Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทุกข์เรื่องความรักแสนสาหัส อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
pat3112
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 21 ก.ย. 2008
ตอบ: 3
ที่อยู่ (จังหวัด): นนทบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 9:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จากที่อ่านมาเลยรู้สึกเข้าใจทุกท่านหัวอกเดียวกัน

ผมเองก็เป็นทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง ทำทุกๆ อย่างเพื่อให้เขามีความสุข

บางครั้งคิดสั้นก็มี และผลที่ได้รับมีแต่ความทุกข์เวทนาสาหัสมาก ครั้งเเล้วครั้งเล่า

เขาก็นอกใจเช่นเดิม ก็ทำอีก สุดท้ายคิดว่าอย่างน้อยก็อยากทำห้เขามีความสุขก็ เข้าไป

อีกทำทุกๆ อย่างเหมือนเดิม อยากให้เขามีความสุขก็ทุกข์จนป่วย

ครั้งเเล้วครั้งเล่า เป็นอยู่แบบนี้

แต่มีสติ-ปัญญาจะช่วยให้ผ่านไปได้คับ สำหรับผม หากมีปัญหาหนักหนาสาหัสก็จะกลับมาที่ตัวเอง รู้ลมหายใจเข้ารู้ออกรู้ กำหนดฐานที่ปลายจมูกก็ได้ หรือจะรู้ว่าผ่านจมูกรู้ ชำนาญรู้ว่าผ่านอก ท้องก็ได้ครับจนใจสบาย

ใคร่ครวญว่าที่ผ่านมาเรารักเขามาก แล้วมันสุขหรือมันทุกข์ ถ้ามันทุกข์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กันขนาดนี้ลองไล่เหตุการณ์ดูเลยครับตั้งแต่เริ่มจนตอนนี้สาหัสสากันขนาดนี้ ไหวอีกไหม คนเรามันตายเช้าสายบ่ายค่ำมันตายได้เสมอ มันพลัดพลากเสมอ มันแก่ไหม ไม่อาบน้ำแล้วก็ไม่สะอาด มันพลัดพรากจากเราปกติอย่างนี้ให้ทุกข์กันสาหัสขนาดนี้ ถ้าเราไม่สงสารตัวเองยึดของเหล่านี้ก็ไม่รู้ทุกข์ไม่อยุดครับ ถ้าคนดีเขาไม่ทำแบบนี้ วางให้ได้ครับ ไม่ต้องการอีก ไม่ห่วง ไม่กังวลทั้งหมด เราเจ็บมาพอแล้ว

พิจารณาให้ใจสบาย (ชั่วคราว) ต้องสู้ครับ แค่นึกถึงเขา,เธอจับลมทันที พอใจสบายพิจารณาเลยทำมันทั้งวันครับ ยังไงก็ต้องสู้ครับอาจหลายปีก็ต้องทนถ้ากฏแห่งกรรมไม่คลายก็เป็นอยู่แบบนี้ครับ ตั้งใจเลยจะสู้ให้ถึงที่สุด (เด็ดเดี่ยว)

ต่อมาต้องเข้าใจอภัยให้เขา (กรรมที่เราเคยทำเขาไว้ใช้หนี้มันไป) จะได้สบายใจ เราควรอภัยให้เขาเพราะอะไร เพราะเขาเป็นคนโง่ทำเวรทำกรรมหาทุกข์ใส่ตัวทางของเขาตชคือทางไม่ดีสงสารเขาอย่าพยาบาทครับ แผ่เมตตาไปมากๆ ครับ (แผ่ให้คนอื่นก่อนพ่อเเม่ครู่บาอาจาย์ คนคนนั้นะครับเดี๋ยวเกิดสงสารเขายุ่งอีก พอใจคลายตัวเห็นเขาผู้หลงผิดเราสงสารค่อยแผ่ไปให้เขา)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ชิดชญา แซ่ลิ้ว
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 29 ก.ย. 2008
ตอบ: 1
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ย. 2008, 5:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชีวิตฉันก็คล้ายคุณ สามีมีเมียน้อย
มีลูกกับเค้าด้วย ในขณะที่ฉันก็มีลูกด้วยเหมือนกัน
ชีวิตเคยสับสนทุกหนทางมีแต่ความมืด ทั้งโกรธทั้งแค้น และอาฆาต
จิตติดลบไม่เป็นอันทำอะไร อยู่ได้ทุกวันเพราะเห็นหน้าลูก
ปัจจุบันใช้หลักอภัยทาน ให้อภัยหมดทุกอย่างคุยกันปกติธรรมดา
หากแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อีกต่อไป เพราะใจไม่สามารถรับได้
ขออยู่อย่างห่างๆๆ แล้วทำทุกอย่างเพื่อลูกดีกว่าค่ะ
ฉันเคยเศร้าอย่างถึงที่สุด จนเกือบฆ่าตัวตายทั้งที่ลูกอยู่ในท้อง
แต่ด้วยอานิสงส์ลูก จึงดับความคิดนี้ได้ในฉับพลัน หลังจากนั้นความคิดแบบนี้
ไม่มีเหลืออยู่ในดวงจิต ฉันเหมือนคนที่ตื่นจากฝันร้ายแล้ว
หวังว่าคุณจะตื่นได้เช่นกัน
ฉันสวดมนต์ทุกวัน แผ่เมตตาให้เค้าสองคนทุกวัน
ขอให้พระธรรมจงคุ้มครองคุณเช่นกัน
ให้ผ่านวันร้ายๆๆ ด้วยพระธรรมของพระพุทธองค์เทอญ
 

_________________
เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
แวะมา
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 25 ก.ย. 2008
ตอบ: 42
ที่อยู่ (จังหวัด): BKK.

ตอบตอบเมื่อ: 12 ต.ค.2008, 7:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถึงคุณที่ตั้งกระทู้

บางอย่างถ้าแก้ไม่ได้ ปล่อยวาง เดี๋ยวเวลาจะคลี่คลายเอง ทำในสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้นั่นก็คือทำใจให้ปล่อยวาง เอาใจไปจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นจะได้ลืมคิดไปว่าตัวเองมีสามีแต่สามีไม่รักและไม่ยอมหย่า อย่าคิดวกวนอยู่ในอ่าง ตอกย้ำความทุกข์ตัวเอง อย่ามัวเสียเวลานั่งครำครวญ นึกน้อยใจเสียใจ คุณเสียเวลามามากพอแล้ว
ลองอ่านเรื่องของคุณดังตฤณ ดูนะคะ

ก่อนว่าง

หากความว่างปรากฏขึ้นอย่างเฉียบพลัน
เราอาจสงสัยว่าเกิดเรื่องผิดปกติ
และอาจค้นหาสิ่งที่คิดว่าเป็นปกติ
ทั้งที่จริงแล้วความว่างไม่เคยผิดปกติ
ความผิดปกติอยู่ที่ใจเราไม่เคยยอมว่างเอาเสียเลยต่างหาก

ถ้าว่างจากความทะยานอยาก
หากหมดความสงสัย
ไม่เหลือความดิ้นรนอันใดอื่น
ความว่างกับความรู้สึกแสนสบายจะปรากฏพร้อมกัน
นับจากนั้นเราจะไม่เหลียวหาความรกรุงรังอีกเลย

ความว่างไม่ได้มีความผิด
กับทั้งไม่ได้มีความถูกบรรจุอยู่
ความว่างไม่ได้เป็นที่ตั้งของความทะยานอยาก
กับทั้งไม่ได้เป็นที่เกิดของความสงสัย
ใจที่ไม่กลมกลืนเป็นอันเดียวกับความว่างต่างหาก
ที่มีการตัดสินว่าอะไรผิดอะไรถูก
และเต็มไปด้วยความอยากได้อยากมีอยากดีอยากเป็น

ใจเราไม่เคยต้อนรับความว่าง
เพราะมัวสาละวนอยู่กับความวุ่น
แต่เมื่อใดที่ถูกชี้ให้เห็นความวุ่น
เมื่อนั้นเองที่ใจจะกลับมาต้อนรับความว่าง

ใจเราเต็มไปด้วยความวุ่นหลากชนิด
ขอเพียงคิดออกมาจากความว่างเป็น
จะเห็นความวุ่นหายไปทีละเปลาะ
กระทั่งใจเลิกเกาะเกี่ยว
แล้วกลายเป็นอันเดียวกับความว่างชั่วกาลนาน
 

_________________
จงระมัดระวังกาย วาจา ใจ ไม่ให้ไปทำร้ายใคร
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง