Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ผู้สำเร็จ (หลวงตาแพรเยื่อไม้) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 28 พ.ย.2004, 12:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



ศาลาไทย 1.jpg


ผู้สำเร็จ
โดย หลวงตาแพรเยื่อไม้

จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา


พรมเนื้อหนาและนุ่มละมุนที่นั่งทับอยู่ ราวกับมีฤทธิ์ดังพรมวิเศษ ในเรื่องอาหรับราตรีทีเดียว มันไม่ได้พาร่างหลวงตาลอยละล่องไปยังที่ต่างๆ อย่างที่อ่านมา แต่ใจน่ะสิมันลอยได้เมื่อสายตาสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบของห้องนี้ ทำให้คิดเคลิ้มไปว่าเคยพบผ่านมาที่ไหนสักแห่งหนึ่งแต่ก็ คิดไม่ออก เห็นแต่ว่ามันเป็นเรื่องเกินวาสนาของตนเท่านั้นเอง

เบื้องหน้าเป็นโต๊ะบูชาประดับมุกลวดลายวิจิตร แม้ผู้ที่หย่อนรสนิยมในเรื่องศิลปะอย่างหลวงตาก็อดที่จะชื่นชมกับ ความสวยระยับของมันไม่ได้ ส่วนประกอบมีพานดอกไม้ แจกัน เชิงเทียน กระถางธูป และอีกหลายชิ้นซึ่งหลวงตาเรียกไม่ถูก ล้วนแต่เป็นเครื่องลายครามชั้นดีมีราคาทั้งนั้น ดอกไม้ที่ปักอยู่ในแจกันก็เป็นดอกไม้ที่แพง แวนด้า หน้าวัว สวยทั้งสี งามทั้งทรงและก็สดสะอ้าน ล้ำลงมาเป็นฐานสี่เหลี่ยมไม้มะเกลือ ประดับมุกรองรับงาช้างคู่หนึ่ง เชิดโง้งเข้าหากัน แลดูเป็นกรอบจำกัด ภาพเครื่องบูชาอย่างเหมาะเจาะ

จากที่หลวงตานั่งทอดสายตาขึ้นไปในระดับปลายงาทั้งคู่ที่จรดเข้าบรรจบกัน เป็นช่องว่างที่ช่วยให้เห็น พระพุทธรูปสมัยเชียงแสนขนาดเขื่อง ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะยอดความสง่าของปฏิมายุคนี้งามอย่างมีอำนาจ ชวนให้น้อมคารวะและเสงี่ยมสังวรขณะที่พับเพียบ อยู่ตรงหน้า อานุภาพอันพวยพุ่งออกมาจากกรอบงาช้างทั้งคู่นี้ หลวงตายิ่งมองก็ยิ่งเกิดความรู้สึกที่ควบคุมตัวเองขึ้นมาพร้อมๆ กัน มือที่ท้าวพื้นพรมยันร่างอย่างเอ้อระเหยเสบยอยู่เมื่อครู่นี้ ก็มารวมอยู่บนตัก ร่างที่เอนจนเกือบเอกเขนกก็ตั้งตรงเข้าที่พับเพียบครั้งแรกราวกะท่าของนักรำไหว้ครูกระบี่กระบอง ก็หุบเข้ามาเกยกันอย่างสำรวม

ดวงตาที่ทอดไปสู่ช่องงาช้างสัมผัสภาพที่ทรงอานุภาพเหนือกิเลสบางประการ หากมันจะอยู่กับสิ่งนั้นตลอดไป หลวงตาคิดว่าภาพพระนั้นอาจช่วยให้บรรลุธรรมได้แน่ๆ แต่ดวงตามันไม่ยอมอยู่กับพระได้ตลอดน่ะสิ เพราะดวงใจมันชักพาให้ ดวงตากลับกลอกส่ายเก็บภาพอื่นๆ ภายนอกกรอบงาช้างนั้นด้วย ยังมีอีกหลายอย่างที่น่ามองและชวนให้มองกว่าพระ และเมื่อเผลอไปมองมันเข้าแล้ว มือที่รวบวางอย่างสงบอยู่บนตักก็เริ่มจะขยายมาเป็น ท่าตีกระบี่กระบองอีก และบางทีก็ถึงกับยงโย่ยงหยก ยักแย่ยักยัน บางอย่างมันจูงให้คลานเข้าไปดูมันจนใกล้

บนผนังคอนกรีตที่ทาสี ไว้อย่างสดใสสะอาดจนเกือบได้กลิ่น ? ภาพที่ติดกรอบก็มีเป็นภาพแผ่น กลันเด้อร์ก็มี เป็นภาพที่เจ้าของคัดเลือกแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นภาพที่มีศิลปะชูกำลังกาม จะอะไรอีกเล่าส่วนแห่งสรีระกายที่ประเพณีบังคับให้สงวนและควรอาย แต่เจ้าของถือเป็นอาวุธลับที่จะ เอาชนะศัตรูที่น่ารัก

พระถือว่าเป็นเครื่องมือมาร ฮิปปี้ถือว่าเป็นพลังที่จะปลุกใจให้บรรลุอุดมคติได้ ภาพนั้นไม่ใช่สัตว์ตัวผู้ แขวนติดไว้สูงระดับที่มองได้อย่างสบาย ไม่ถึงกับเงยหรือก้ม และอยู่ในระดับเดียวกับดวงพักตร์ของพระปฏิมาเหนือแท่นบูชาพอดี หลายภาพ ละลานตา ระเริงใจ และเร่าร้อนในความรู้สึก มันอาจจะเป็นความอ่อนแอของหลวงตาก็ได้

เหนือกรอบหน้าต่างมีมีบังตา ราคาแพงนั้น มีอาวุธของนักรบโบราณติดไว้หลายชิ้น ดาบมีทั้งสั้นและยาว ฝักคร่ำทอง ง้าว และโล่ ถัดไปก็ปืน หลวงตาไม่แน่ใจว่าจะเป็นปืนแท้หรือปืนเด็กเล่น

ฝาห้องสะกัดด้านซ้ายมือ มีตู้มุกสองตู้ตั้งห่างกันพอได้ระยะเหมาะกับท้อง เป็นอีกแง่หนึ่งที่ยืนยันถึงอุปนิสัยของเจ้าของว่าเป็น ผู้รักระเบียบ ภายในตู้นั้นสุราต่างประเทศขนาดต่างๆ โชว์ไว้อย่างสะดุดตา มีทั้งแก้วที่มีรูปร่างแปลกๆ ชั้นบนสุดเป็นภาพสลักหินรูปสตรีได้รับ บอกเล่าว่าวีนัส ส่วนเว้าส่วนนูนราวกับจะกระเพื่อมไหวได้ เพราะตาที่มองมันอยากจะให้เป็นเช่นนั้น

อีกด้านหนึ่งของห้องมี โต๊ะเขียนหนังสือและตู้บรรจุหนังสือปกสวยๆ ถัดมาก็โทรทัศน์ขนาดกลาง ทางมุมสุดของห้องเป็นประตูทะลุไปออกห้องหนึ่ง คือเป็นห้องน้ำที่สร้างด้วยวัสดุสมัยใหม่ ซึ่งขณะนี้เจ้าของห้องใช้ประโยชน์กับมันอยู่ หลวงตาจึงต้องคอยด้วยความเคลิบเคลิ้ม...

ประโยชน์ของการคอยก็มีบ้างมีบางอย่างที่หลวงตาเห็นมันแล้ว ก็หวนกลับไปถึงอดีต จนกระทั่งยิ้มออกมาเก้อๆ ระยะที่มาเป็นพระบางกอกใหม่ๆ หลวงตาก็ไม่ต่างอะไรกับกระดี่ตื่นฝน ตื่นความเจริญ สิ่งใดที่ได้รับฟังเขาพูดเขาคุยกัน กระทั่งได้รับรู้มาจากการอ่านหนังสือว่าเป็นเครื่องวัดความเจริญของคน ฉุดรั้งคนออกมาจากดงแห่งความป่าเถื่อนได้ หลวงตาเป็นผลิตผลของความเจริญชิ้นหนึ่งด้วยเท่านั้น วัตถุของใช้บางอย่างถึงใช้ไม่เป็นก็ช่างหัวมันปะไร วิทยุก็ต้องมีอย่างดี

คำว่าดีก็คือ ถือเอาความนิยมส่วนใหญ่ “เขาว่า” สมัยนั้นเสียงไฮไฟ ถือกันว่านำสมัย หลวงตาก็มีกะเขา เครื่องเบ้อเร่อ..... ไม่รู้หรอกว่า เสียงไฮไฟกับเสียงธรรมดามันผิดกันอย่างไร ? แต่ก็ภูมิใจหนักหนา เพลงก็ต้องฟังเพลงฝรั่ง หัดฟังเพลงคลาสสิค พยายามฟังเสียง แสงแดด เสียงของความหนาว เสียงแห่งความสงัดยามดึก เสียงของผีโลดลุกออกมาจากหลุมฝัง เที่ยวสะกิดเคาะวิญญาณคน เห็นม้าขาววิ่งไปในทุ่งหญ้าที่ชูไสว ต้องประกายแดดอยู่ในท้องทุ่ง..... ในเสียงดนตรีคลาสสิค

นี่คือหลวงตา สมัยที่โก๋ยังไม่เกิด

กุฏิหลวงตาเมื่อใครเข้าไปแล้ว เขาจะไม่กลับออกมาพร้อมกับนึกดูถูกว่ามีรสนิยมต่ำเป็นอันขาด หลวงตามั่นใจเช่นนั้น


(มีต่อ)
 

_________________
สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว

จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 28 พ.ย.2004, 12:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วันหนึ่งพระเถระจากต่างจังหวัด รูปหนึ่งมาแวะเยี่ยมเมื่อหลวงตากราบท่านแล้ว และซักถาม ถึงสุขภาพการเดินทางและธุระที่มาบางกอก สนทนาปราศรัยกันไปเรื่อยๆ พระเถระรูปนั้นมีอาการที่หลวงตาเห็นผิดสังเกตอยู่ คือตลอดเวลาที่นั่งคุยด้วย สายตาท่านมักจะเลื่อนลอยไปรอบๆ ห้องกุฏิเป็นคู่สนทนาที่เลื่อนลอยเต็มที หลวงตารู้ว่าพระเถระรูปนี้เป็นผู้ขาดศิลปะในการสนทนาอย่างสิ้นเชิง เพราะขณะนั้นกำลังอ่านจิตวิทยาสังคมของฝรั่งอยู่

ก่อนพระเถระรูปนั้นจะลากลับ ท่านพูดกับหลวงตาว่า

“สุมไฟไว้รอบตัวเทียวนะคุณ”

“ไฟที่ไหนครับ ?” หลวงตาถามงงๆ

“นั่นยังไง” ท่านชี้ไปที่ฝากุฏิ และกราดไปทั่วห้อง

“ผมไม่เห็น” หลวงตาหน้าเลิ่กลั่ก จนพระเถระรูปนั้นกลั้นหัวเราะไม่ไหว แล้วก็อุทานเป็นคำกลอนออกมาด้วย ใบหน้าที่สมบูรณ์ด้วยแววเมตตา

“หากไม่เจ็บก็ไม่เข็ดขยาดร้อน ผู้ใหญ่สอนยังหาญทำด้านดื้อ”

“ครับ” หลวงตารับคำ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรให้ดีกว่านี้

“คุณไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งทำโง่” พระเถระหันมาถามหลวงตา ยิ้มด้วยคิดว่ามันเป็นทางเดียวที่จะรักษาเชิงไว้ได้ ท่านจึงกล่าวต่อไป

“ปกติจิตใจของเรา แม้จะไม่มีอะไรมาจูงมันก็แส่หาทางไปอยู่แล้ว หากมีเครื่องล่อเครื่องจูงมันก็เตลิดเปิดเปิงไปใหญ่ ไม่ดีหรอกคุณ อย่าเอามันไว้เลย เอามันไปเผาเสีย ขืนเอาไว้มันก็เผาคุณ”

หลวงตาหวนรำลึกถึงความรู้สึก เมื่อไหวทันคำเตือนครั้งนั้นได้ และยังจำใส่ใจอยู่เสมอ แม้จะอายพระเถระรูปนั้นเพียงไรก็ไม่คิดว่าท่านจะเป็นผู้หวังร้ายหลวงพ่ออุปัชฌาย์ พระครูอุทัยคณารักษ์

หลวงตาปลดสิ่งนั้นออกจากฝากุฏิไปเผาตามคำแนะของหลวงพ่ออุปัชฌาย์ มานานแล้ว ภาพศิลปะศิลโป๊มันมอดไหม้ละลาย ไปนมนานแล้ว เดี๋ยวนี้ฝากุฏิหลวงตาไม่มีอะไรเลยนอกจากหยากไย่ใยแมงมุม ไม่มีไฟที่จะเผาต่อไปอีกแล้ว แต่ใจของหลวงตาก็ยังลุกโชนอยู่ด้วยความร้อน

ประตูห้องน้ำเผยออก ร่างภายในก็โผล่ออกมาด้วยใบหน้ารื่นไปด้วยรอยยิ้ม พลางเอ่ยปากอนุญาตบ้าง ขออภัยบ้าง ให้หลวงตาถืออย่างกันเองด้วย เมื่อเจ้าของห้องแสดงความเคารพหลวงตาแล้ว

“ไม่ค่อยได้พบกันเลย คิดถึง” เจ้าของปรารภ “มันไม่ค่อยมีเวลาว่างที่จะไปเยี่ยมได้ นี่ก็เพิ่งกลับจากบ้านคุณหญิงพิมลพรรณ มีเกี่ยวข้องกันอยู่ห้าหกแสน จะหล่อรูปสมเด็จครับ สมทบทุนสร้างโรงพยาบาล เมื่อเดือนก่อนไปเที่ยวปีนังมาหน่อยด่านน่ะหรือ ? ไม่มีอะไรขัดข้อง ลูกศิษย์ผมทั้งนั้น ของได้มาทั้งหมดเหยียบแสน ภาษีน่ะหรือ ? เสียให้โง่น่ะซี !

เจ้าหน้าที่ก็คนของเรา..... กำลังติดต่อพลเอกจะ เปลี่ยนรถยนต์คันนี้เสียที นั่งมาเกือบปีแล้ว เอารุ่นใหม่..... ลองนั่นบ้างไหมล่ะ คัดอย่างวิเศษชั้นหนึ่งทั้งนั้น จริงๆ นา ลองดูก็ได้ ผมเลี้ยงเรื่อยใครมาหาถ้าปากดี มีโชคหน่อยก็อย่างดีขวดละแปดร้อย หรือสองพัน เหล้าเหล่านี้เป็นเหล้าตัวอย่างหาซื้อไม่ได้ในเมืองไทย ถ้ามันแย่ก็โยนแม่โขง ให้แก้รำคาญกินนินทา..... โทรทัศน์ น่ะหรือ ?..... พระองค์เจ้าเขาซื้อมาจากอเมริกาตลาดเมืองไทยไม่มี ภาพและสีของเขาสวยมาก”

หลวงตาออกจะตื่นเต้นและงงงวย ต่อการปฏิสันถารอย่างเอิกเกริกของท่านเจ้าของสำนักเป็นอย่างมาก กิจธุระที่ตั้งใจมาหาเขาคิดว่ามันสำคัญเหลือเกิน แต่มาได้รับการปฏิสันถารทราบถึงพื้นเพแห่งชีวิตอันได้พัฒนาไป อย่างคาดไม่ถึงเช่นนี้แล้วก็เลยทำให้รู้สึกว่า กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเสียจนไม่อยากจะเอ่ยปาก เมื่อขอลากลับท่านเจ้าของสำนักตะโกนเรียกคนใช้ให้นำรถไปส่งหลวงตา และเดินมาส่งถึงรถ

“คันนี้แสนสี่ หลวงตาใช้มาเกือบเดือนแล้ว เอาไว้ให้ผมสึกเสียก่อน ผมจะถวายคันนี้”

“ขอบใจมาก เอ๊ะ นี่ยังคิดสึกอีกหรือ ?” หลวงตาถาม

“สึกซี อยู่ให้โง่ทำไม ยังติดพันอยู่กับกิจสำคัญอย่างเดียว ถ้าสำเร็จก็สึกแน่”

“พูดถึงว่าไม่สึก ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อน สมบูรณ์บริบูรณ์ออกอย่างนี้”

“......... !”

เขาพูดถึงสิ่งที่เขาต้องการ แต่ยังขาดออกมาด้วยเสียงอันดัง และภาษาแท้ มันชัดเจนเสียจนไม่อาจจะเขียนสิ่งที่ว่าลงเป็นตัวหนังสือได้ เขาน่ะหรือ ?

พระอาจารย์จรินทร์ จนโท เจ้าตำราผู้ผลิตกระดี่ทองไงล่ะ ? ท่านมีหรือยัง ถ้าไม่มีก็รีบหา วิเศษนัก เมตตามหานิยมทำมาค้าขายดี เข้าหาผู้ใหญ่ไม่ว่าพระหรือฆราวาสได้รับความร่วมมือ แต่ผู้หลัก..... กระดี่ทองช่วยไม่ได้ เพราะพระอาจารย์ท่านบอกว่าลืมช๊าจกำลังแห่งความขลังเข้าไปด้วย



........................ เอวัง .........................
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 28 พ.ย.2004, 7:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุครับ

ยิ้ม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กอบ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 พ.ย.2004, 3:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รออ่านต่อครับ ^_^
 
น้อย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 มี.ค.2005, 10:13 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณเด็กบ้านยางสีสุราชนำเรื่องของ หลวงตาแพรเยื่อไม้มาลงอีกนะคะ เรื่องของท่านอ่านสนุกค่ะ
 
อ.ส.ม.ฝึกหัด
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 20 มี.ค. 2005
ตอบ: 14

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2005, 8:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุสาธุค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2006, 5:19 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ

สา.......ธุ ค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
ผู้สำเร็จ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 พ.ค.2007, 8:40 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุค่ะ สาธุ
 
tiger36
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 06 ก.ย. 2007
ตอบ: 18

ตอบตอบเมื่อ: 28 ต.ค.2007, 8:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง