Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ปฏิกิริยาระหว่างการทำสมาธิ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
opadecor
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 13 ต.ค. 2006
ตอบ: 4

ตอบตอบเมื่อ: 18 ต.ค.2006, 12:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากรบกวนสอบถามผู้รู้คะ ดิฉันปฏิบัติสมาธิสายยุบหนอพองหนอ มาประมาณ 5-6 เดือนแล้วค่ะ ระหว่างปฏิบัติดิฉันจะมีอาการร้อนตามฝ่าเท้า ที่เท้า ตามตัวตามมือบ้าง แต่เป็นร้อนภายในจับดูภายนอกไม่ร้อนอะไรเลยปกติ จนดิฉันชินที่จะอยู่กับอาการลักษณะร่วมด้วยในชีวิตประจำวัน ควบคุมไม่ได้ กำหนดไม่ได้ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หลังจากนั้นล่าสุดไปปฏิบัติมา 7 วัน เกิดแรงดึงดูดที่หน้าผากแรงมาก ถี่มากจนมึนหัว หลังจากนั้นก็เหมือนความร้อนที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้มาพร้อมกัน เมื่อใดที่ขาร้อนหน้าผากก็จะมีอาการมาด้วย เบาบ้าง แรงบ้าง กำหนดไม่ได้ไม่ทราบเป็นสัญญาณอะไร แก้ไม่ได้เลยคะ รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยคะ

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ภูเขาน้ำ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 ต.ค.2006, 5:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ

ในระหว่างที่นั่งสมาธิแล้วเกิดอาการ ให้อธิฐานในใจว่า

"อาการที่กำลังเกิดกับข้าพเจ้า ขณะนี้ หากเป้นกรรมที่ข้าพจเาไปทำไว้กับผู้หนึ่งผู้ใด ที่ข้าพเจ้าไม่ทราบ ข้าพเจ้าขอให้ท่านนั้นอโหสิกรรม ณ ตอนนี้ เวลานี้ และเพื่อให้เป้นอภัยทาน ขอให้อำนาจแห่ง อภัยทานนี้ นำให้ท่านได้ภพ กับพระนิพพานด้วยเถิด "

ปล. เราทำแบบนี้ละจ้า แล้วก้อ ทำบุญ แร้วอุทิศบุญให้ เจ้ากรรมนายเวร บ่อยๆ ซึ้ง

สาธุ
 
ภูเขาน้ำ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 ต.ค.2006, 6:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ เสริมอีกนิดหนึ่ง

พออธิฐานเสร็จ คุณต้องให้สัจจะ ด้วยว่า จะไม่ทำกรรมที่ไม่ดี อีก (มีครบอยู่ในศลี 5 นั้นแระ)

แร้ว ผลของสัจจะนี้ ถ้าทำได้ มันจะส่งผลให้คุณเอง
สาธุ อนุโมทนา
 
ผ่านมาพบ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 ต.ค.2006, 9:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรียน คุณopadecor


ขอถามรายละเอียดเพิ่ม

1.ขณะทำสมาธิ คุณเอาความรู้สึกวางไว้ตรงจุดใดของร่างกาย มีกี่จุด จุดใดบ้าง?

2.จุดในข้อ 1 จุดใดเป็นจุดที่วางความรู้สึกแล้วรู้สึก อึดอัด หรือ สบาย?

3.คุณนึกคำบริกรรมในใจว่าอย่างไร?

4.คุณรู้สึกว่า คำบริกรรมในข้อ 3 นึกได้อย่างลำบาก หรือ สบาย ?

5.คุณกำหนดรู้การกระทบของลมหายใจกี่จุด จุดใดบ้าง?
หรือ กำหนดรู้เพียงแค่อาการขึ้นลงของผนังหน้าท้อง ?

6.คุณบังคับลมหายใจ หรือ การขึ้นลงของหน้าท้อง ?

7.คุณกำหนดภาพนิมิตอย่างอื่นประกอบด้วย(เช่น ภาพพระ)?

8.คุณทรงอารมณ์สมาธิตลอดเวลาทั้งวัน?

9.ขณะนั่งสมาธิ คุณนั่งนานกี่นาทีต่อครั้ง นั่งทุกกี่วัน?

10.เคยเดินจงกรม? คุณเดินนานกี่นาทีต่อครั้ง เดินทุกกี่วัน?

11.คุณมีโรคประจำตัว ?

12.ขณะนั่งสมาธิ ขณะจิตสงบสบาย มีอาการอย่างไร ?
(เช่น ตัวลอย-เบา, คำบริกรรมหายไป, วูบเหมือนหลับ, ลมหายใจเบาลง ? ฯลฯ)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ที่จริงอาการของคุณคล้าย อาการที่เกิดกับคนฝึกลมปราณ(กำลังภายใน)
ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับคนที่ทำสมาธิด้วยวิธีอานาปานสติ
(การกำหนดรู้ยุบพองที่ท้อง ก็เป็นอาปานสติแบบหนึ่ง)


ยังไม่ขอตอบตอนนี้ ครับ ขำ

แต่ ขอถามเยอะหน่อยนะครับ ถ้าตอบได้ เผื่อจะได้แนะนำได้ตรงจุดมากขึ้น


ขอให้โชคดี ครับ ยิ้ม
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 24 ต.ค.2006, 12:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การปฏิบัติกรรมฐานจะกำหนดแต่ลมหายใจอย่างเดียวไม่ได้ต้องกำหนดรู้อาการอื่นๆ อารมณ์อื่นๆ ซึ่งเกิดขึ้นทุกๆ ขณะ ด้วย
จะปล่อยให้เกิดโดยไม่กำหนดรู้อารมณ์ความรู้สึกนั้น จิตใจจะปรุงแต่งนึกคิดวาดภาพไปต่างๆ นานา จนกลายเป็นยึดมั่นในอารมณ์นั้นๆ อาการนั้นๆ ไปในที่สุด แล้วจะแก้ยาก ฯลฯ

ขอสรุปเลยแล้วกันว่า ต่อไปคุณกำหนดพองหนอ ยุบหนอ ไปตามปกติ เมื่ออาการดังกล่าวเกิดรบกวนอีกให้กำหนดอาการนั้นๆ ตามความรู้สึก (ตามเป็นจริง) เช่น เกิดอาการร้อนตามฝ่าเท้าเป็นต้น ก็ให้กำหนดว่าร้อนหนอๆๆๆๆ 4-5 ครั้งแล้วปล่อยวาง กลับไปกำหนดพอง-ยุบดังเดิม ฯลฯ
เมื่ออาการใดๆเกิดขึ้นอีก ก็กำหนดตามอาการนั้น ตามความรู้สึกนั้นก่อน แล้วก็กลับไปกำหนดพอง-ยุบ ดังเดิม
อาการทั้งหมดดังกล่าวจะหายไปในที่สุด
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
opadecor
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 13 ต.ค. 2006
ตอบ: 4

ตอบตอบเมื่อ: 27 ต.ค.2006, 11:45 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอขอบคุณในนำใจของทุกท่านคะที่ช่วยสละเวลาชี้แนะคะ ดิฉันขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ
ดิฉันฝึกสมาธิแบบยุบหนอพองหนออยู่คะ ขณะที่เดินจงกรมกำหนดจิดไว้ที่กระหม่อมลากขึ้นลงถึงปลายเท้าแต่มีบางครั้งลากไม่ถึงกระหม่อมมาหยุดอยู่ที่หน้าผากบ่อย ๆ ในช่วงแรก เวลานั่งสมาธิเอาความรู้สึกไว้ที่หน้าท้องบ้าง ที่ขาบ้าง ที่ลิ้นปี่บ้าง บางครั้งเผลอก็ขึ้นมาที่หน้าผาก
เวลาบริกรรมถ้ายืนก็นึกในใจยืนหนอโดยใช้ลมหายใจลากผ่านร่างกาย เวลานั่งก็กำหนดยุบหนอพองหนอ เวลานั่งหรือยืนปัจจุบันจะมีความรู้สึกอัติโนมัติที่หน้าผากขึ้นมากวนการกำหนดอย่างอื่นซ้อนควบคู่กันไปและรู้สึกไม่สบายเลยเวลาอยู่ที่หน้าผาก มึนงงเวียนหัว ถ้าน้อย ๆ เบา ๆ พอทนได้ถ้าเยอะๆ แรง ๆ ไม่อยากทำเลยค่ะ อยากเลิก การบริกรรมไม่ยาก ทำได้สบายถ้าไม่มีอาการอย่างอื่นที่หน้าผากมากวน แต่บางครั้งนั่งไปสักพักจะได้ความรู้สึกชีพจรเต้นไปทั่วร่างกายหลายจุดพร้อม ๆ กัน ถ้าครั้งใดรู้สึกว่าอาการอะไรที่มากเกินไปแล้วไม่ชอบก็จะนึกรู้หนอ ไม่รู้เคยกำหนดภาพนิมิตมั้ยอาจจะมีแวบๆ แต่เป็นคนฟุ้งซ่านมาก จิตไม่นิ่งคิดเรื่องทุกเรื่องเข้ามาตลอด กำหนดอะไรก็ไม่หายคะ พยายามกำหนดแล้ว แต่ก็เคยนั่งจนคำบริกรรมหายไป ลมหายใจละเอียดขึ้นแต่นั่งมีเวทนาตลอดทนไม่ค่อยได้คะ ส่วนใหญ่จะเดิน 30 นั่ง 30 พอทนเวทนาให้ครบเวลาได้แต่นั่ง 1 ชม. ไม่เคยรอด ได้แค่บางช่วงเวลาทนเอาจนนำตาร่วงตอนไปที่วัดค่ะเพราะต้องฝึกทั้งวัน ตั้งแต่มีอาการที่หน้าผากไม่อยากเดินเลยคะเพราะแก้ไม่ได้

ช่วยเมตตาชี้แนะให้หน่อยนะคะ สาธุ สู้ สู้ สู้ สู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
opadecor
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 13 ต.ค. 2006
ตอบ: 4

ตอบตอบเมื่อ: 27 ต.ค.2006, 11:50 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอขอบคุณในนำใจของทุกท่านคะที่ช่วยสละเวลาชี้แนะคะ ดิฉันขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ
ดิฉันฝึกสมาธิแบบยุบหนอพองหนออยู่คะ ขณะที่เดินจงกรมกำหนดจิดไว้ที่กระหม่อมลากขึ้นลงถึงปลายเท้าแต่มีบางครั้งลากไม่ถึงกระหม่อมมาหยุดอยู่ที่หน้าผากบ่อย ๆ ในช่วงแรก เวลานั่งสมาธิเอาความรู้สึกไว้ที่หน้าท้องบ้าง ที่ขาบ้าง ที่ลิ้นปี่บ้าง บางครั้งเผลอก็ขึ้นมาที่หน้าผาก
เวลาบริกรรมถ้ายืนก็นึกในใจยืนหนอโดยใช้ลมหายใจลากผ่านร่างกาย เวลานั่งก็กำหนดยุบหนอพองหนอ เวลานั่งหรือยืนปัจจุบันจะมีความรู้สึกอัติโนมัติที่หน้าผากขึ้นมากวนการกำหนดอย่างอื่นซ้อนควบคู่กันไปและรู้สึกไม่สบายเลยเวลาอยู่ที่หน้าผาก มึนงงเวียนหัว ถ้าน้อย ๆ เบา ๆ พอทนได้ถ้าเยอะๆ แรง ๆ ไม่อยากทำเลยค่ะ อยากเลิก การบริกรรมไม่ยาก ทำได้สบายถ้าไม่มีอาการอย่างอื่นที่หน้าผากมากวน แต่บางครั้งนั่งไปสักพักจะได้ความรู้สึกชีพจรเต้นไปทั่วร่างกายหลายจุดพร้อม ๆ กัน ถ้าครั้งใดรู้สึกว่าอาการอะไรที่มากเกินไปแล้วไม่ชอบก็จะนึกรู้หนอ ไม่รู้เคยกำหนดภาพนิมิตมั้ยอาจจะมีแวบๆ แต่เป็นคนฟุ้งซ่านมาก จิตไม่นิ่งคิดเรื่องทุกเรื่องเข้ามาตลอด กำหนดอะไรก็ไม่หายคะ พยายามกำหนดแล้ว แต่ก็เคยนั่งจนคำบริกรรมหายไป ลมหายใจละเอียดขึ้นแต่นั่งมีเวทนาตลอดทนไม่ค่อยได้คะ ส่วนใหญ่จะเดิน 30 นั่ง 30 พอทนเวทนาให้ครบเวลาได้แต่นั่ง 1 ชม. ไม่เคยรอด ได้แค่บางช่วงเวลาทนเอาจนนำตาร่วงตอนไปที่วัดค่ะเพราะต้องฝึกทั้งวัน ตั้งแต่มีอาการที่หน้าผากไม่อยากเดินเลยคะเพราะแก้ไม่ได้

ช่วยเมตตาชี้แนะให้หน่อยนะคะ สาธุ สู้ สู้ สู้ สู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 27 ต.ค.2006, 9:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ฟังคุณเล่าแล้วขนลุกครับ
คุณกำหนดจุดต่าง ๆ มากเกินไปครับ ปฏิบัติอย่างนี้ทำให้เคร่งเครียดเกินไปไม่จำเป็นถึงขนาดนั้น ไม่ทราบว่าวัดอะไรที่คุณไป และใครเป็นผู้แนะนำ (สอบอารมณ์)

ผมจะให้แนวทางใหม่นะครับ
การเดินจงกรม ให้กำหนดรู้ตัว ขาข้าง “ข้าย” และ ขา “ขวา” ที่ก้าวเดินออกไปแค่นี้เองครับ
เช่น ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ ฯลฯ เดินตามปกตินั่นไม่มีอะไรแปลกพิสดารอะไรเลย

ขอทำความเข้าใจคำว่า “จงกรม” ก่อน จงกรม แปลว่า เดินกลับไปกลับมา หมายความว่า เดินไปสุดที่แล้ว ก็หมุนตัวกลับมาทางเดิม แล้วออกเดินไป กำหนดว่า ซ้าย ย่าง หนอ, ขวา ย่าง หนอ ฯลฯ ต่อไปอีกจนสุดที่ แล้วก็หมุนตัวกลับหลัง ให้กำหนดรู้อาการกลับตัวนั่นว่า กลับหนอ กลับหนอ ฯลฯ พร้อมกับหมุนตัวกลับหลังแค่นี้เอง

ทีนี้จะแนะนำการนั่งกำหนดอารมณ์บ้าง ให้เอาความรู้สึกกำหนดอาการที่ท้องพองขึ้น และ ท้องยุบลง เช่น ท้องพอง กำหนดรู้ว่า “พองหนอ” ท้องยุบลง กำหนดรู้ว่า “ยุบหนอ” พองหนอ ยุบหนอ แค่นี้เองครับ
ซึ่งในขณะกำหนด พองหนอ ยุบหนอ อยู่นั้น ความคิดไม่อยู่กับท้องซึ่งพองและยุบแล้ว มันคิดไปเรื่องอื่นๆ ก็กำหนดความคิดว่า คิดหนอ ๆ ๆ กำหนดก่อนความคิดก่อนแล้วให้ดึงความคิดมากำหนดที่ท้องอีก พองหนอ ยุบหนอ ต่อไปอีก แค่นี้แหละครับ

เรื่องเวลาบ้าง คุณต้องค่อย ๆ ปรับครับ อย่าหักโหมเกินไปค่อยเป็นค่อยไป ครั้งละ 10 นาทีพอ
ถ้าคุณอายุไม่มากเกินไป เช่นปฏิบัติมา 5-6 เดือนแล้ว ปรับเวลาขึ้นไปเป็น 40 นาทีพอก่อนเอาเท่านี้ก่อน ทำไปเรื่อยๆอย่างที่แนะนำไปนั่นแหละ

ขณะกำลังกำหนดอารมณ์ต่างๆ อยู่ เวทนาเกิดขึ้น ให้กำหนดเวทนานั้นด้วย เช่น ที่หน้าผากเป็นต้น ปวดหนอ ถ้าปวด หรือ รำคาญหนอ ๆ ถ้ารู้สึกรำคาญ ฟุ้งซ่านหนอ ๆ ถ้ารู้สึกว่าฟุ้งซ่าน

สรุปว่า รู้สึกอย่างไร มีอาการอย่างใด ก็กำหนดตามความรู้สึกนั้น ตามอาการนั้น เรียกว่า กำหนดรู้ตามความเป็นจริง ตามความรู้สึกจริงๆ แล้วก็กลับมากำหนดที่ท้องพองท้องยุบเป็นหลักครับ
...............
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
opadecor
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 13 ต.ค. 2006
ตอบ: 4

ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ย.2006, 11:39 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอขอบคุณอีกครั้งกับทุก คำแนะนำค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ย.2006, 9:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สา....ธุค่ะ
อ่านแล้วพลอยได้รับประโยชน์ไปด้วย
ขอบคุณทั้งผู้ถามและท่านผู้ตอบค่ะ
 

_________________
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 07 พ.ย.2006, 7:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เจ้าของกระทู้ ได้รับคำแนะนำแล้วปฏิบัติดูเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรขัดข้องอีกไหม ช่วยโพสต์ให้เป็นธรรมทานด้วยนะครับ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 11 พ.ย.2006, 7:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หลับ
 

_________________
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
admin
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886

ตอบตอบเมื่อ: 18 พ.ย.2006, 12:52 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การเจริญสติ-เดินจงกลม-นั่งสมาธิ (ผู้ฝึกใหม่) วัดอินทรวิหาร

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6979
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
สติสัมปันน์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ธ.ค.2006, 7:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนาครับคุณบัวผลิหน่อ และท่านกรัชกายครับ เท่าที่ประสพมาเหมือนกันครับให้กำหนดอาการที่เกิดขึ้นครับ อาการไหนเด่นชัดที่สุดให้กำหนดอาการนั้นครับเราเรียกว่ากำหนดเวทนาครับเมื่อกำหนดรู้ก็เพิกเสีย คือการกลับมากำหนดที่องค์ภาวนาต่อครับ
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 03 ธ.ค.2006, 9:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

-ถูกต้องครับคุณสติสัมปันน์ ขณะที่..กำหนดรู้อานาปานสติกรรมฐานอยู่ อารมณ์ใดปรากฏดชัด ไปกำหนดรู้อารมณ์นั้น
- กำหนดรู้แล้ว...ดึงความรู้สึกกลับมากำหนดรู้ลมหายใจเป็นต้น อีก
ส่วนผู้ที่กำหนดท้องพอง ท้องยุบ ก็เช่นกัน.... ทำอย่างนี้เรื่อยๆไป
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
TIIIIIPPPPPP
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 17 ธ.ค.2006, 2:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีมาก ทำบ่อยยยย เคยฟังหลวงตา เทศว่า
เดินจงกรม ไป 35 ก้าว แล้วหยุด พุทโธ ซักพัก
แล้วค่อยเดินกลับ อีก 35 ก้าว ไป 35 กลับ 35ก้าว
ตามองข้างหน้า พอประมาณ พุทโธ ....
ขวา พุท ซ้าย โธ
หลวงตา เดินครั้งละ 3-4 ชม เรา เรา เอาแบบพอประมาณ แล้วแต่ สะดวก
เมื่อเช้า นั่งตอนตี 2.10 น เลิก ตี 4.10 น
อาจารย์ เราแนะนำว่า เวลานั่ง บอกตัวเองว่า เรานั่งมา แค่ 10 นาที นั่งต่อไปเรื่อยยยย
อย่าลืมตา มองที่นาฬิกา วันนี้ วันแรกที่ลืมตา มา ก็ 1ชม 10 นาที
ดีใจที่สุดด ไม่บ่อยนะที่นั่งได้ 2 ชม เนี่ย
ขอบุญนี้ ถึงชาวเวป ทุกท่าน เถิดดด
....
สวดมนต์ เป็นยาทา ( ภาวนาเป็นยากิน + ยาฉีด )
เราชอบคำนี้มัก มากกกกกกกกกก
..... ยิ่งใหญ่คับฟ้า ก็ยังเล็กกว่าโลง
จริงงงงงงง สนับสนุนนนนน ที่สุดดดด
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 17 ธ.ค.2006, 6:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

--------------------------------------------------------------------------------
เดินจงกรม ไป 35 ก้าว แล้วหยุด พุทโธ ซักพัก

-เดินจงกรมไม่ต้องนับเท่านั้นก้าว เท่านี้ก้าวก็ได้ครับ จิตใจพวงกับการนับเปล่าๆ เดินภาวนาอาการเดินนั้นไปเรื่อยๆ (เท่าที่กำหนดเวลาเอาไว้) คือว่าเอาการก้าวเดินไปๆ เป็นที่งานของจิต ให้จิตเขามีงานทำเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อที่เขา (จิต) จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่นๆครับ
ตอนนั่งภาวนาอย่างไรหรอ ครับ
นั่งได้ 2 ชม. มีคิดเรื่องอะไรๆ หรือ มีอาการอย่างไรบ้าง ครับ
เมื่อคิด เป็นต้นแล้ว ทำอย่างไร กับความคิด เป็นต้นนั้นครับ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
TIIIIIPPPPPP
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2006, 2:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เวลานั่ง ไม่ได้ คิด อะไร พุทโธ อย่างเดียว
วันนี้ นั่งเช้า ได้ 1 ชม เมื่อคืน ได้ 1 ชม
.....
 
TIIIIIPPPPPP
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2006, 3:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ใหญ่คับฟ้า ยังเล็กกว่าโลง ( ชอบคำนี้ มักกก มากกก )
มาตอบเร็ววววว
รออยู่ นานและ
ตอนนั่งได้ 2 ชม รู้ สึกตัวใหญ่ พอง ก็กำหนดรู้ พุทโธ ต่อ ตัวพอง เป็นมา 2 ครั้งแล้ว อะ
แนะนำด้วยนะ
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2006, 6:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เดินจงกรมบ้างน๊า เพื่อความแข็งแรงของสุขภาพด้วย อานิสงส์การเดินจงกรมมีอย่างน้อย ๕ อย่าง ไม่รู้เคยอ่านไหม

-นอกจากนั้นแล้วเป็นการปรับองค์ธรรม (= อินทรีย์ ๕ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา = สัทธินทรีย์...) ให้สม่ำเสมอกันด้วย การปฏิบัติกรรมฐานจึงจะรุดหน้าได้สะดวก

-ถ้าฝึกทำมานานแล้ว ร่างกายยังพอไหว ก็เดินจงกรม 60 นาที นั่งภาวนา 60 นาที ในแต่ละวัน แค่นี้ก็เป็นบุญโขแล้ว...ถ้ามากไปก็ลดลงมาได้อีกเพื่อความเหมาะสม
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง