตัว นี่งานปีใหม่เป็นงานบ้าเดือน ๙ เดือน ๑๒ เหมือนหมา ใครพูดอย่างนี้ มันเลยหมาไปก็มีแต่ไม่มีหาง มันเพลินจริงๆ ให้รู้จักยับยั้งตัวเองบ้าง ทำอะไรอย่าเพลิดอย่าเพลินเกินเนื้อเกินตัว ถ้าไม่มีธรรมแล้วเตลิดเปิดเปิงผาดโผนโจนทะยาน ถ้ามีธรรมก็มีเบรกห้ามล้อ คันเร่งก็เร่งไปในทางที่ถูกที่ดี เหยียบเบรกห้ามล้อในสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย

เรามาเข้าวัดเข้าวา วัดวาเป็นแบบฉบับที่ดีงามอันเลิศเลอมาจากพระพุทธเจ้า ไม่มีชิ้นใดสิ่งใดเสียหายที่พระพุทธเจ้าพาดำเนินและสั่งสอนโลกมา ให้ยึดเอามาเป็นหลักเป็นเกณฑ์ อย่าเห็นว่ากิเลสเก่งกว่าศาสดา คนจมทุกวันนี้เพราะเห็นกิเลสเก่งกว่าศาสดา เหยียบหัวพระพุทธเจ้าไป ทั้งๆ ที่เหยียบหัวตนนั้นแหละ มันไม่รู้ตัวนะ พากันคิดกันอ่านบ้างซิ

เพลินเกินตัวนะเมืองไทยเรา เอาธรรมจับ ไม่ได้เข้านั้นข้างนี้ เอียงโน้นเอียงนี้ เอาธรรมจับ เมืองไทยเราเป็นเมืองเพลิน เมืองคว้ามับๆ ซื้อนี้เป็นบ้าไปเลย อะไรๆ คว้ามับๆ คือเมืองไทยเรา ไม่ได้คิดอ่านไตร่ตรองอะไรเลย เห็นอะไรมาจากที่ไหน ยิ่งเป็นเมืองนอกเมืองนา อู๊ย ยิ่งดี ยกโคตรไปซื้อเลย เป็นขนาดนั้นนะ มันไม่รู้เนื้อหนังของเมืองไทยเราคืออะไร รักนวลสงวนตัว ให้รู้จักสิ่งใดควรซื้อไม่ควรซื้อ นี้อะไรเอะอะๆ คว้ามับๆ เป็นนิสัย ต่อไปจะฝากนิสัยอันนี้ละให้ลูกให้หลานพากันเลอะเทอะไปหมด ไม่มีหลักมีเกณฑ์นะ คือเมืองเพลิน

เพราะเมืองไทยเราไม่เป็นเมืองอดอยาก สมบูรณ์พูนผลมาดั้งเดิม ทำให้เมืองไทยเราลืมตัวถึงลูกถึงหลานไปละ เอาธรรมจับที่พูดเหล่านี้น่ะ ธรรมพระพุทธเจ้าไม่ลืมเนื้อลืมตัว ไม่เพลินจนเกินเนื้อเกินตัว เราไม่ได้บอกว่าให้เป็นแบบพระนะ พระเลอะเทอะก็มีเยอะ เอามาเป็นแบบไม่ได้ เอาพระพุทธเจ้า เอาสาวกมาเป็นร่องรอยแบบลูกศิษย์ตถาคต ไม่ได้เป็นแบบฉบับพระพุทธเจ้าก็ขอให้เป็นแบบลูกศิษย์ที่มีครูสั่งสอนเถอะน่ะ ก็พอเป็นพอไป นี่มันเลอะเทอะใช้ไม่ได้นะ

ระยะนี้เป็นวันปีใหม่ กำลังเพลินบ้ากัน เมื่อวานนี้รถติดกันเป็นแถวไปเลย ไม่ว่าไปสายไหนๆ เราเอาของไปส่งด่านนู้นเมื่อวานนี้ ด่านน้ำหนาวสองด่าน ไปส่งเป็นประจำทุกเดือนๆ รถติดกันมาเรื่อยเลย คือเพลินบ้า เพลินปีใหม่ ไม่ทราบปีใหม่ปีเก่าอะไร ก็มืดกับแจ้งอันเก่านั่นละมันหากเป็นบ้า คนก็คนเก่านั้นแหละผ่านมืดกับแจ้งมาตั้งแต่วันเกิด แล้วก็ตื่นปีใหม่ปีเก่ากันไอ้พวกบ้าเมืองไทยเรา ฟังให้ดีทุกคน ไม่มีใครพูดอย่างนี้ มีหลวงตาบัวองค์เดียวพูด การพูดเหล่านี้เอาธรรมมาพูดสอนโลก มันลืมเนื้อลืมตัวเอาเสียมากมายก่ายกอง ให้พากันพินิจพิจารณาบ้าง

กำลังเป็นบ้ากัน เพลินปีใหม่ ปีใหม่อะไรก็มืดกับแจ้ง เมื่อวานกับวันนี้ก็ไม่เห็นผิดกันอะไร มันผ่านมาแล้วก็ปีเก่า ปีใหม่ก็วันต่อไปนี้ มันหากตื่นปีใหม่ปีเก่า มันตื่นอะไรก็ไม่รู้ ธรรมท่านไม่มีละปีใหม่ปีเก่า มืดกับแจ้ง ดูตัวเองรับผิดชอบตัวเองด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ให้มีบ้างซิชาวพุทธเรา มันไม่ได้เรื่องได้ราว มีแต่ชาวพุทธๆ เอาพระพุทธเจ้ามาเหยียบเล่นเปล่าๆ แล้วว่าเป็นชาวพุทธๆ มันได้เรื่องได้ราวอะไร ลวดลายของศาสดาเอกสอนโลกได้ทั้งสาม กามโลก รูปโลก อรูปโลก ของเล่นเมื่อไร มาเหยียบเล่นได้เหรอ เอาละให้พร สาธุ สาธุ สาธุ


หลังจังหัน

เมื่อวานนี้เอาของไปส่งด่านสองด่าน รถเป็นแถวไปตลอดเลย ตอนขากลับมาพิลึกพิลั่นนะ บนเขาน้ำหนาวเป็นดงป่าใหญ่ รถนี้แหม เป็นแถวไปเลย คือปีใหม่ พวกนี้พวกบ้าปีใหม่ เราเอาของไปส่งสองด่าน ด่านนี้เราเคยเอาไปส่งประจำมาได้นานแล้ว ตั้งแต่เราไปสร้างตึกให้โรงพยาบาลหล่มสัก จากนั้นเราก็จำได้ ที่จำได้ก็คือว่ามีสระใหญ่ ทางโรงพยาบาลเขาอยากได้ตึก เขาขอตึกสองหลัง ทีนี้ที่สร้างก็คือสระ ตกลงเราก็เลยถมสระให้หมดเลย สระใหญ่ด้วย ภูเขาดูเหมือนจะหมดไปกี่ลูกเอามาถม เราเอามาถมให้เอง ถมจนเต็ม ถมไปเรื่อยรถทับเรื่อยให้มันแน่นไปตลอดๆ เลย เวลาเสร็จแล้วเราจะปลูกตึกขึ้น สร้างตึกขึ้นที่นั่น สระเป็นสระใหญ่ ฟาดลงภูเขาทั้งลูกแหละ อันนี้ก็เราเสียให้หมดเลย จากนั้นก็ขึ้นตึก

นั่นละที่เราได้ไปส่งอาหารด่าน คือเราผ่านไปผ่านมาดูสภาพของด่านที่เขารักษา รักษาด่านนี่เป็นรักษาสมบัติของชาติ ถ้าเป็นเรื่องของส่วนรวมเราสงวนมาก คิดดูซิอย่างเขาใหญ่ทางด้านปราจีน ถ้าเราไปกรุงเทพเราก็ไปส่งให้ ทางปากช่องก็ส่งให้ คือเขารักษาด่าน พวกนี้เขารักษาสมบัติของชาติ มาทางนี้เราก็ส่งให้เป็นประจำมาตั้งแต่โน้นละ สัก ๙ ปี ๑๐ ปีแล้วมัง คือไปสร้างตึกที่โรงพยาบาลหล่มสัก เราผ่านไปผ่านมาดูสภาพของเขา ตกลงก็เลยได้ไปส่งให้ตั้งแต่นั้นมาทุกเดือนเลย นี่ก็ไปส่งพึ่งกลับมาเมื่อวานนี้ จึงได้เห็นรถนี่ยาวเหยียดตลอด บนภูเขาเต็มไปหมดเลยไม่ขาดวรรคขาดตอน ตอนบ่ายมากที่สุด วันปีใหม่ไม่ใช่อะไรละ ปีใหม่ก็มืดกับแจ้งนี้ละ เมื่อวานจึงได้เห็นรถมากทีเดียว

ปีใหม่ปีเก่าก็เป็นความนิยมของมนุษย์ มนุษย์ต้องอาศัยเหล่านี้เป็นอารมณ์เครื่องเล่นของใจ ปีใหม่ปีเก่า งานนั้นงานนี้ เป็นเครื่องเล่นรื่นเริงของใจ เรารู้หมดนั่นแหละแต่ไม่เคยพูด ความรื่นเริงของธรรมไม่มี เราอยากจะพูดว่าไม่มี คือไม่ค่อยมีความรื่นเริงของธรรม ความรื่นเริงของธรรมกับความรื่นเริงของโลกมันต่างกัน ความรื่นเริงของธรรมสงบเงียบ เทียบแล้วก็เหมือนเวลานอนหลับ เวลานอนหลับไม่มีญาติมีวงศ์ แม้ร่างกายเจ้าของก็ไม่มีเวลานั้น ปล่อยหมดเลยหลับสนิท นั่นละเป็นความสุขของโลก ที่สุดแห่งความสุขอยู่กับเวลาหลับสนิท นอกนั้นมันดิ้นอยู่นี้ตลอดเวลาโลกก็อยู่กับอันนี้ละ ดิ้นกับสิ่งนั้นสิ่งนี้

ธรรมท่านไม่ดิ้น ท่านสงบ ยิ่งสงบมาก เอาเสียให้เต็มที่เลยว่า กิเลสขาดจากใจเสียอย่างเดียวเท่านั้น โลกนี้ว่างหมดเลย โอ๋ สิ่งที่ขวางโลกก็คือกิเลส ชี้ได้เลย ไม่มีอะไรขวางโลก มันขวางอยู่ที่จิตใจให้คิดให้ปรุงให้แต่งอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา พอกิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้วเรื่องเหล่านี้ไม่มี ว่างหมด ท่านเรียกว่า สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ ดูก่อน โมฆราช เธอจงเป็นผู้มีสติทุกเมื่อ ฟังซิมีสติทุกเมื่อ พิจารณาโลกให้เป็นของสูญเปล่า ถอนอัตตานุทิฏฐิ
ความเห็นว่าเขาว่าเราอันเป็นก้างขวางคอนั้นออก จะพึงข้ามพ้นจากพญามัจจุราชเสียได้ พญามัจจุราชจะตามไม่ทันผู้พิจารณาโลกเป็นของสูญเปล่าอยู่อย่างนี้ นี่ท่านแสดง

ทีนี้เวลาจิตเข้าถึงขั้นนั้นแล้วเป็นพระโมฆราชด้วยกันทั้งหมดเลย ท่านยกเป็นเอกเทศมาโมฆราชในมานพ ๑๖ คนนั้น ท่านยกมาเป็นเอกเทศ จิตของใครเข้าไปถึงนั้นแล้วเป็นพระโมฆราชด้วยกันทั้งหมด พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุกองค์ในนามอันเดียวกันก็ได้ อยู่ในท่ามกลางของกันและกัน คือผู้บริสุทธิ์แล้วอยู่ท่ามกลางของกันและกัน ไม่ต้องถามกัน ถามนั้นถามนี้อะไรก็อยู่ในท่ามกลางอันเดียวกันแล้ว เป็นอันเดียวกัน ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากัน นั่นละที่ว่าโลกว่างก็ว่างตรงนั้น ว่างหมดเลย กิเลสตัวเดียวเท่านั้นเป็นก้างขวางคอตลอด พอถอดอันนี้ออกไปแล้วหมดเลย ไม่มีอะไร นั่นละธรรมท่านอยู่อย่างนั้น

โลกต้องอยู่กับความดีดความดิ้น กับอันนั้นกับอันนี้ตลอดเวลา ไม่มีอันนี้อยู่ไม่ได้...โลก จิตนี้ต้องอาศัยเกาะนั้นเกาะนี้ เกาะๆ ตลอดเวลา แต่ธรรมไม่เกาะ เป็นเอกเทศอยู่ลำพังตนเอง ท่านว่า นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ สุขอื่นใดที่ยิ่งกว่าความสงบไม่มี คือความสงบอันนี้แหละ ไม่มีความสุขอื่นใดจะเสมอเหมือนความสงบราบคาบไม่มีกิเลสเสียดแทง มีอันนี้เท่านั้นเลิศโลก นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบนี้ไม่มี สงบอย่างราบคาบ สงบไม่มีกิเลสเข้ากีดขวางทำลาย ว่างเปล่าตลอดเวลา เวลาครองขันธ์อยู่ท่านก็ว่างของท่านอยู่อย่างนั้นตลอด

ขันธ์นี้มันดีดมันดิ้น ต้องรับผิดชอบกัน พาอยู่พากินพาขับพาถ่าย พาหลับพานอน พาไปพามา เวลาขันธ์มีอยู่ก็ขันธ์พาท่องเที่ยว สังขารขันธ์ สัญญาขันธ์ ตาก็อยากเห็น หูก็อยากฟัง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องรื่นเริงอยู่กับนี้...ขันธ์ มันก็ดิ้นของมันอยู่ในวงนี้ละ ส่วนจิตที่บริสุทธิ์แล้วไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงได้สนุกเห็นสนุกดูเรื่องขันธ์ดีดดิ้น เวลากิเลสมีขันธ์กับกิเลสนี้เป็นอันเดียวกันเป็นไฟ เป็นไฟทั้งความเพลิดความเพลินความโศกความเศร้า อยู่กับนั้นหมดเลย พอกิเลสถอนตัวออกไปไม่มีเหลือแล้ว ทีนี้ก็มีแต่ขันธ์มันดีดมันดิ้นอยู่เท่านั้นเอง จิตที่บริสุทธิ์ราบคาบแล้วไม่มี นั่นละท่านว่า นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบราบคาบไม่มี นั่นละพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านเป็นอย่างนั้น ท่านไม่ดีดไม่ดิ้นกับอะไร กิริยาอาการของโลกเป็นไปตามโลก สมมาพาควรอะไรท่านก็แสดงกิริยาตามนั้นๆ ธรรมดา ท่านไม่ยึดไม่ถือ แสดงแล้วผ่านไปหายเงียบๆ ไปพร้อมๆ กันเลย ท่านไม่เป็นอารมณ์

กิริยาอาการที่แสดงออกหนักเบามากน้อย หรือดุด่าว่ากล่าว นิ่มนวลอ่อนหวานอะไรก็ตาม สักแต่ว่าเป็นกิริยาที่แสดงออกๆ แสดงออกแล้วดับพร้อมๆ ท่านไม่เป็นอารมณ์กับกิริยาที่แสดงอาการออกไปนั้น ไม่มีอารมณ์ ส่วนโลกเป็นกองอารมณ์ อะไรผ่านเข้ามาก็คว้ามับๆ ยุ่งเจ้าของตลอดเวลา นั่นละท่านว่า นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบอันราบคาบ คือกิเลสถอนตัวออกหมดแล้วนี้ไม่มี ไม่มีสุขอื่นใดเสมอเหมือนแหละ นักภาวนาท่านเพื่ออันนี้เอง ให้จิตสงบ ตั้งแต่ขั้นจิตสงบขึ้นไปถึงขั้นสมาธินี้เริ่มสบายแล้ว อยู่ไหนก็อยู่สบาย จิตสงบแล้วสบาย

ถ้าจิตไม่สงบ ขึ้นไปอยู่ชั้นฟ้าดาวดึงส์ที่ไหนก็เหมือนก่อฟืนก่อไฟเผาตัวเอง เหมือนคนไข้เอาไปอยู่ตึกชั้นไหนๆ ของโรงพยาบาลนี้ ก็ไปร้องไปครวญครางอยู่โน้นแหละ เพราะโรคมันอยู่กับคน มันไม่ได้อยู่กับตึกกี่ชั้นๆ มันอยู่กับคน เอาคนไข้ไปไว้ที่ไหนมันก็ไปร้องไปครวญครางอยู่นั้นละ พอหายแล้วอยู่ไหนสบายหมด นั่น จิตนี่เหมือนกัน คือกิเลสเข้าเสียดแทงเป็นคนไข้ ไข้ภายในจิต ไข้กิเลส อันนี้ท่านเหมือนเรา เราเหมือนท่าน เหมือนกันทั่วโลก

โรคประเภทนี้อยู่ชั้นไหนก็ไม่มีความสุขแหละ พอถอนกิเลสออกแล้วอยู่ไหนสบายหมด ไม่มีคำว่าเป็นว่าตาย ความตายกับความเป็นอยู่มีน้ำหนักเท่ากัน ท่านไม่หนักทางไหน หากว่าท่านจะแยกมาให้หนักก็คือว่า เวลามีชีวิตอยู่ก็ทำประโยชน์ให้โลกไป ท่านก็ให้หนักมาทางความเป็นอยู่เสีย ถ้าธรรมดาแล้วนี้เสมอกัน อยู่ก็ได้ไปก็ได้ ถ้าธรรมดาท่านไม่อยู่แหละ ขี้เกียจแบกธาตุแบกขันธ์ คือพาอยู่พากิน พาหลับพานอน พาขับพาถ่าย พาเปลี่ยนอิริยาบถทั้งสี่ เปลี่ยนเพื่อธาตุเพื่อขันธ์ ไม่เปลี่ยนไม่ได้ ยืนนานไม่ได้ นอนนานไม่ได้ นั่งนานก็ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา พลิกอยู่เกี่ยวกับอิริยาบถการเปลี่ยนแปลงของธาตุขันธ์ สำหรับจิตไม่มีอะไรแล้ว พอสลัดอันนี้ปั๊วะหายเงียบเลย จิตเป็นธรรมธาตุเป็นอย่างนั้น แล้วเป็นนิพพานเที่ยงด้วย ธรรมธาตุนี้เรียกว่าเที่ยง เที่ยงตรง ตรงแน่วตลอดไม่มีคำว่าเปลี่ยนแปลง กฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เข้าไม่ถึง อันนี้เหนือสมมุติ อันนี้เป็นสมมุติ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เป็นสมมุติทั้งมวล เมื่อผ่านนี้ไปแล้วสมมุติเหล่านี้ไม่มี จึงเรียกว่านิพพานเที่ยง

ผู้ที่บำเพ็ญธรรมจะถึงขั้นนี้ได้ ก็คือผู้ตั้งใจปฏิบัติจริงๆ ต่ออรรถต่อธรรม ไม่อย่างนั้นไม่ได้นะ คือกิเลสเข้ายุ่งกวนตลอดเวลา แม้แต่เราทำความเพียรอยู่ในที่นั่งสมาธิที่เดินจงกรม กิเลสก็เข้ากวนอยู่ตามสถานที่ต่างๆ อิริยาบถต่างๆ นั้นแหละ ถ้าอันนี้สงบแล้วอยู่ไหนสบายหมด อันนี้เองเป็นเครื่องกวนใจ กวนธาตุกวนขันธ์ เขาไม่รู้เรื่องละธาตุขันธ์ มันไปกวนใจนั้นแหละให้ได้รับความทุกข์ เมื่ออันนี้หมดไปแล้วก็ไม่มีอะไรละ ท่านอยู่อย่างธรรมดา อย่างธาตุขันธ์นี้ก็วางตัวกับสมมุติทั้งหลายทั่วๆ ไป เหมือนๆ กันกับสมมุติทั่วๆ ไปเขาวางตัวต่อกัน แต่จิตนั้นเป็นอันหนึ่งแล้ว ไม่ได้มาคลุกเคล้ากัน สบายอยู่ตลอดเวลา

นี่ละใครจะสอนธรรมให้ได้ถึงขั้นนี้ไม่มี มีพระพุทธเจ้าเท่านั้น จากนั้นมาก็เป็นสาวก พอสาวกได้แล้วก็สั่งสอนกันต่อๆ ไป อุบายวิธีการเพื่อจะให้เข้าถึงความสงบราบคาบนี่ เรียกว่านิพพานเที่ยง แล้วศาสนาใดก็ไม่มี มีพุทธศาสนา ศาสนาเดียวเท่านั้น นอกนั้นเป็นศาสนาของคนมีกิเลส คลังกิเลส เราไม่ได้พูดดูถูกเหยียดหยามศาสนาใดๆ เป็นศาสนาคลังกิเลส อุบายวิธีการของกิเลสพาดำเนิน ไม่ใช่ศาสนธรรม เป็นอุบายของธรรมพาดำเนินเพื่อความสงบเย็นใจจนถึงขั้นนิพพาน มีพุทธศาสนาอย่างเดียวเท่านั้น นี้สอนโดยถูกต้อง ไม่ผิดไม่พลาด นอกนั้นเป็นคลังกิเลส ศาสนาก็เป็นศาสนาของกิเลส พาเอียงไปไหนเอียงไปตามกิเลสทั้งนั้น ไม่ได้เอียงไปตามธรรม ถ้าเป็นธรรมแล้วตรงแน่วๆๆ เลย

ให้พากันตั้งใจประพฤติปฏิบัติ พวกที่อยู่ในครัวนี่เป็นพวกที่เรากังวลมากอยู่ ให้พากันตั้งใจปฏิบัติ การปฏิบัติอย่าไปมองดูใครยิ่งกว่ามองดูหัวใจเราที่กำลังดีดดิ้นหาเรื่องหาราวตลอดเวลานี้ การมาภาวนาต้องมาดูหัวใจตัวเอง ดูที่อื่นไม่ถูก ถ้าดูก็เป็นหินลับปัญญา ดูอะไรให้เกิดสติปัญญา แต่ดูเพื่อการเพ่งโทษเพ่งกรณ์ซึ่งกันและกันนี้เป็นเรื่องมาสั่งสมกิเลส ไม่ใช่มาอบรมอรรถธรรมเข้าสู่ใจ เป็นการส่งเสริมกิเลส อย่าให้มี ใครเป็นอะไร.ร้ายช่างชี ดีช่างเขา ให้ดูตัวของเรา เรามารับผิดชอบเรา มาบำเพ็ญเพื่อเรา เราไม่ได้บำเพ็ญเพื่อใคร บำเพ็ญเพื่อเรา มันเคลื่อนไหวไปมาที่ไหน ดูจิต ตัวเคลื่อนไหวอยู่ที่จิต ให้มันระงับกันลงที่นี่ เมื่อระงับลงโดยสมบูรณ์แล้วเป็นสุขตลอด ให้พากันจดจำเอา

เราก็แก่ลงทุกวันๆ ทุกวันนี้เทศน์ได้บ้างไม่ได้บ้าง ต่อไปนี้จะเทศน์ไม่ได้แล้ว พอพูดนี้เสียงมันจะอู้ขึ้นมาทางหู พออู้ทางหูแล้วก็หยุด ถ้าวันไหนหูมันอื้อแล้วเทศน์ไม่ได้ ถ้าหูมันขึ้นแล้วเทศน์ไม่ได้ หยุด ถ้าหูยังดีอยู่ก็เทศน์ได้อยู่ ให้พากันปฏิบัติ มรรคผลนิพพานอยู่ที่หัวใจ อย่าไปมองดูดินฟ้าอากาศหรือฟ้าแดดดินลมที่ไหน ไม่ใช่กิเลส ไม่ใช่ธรรม ธรรมแท้กิเลสแท้อยู่ที่ใจ ให้ดูที่ใจของเราด้วยจิตตภาวนา มันจะดีดจะดิ้นจะคิดจะปรุงอยู่ที่นั่นแหละ สติมีจับไว้ๆๆ มันก็ปรุงไม่ได้ ถ้าสติดีอยู่แล้วสังขารความคิดปรุงอันเป็นเรื่องสมุทัยออกมาจากอวิชชานี้จะปรุงไม่ได้เลย มันจะระงับดับ สติติดแนบๆ เข้าไป ความปรุงเหล่านี้สงบตัวลงๆ นั้นละจิตใจสงบ ตั้งรากฐานได้ จากนั้นจิตแน่นหนามั่นคงขึ้นไปเรื่อยๆ ให้พากันจำเอา

นี่ก็เป็นงานปีใหม่ อย่าไปตื่นฟ้าแดดดินลม อันมืดกับแจ้งมีมาตั้งกัปตั้งกัลป์ ให้ตื่นเรื่องของกิเลสมันเขย่าหัวใจตลอดเวลานี้ ให้เห็นภัยต่อมัน ถ้าไม่เห็นภัยกิเลสตัวนี้แล้วเราจะไม่เห็นคุณภายในจิตใจของเรา เราจะดิ้นดีดไปอย่างนี้ตั้งกัปตั้งกัลป์ก็ดิ้นอยู่อย่างนี้ ถ้าเอาธรรมเข้าไปจับก็เป็นเบรกห้ามล้อ ความคิดความปรุงนี้จะค่อยสงบตัวลงๆ สุดท้ายเข้าสู่ความสงบ จำให้ดีนะ เอาละวันนี้พอ

(ผู้ก่อตั้งสถานีวิทยุเสียงธรรมจังหวัดนครนายก ถวายปัจจัยเข้ากองทุนวิทยุเสียงธรรม จำนวนหนึ่งแสนบาท) พอใจๆ เราทำนี่เราทำเพื่อโลกทั้งนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายทราบ ทราบให้ถึงใจนะ เราทำประโยชน์แก่โลกนี้เราทำอย่างถึงใจทุกอย่าง ไม่ได้เหลาะแหละ อย่างช่วยโลกนี้เราไม่เอาอะไรเลย ช่วยโลกทั้งหมด ไม่ว่าจะไปที่ไหนๆ ทำประโยชน์ให้โลกทั้งนั้นๆ เราไม่คิดว่านั้นๆ นี้ๆ ว่าสูงว่าต่ำ และเอียงในจิตใจเป็นอคติเราไม่มี ไม่มีในสิ่งทั้งปวง ไม่มีในสัตว์โลกทั้งปวง เราเสมอตลอดเวลาจิตใจของเรา แต่กิริยาที่แสดงออกนั้นมีหนักเบามากน้อยตามสิ่งที่มาเกี่ยวข้อง ซึ่งควรจะใช้กิริยาหนักเบาต้อนรับกัน ส่วนจิตไม่มี เสมอไปหมดเลย ให้พากันจำเอาไว้ ไม่มีอะไรเอียง จะทำให้เอียงก็ไม่เอียง เพราะธรรมชาตินี้ตายตัวแล้ว ไม่มีเอียง

เราช่วยโลกเราช่วยอย่างนั้นเต็มเหนี่ยว คิดดูซิตั้งแต่ตั้งหน้าตั้งตาพาพี่น้องทั้งหลายช่วยโลกมานี้ เป็นอย่างไรคุณค่าของการช่วยโลกคราวนี้ พร้อมด้วยความสามัคคีของพี่น้องชาวไทยเรารวมหัวกัน ทองคำก็ได้ถึง ๑๑ ตัน ๔๐๐ กิโลแล้วนะ นี่เป็นเครื่องหมายสำคัญแห่งการช่วยชาติของเรา ทองคำถึง ๑๑ ตันกับ ๔๐๐ กิโลกว่า เป็นของเล่นเมื่อไร พิจารณาซิ ดอลลาร์ก็ตั้ง ๑๐ ล้านกว่า นี่ที่เป็นชิ้นเป็นอันเข้าสู่คลังหลวงเรียบร้อยแล้ว คือเครื่องหมายแห่งการช่วยโลก ช่วยโลกคืออุ้มโลก อุ้มชาติไทยของเรา

นอกจากนั้นจตุปัจจัยพี่น้องทั้งหลายให้มานี้ไม่ไปไหน เราไม่เอา เราบอกตรงๆ ว่าเราไม่เอา เราช่วยโลกทั้งนั้นเลยเชียว มีมากมีน้อยอย่างที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคออกละนี่ ออกช่วยทางนู้นทางนี้ เฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาลเป็นอันดับหนึ่ง เพราะโรงพยาบาลนี่พิสดารมากทีเดียว ต้องได้ช่วยหลายแง่หลายทาง อย่างอื่นก็มี หน่วยราชการมีทั่วๆ ไป ช่วยที่ไหนๆ ถ้าเป็นหน่วยราชการนี้ โห ไม่ทราบว่ากี่ล้านนะ ถ้าลงได้ช่วยลงไปแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น เรือนจำลาดยาว อย่างนั้นละทางวงราชการ ถ้าช่วยที่ไหนเป็นอย่างนั้น ช่วยมากๆ เป็นล้านๆๆๆ เป็นสิบล้านๆ ขึ้นไป เรือนจำลาดยาวนี่ ๔๙ ล้าน สร้างตึกสองหลังให้พวกนักโทษหญิงอยู่ นอนกองกันอยู่ เราเข้าไปเอง หัวหน้าเขาพาเข้าไป ก็คือเขาหวังความช่วยเหลือจากเรานั่นเอง เขาจึงนิมนต์เข้าไป เราก็เข้าไปซอกแซกซิกแซ็กก็รู้ความหมายทุกอย่าง พอออกมาแล้วก็เลยสร้างตึกให้ถึง ๒ หลัง ๔๙ ล้าน พอได้หลับได้นอนกันบ้าง

อย่างที่เราไปมอบทองคำและดอลลาร์เข้าคลังหลวงเป็นครั้งแรก ก็หัวหน้าคลังหลวงนั่นแหละ มานิมนต์เราเข้าไป เขามีความหมายของเขาเราก็รู้ทันที เป็นแต่เพียงไม่พูดเฉยๆ ทองคำมีเท่าไรๆ นิมนต์เราเข้าไปดูคลังหลวง ทองคำมีเท่าไรๆ นิมนต์เราเข้าไป เราก็เข้าไป เขาวางเป็นตับๆ เป็นตรอกเป็นซอกเป็นซอย ทองคำแท่งเราเข้าไปดู คนที่เข้ามาดูทองคำในคลังหลวงนี้มีสองท่านด้วยกัน คือใครบ้างล่ะ สมเด็จพระเทพฯ หนึ่ง แล้วก็หลวงตานี้หนึ่ง เราทราบทันที

พอออกมาแล้วก็ไปคุยกันสองต่อสอง ถามซักไซ้ไล่เลียงทุกอย่าง ทองคำที่ไปฝากเมืองนอกๆ เพื่อประกันชาติไทยของเรา เวลาติดหนี้ติดสินต้องเอาทองคำเป็นเครื่องประกัน แล้วเมืองไหนๆ ฝากไว้เท่าไรๆ เมืองนั้นฝากเท่านั้นๆ แล้วแต่เมืองใหญ่เมืองน้อยที่ติดหนี้ติดสินกันที่เอาทองคำไปรับรองกัน เป็นจำนวนเท่านั้นมากมาย แต่เวลาย้อนเข้ามาหาทองคำในเมืองไทยของเราที่เป็นประกันตัวมีเท่าไร มีเท่านั้น ใจเราหายวูบเลย

นั่นละออกมาถึงได้ประกาศลั่นโลกเรื่องทองคำเข้าสู่คลังหลวง ไม่ใช่เขานิมนต์เฉยๆ เขานิมนต์เราเข้าไปเขาก็มีความหมาย เราออกมาเราก็ได้ความหมายออกมา ประกาศพี่น้องให้ช่วยกัน จึงได้ทองคำถึง ๑๑ ตัน ๔๐๐ กิโล ส่วนดอลลาร์ก็ได้เพียง ๑๐ ล้าน ๒ แสน ส่วนเงินไทยเราเข้าซื้อทองคำเพียง ๒ พันล้าน เอาไปซื้อทองคำเข้าคลังหลวง นอกนั้นกระจายออกทั่วประเทศไทย สำหรับเงินบาทนะ แล้วยังเอาดอลลาร์เข้ามาช่วย ดอลลาร์มอบ ๑๐ ล้านกว่าแล้ว เราก็ประกาศเลย เราพูดคำไหนเป็นคำนั้นไม่มีสอง

ต่อไปนี้ดอลลาร์จะไม่ได้เข้าคลังหลวง เพราะเราหยุดการเทศนาว่าการช่วยโลกแล้ว เงินทองอะไรก็จะไม่มีมาละที่นี่ แต่ความยากจนข้นแค้นของคนที่เข้ามาหาเรานี้มากต่อมากตลอด เราจะเอาเงินเหล่านี้ละออกช่วย เพราะฉะนั้นดอลลาร์จึงไม่ได้เข้าคลังหลวง ออกมาช่วยเงินไทยเรา หนุนมาตลอดทุกวันนี้ เราพูดอะไรไม่มีสอง ถ้าลงได้พูดคำไหนเหลาะแหละไม่มี ใครจะมาเหลาะแหละกับเราไม่ได้ เข้ากันไม่ติด ไม่ว่าพระว่าฆราวาส

เราจริงจังทุกอย่างเวลาจริง เวลาเล่นกับหมานี่ก็ฟัดกันเลย หมาตาพฤกษ์นี่ เอามาจากนู้นทั้งขึ้นเครื่องบินทางนี้มา มาเป็นคู่เล่นกับเรา ซัดกันกับหมา แน่ะ เวลาจะเล่นกับหมาใครมายุ่งไม่ได้นะ เวลาเล่นกับคนหมาเขาไม่ไปยุ่งแหละ คนนี่มันดื้อด้านต่างหาก หมาเขาไม่ดื้อ นี่ละการช่วยโลกให้ท่านทั้งหลายทราบเสีย เราไม่เอาอะไร สมบัติเงินทองข้าวของมากน้อยเราไม่เอา เราช่วยโลกทั้งนั้น ไปที่ไหนช่วยตลอดๆ

จนกระทั่งวาระสุดท้ายเวลาเราตายนี้ก็ตั้งคณะกรรมการขึ้น เก็บรักษาเงินที่เขาจะมาเผาศพเรา ได้มากน้อยเพียงไรตั้งกรรมการขึ้น แล้วเอาเงินจำนวนที่เขามาบริจาคทั้งหมดนี้ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงเป็นวาระสุดท้าย เราเองจะเผาด้วยไฟ ใครจะมาทำหรูหราฟู่ฟ่ากับหีบศพเราที่ตายเน่าเฟะไม่เกิดประโยชน์นั้น ด้วยการสร้างนั้นสร้างนี้หรูหรา เราบอกไม่เอา อย่ามาทำนะ เราไม่ต้องการ เราบอกอย่างนี้เลย เราเขียนพินัยกรรมไว้แล้วว่า สมบัติเงินทองที่เขามาเผาศพเรานี้เราจะนำอันนี้ไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงเป็นวาระสุดท้าย นี้เป็นพินัยกรรมแล้วนะ เราตายแล้วก็เอาออกมาอ่านได้เลย

เราช่วยประโยชน์เฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวไทยเราทั่วประเทศ เราช่วยหมดทุกภาคเลย เราไม่เอาอะไร ได้เท่าไรๆ ออกหมดๆ ไปที่ไหนช่วยที่นั่นๆ มีที่นี่ก็ช่วยที่นี่ แล้วกระจายออกไปที่ไหนจำเป็นๆ เราช่วยอย่างนี้ตลอดมา สำหรับเราเราไม่เอาอะไร เราพูดเปิดอกเลยว่าเราพอทุกอย่างแล้ว ความพอในใจของเรานี้พออย่างเลิศเลอ ไม่มีอะไรที่จะมาเพิ่มเติมเรา มาเป็นคู่แข่งว่าความพออันเลิศเลอของเรานี้กับที่เขามาเพิ่มเติมอะไรเลิศเลอ ไม่เลิศเลอ เมื่อไม่เลิศเลอเราก็ไม่รับ ความนินทาก็ดี ความสรรเสริญก็ดี มีคุณค่าขนาดไหน กับธรรมในหัวใจของเราที่ว่าพออย่างเลิศเลอมีค่าขนาดไหน เพราะฉะนั้นความสรรเสริญก็ดี ความนินทาก็ดี ตกออกหมด เพราะไม่มีคุณค่าเท่าหัวใจเราที่พอแล้วอย่างเลิศเลอ

นี่ละเราช่วยโลกเราช่วยอย่างนี้ เราไม่ช่วยธรรมดาๆ สมบัติเงินทองข้าวของมีเท่าไรหมด ที่จะให้เราเก็บเราไม่เก็บ เก็บหาอะไร ผู้ยากจนเข็ญใจมีอยู่ทั่วโลกดินแดนก็ต้องช่วยผู้จำเป็นอย่างนั้นซิ ก็มีเท่านั้นเรื่องราว เราเอาจริงเอาจังทำทุกอย่าง เราจะทำประโยชน์ให้โลกเต็มกำลังความสามารถของเราเวลามีชีวิตอยู่ เมื่อตายไปแล้วก็สุดวิสัย แต่เวลามีชีวิตอยู่มีเท่าไรทุ่มหมดๆ ให้พี่น้องทั้งหลายทราบเอาไว้ เราเปิดอกกับโลกของเรานี่ช่วยเต็มเหนี่ยวเลย ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ให้พากันเข้าใจตามนี้ เอาละทีนี้จะให้พร สาธุ สาธุ สาธุ



รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดรธานี

FM 103.25 MHz
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 02 ม.ค. 2007, 9:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาสาธุค่ะ...คุณอนุรักษ์

สวัสดีปีใหม่ค่ะ...สุขกาย สบายใจ
เจริญยิ่งๆขึ้นไปทั้งในทางธรรม ในทางโลกนะคะ

ธรรมะสวัสดีค่ะ

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง