Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
รักษาศีลเป็นการปฏิบัติธรรมอันวิเศษสุด (หลวงปู่จันทร์โสม)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2006, 10:35 am
รักษาศีลเป็นการปฏิบัติธรรมอันวิเศษสุด
โดย หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร
วัดป่าจันทรังสี (วัดป่านาสีดา)
ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ หลวงปู่สาม อกิญจโน หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่หล้า เขมัปปัตโต หลวงพ่อพุธ ฐานิโย หลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย ฯลฯ ล้วนแล้วได้เป็นลูกศิษย์ที่ได้ศึกษาวิชาวิปัสสนากรรมฐานจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร
นอกจากนี้แล้วยังมี
หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร
วัดป่าจันทรังสี (วัดป่านาสีดา) ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ผู้ได้เข้ารับใช้ในกิจวัตรประจำของหลวงปู่มั่นเป็นระยะเวลา ๒ พรรษา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หลวงปู่จันทร์โสม ได้เผยแผ่วิชาวิปัสสนากรรมฐาน ตามแนวทางของหลวงปู่มั่น โดยท่านมักจะพูดกับลูกศิษย์เสมอๆ ว่า
เมื่อคนเราเกิดมามีวาสนาไม่เหมือนกัน วาสนาที่ว่าก็เกิดจากบุญกุศลที่เราได้ทำกันมา คนที่ยากจนในชาตินี้ก็เพราะชาติที่แล้วทำบุญมาน้อย ลงทุนน้อย พอเกิดมาชาตินี้ทุนก็เลยน้อยตามมา แต่ถ้าใครยากจนในชาตินี้ก็ต้องลงทุน ตั้งใจทำงานอย่างทุ่มเทให้มากโดยไม่ไปโกงใคร ในวันหนึ่งก็จะรวยได้เอง
และท่านได้อนุญาตให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว คม ชัด ลึก ดังนี้
หลวงปู่ได้เรียนกับหลวงปู่มั่นช่วงไหนครับ ?
ประมาณปี ๒๕๘๙ อาตมาได้จำพรรษาอยู่ที่บ้านนาสีดา วัดศรีชมชื่น (ปัจจุบันคือวัดป่าบ้านนาสีดา) หลังจากออกพรรษาแล้ว ก็ได้เดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่เทสก์ วัดอรัญญวาสี อ.ท่าบ่อ ซึ่งท่านจำพรรษาอยู่ที่นั่น พอดีกับเวลาที่หลวงปู่เทสก์ จะเดินทางไปเยี่ยมนมัสการหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร หลวงปู่เทสก์ก็ถามว่าอยากจะไปอยู่กับหลวงปู่มั่น ที่บ้านหนองผือหรือเปล่า ถ้าไปก็ไปด้วยกัน จะนำไปฝากท่านให้ หลวงปู่เทสก์ก็ฝากอาตมาไว้กับหลวงปู่มั่น
หลวงปู่มั่นได้สอนอะไรให้บ้างครับ ?
เมื่ออาตมาอยู่กับหลวงปู่มั่นนั้น ก็ไม่ค่อยได้เข้าใกล้ชิดท่านเท่าไรนัก เพราะมีพระอาจารย์วัน อฺตฺตโม และพระอาจารย์ทองคำ ปฏิบัติท่านอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ในเวลาต่อมาท่านอาจารย์วัน ได้ให้อาตมาเข้าไปช่วยรับเป็นธุระในการทำกิจวัตรประจำวันกับหลวงปู่มั่น จนกว่าหลวงปู่จะเข้าที่พัก
ช่วงเวลาที่อาตมาได้เข้าไปปฏิบัติกิจวัตรให้กับหลวงปู่มั่นนั้น อาตมาก็พยายามระวังจิตมิให้คิดไปในเรื่องอื่นๆ มีแต่ให้น้อมนอบเข้าไปหาหลวงปู่อยู่ตลอดเวลา หลายครั้งที่อาตมาทำอะไรไม่ถูก หลวงปู่มั่น ท่านก็จะบอกว่าวันนี้ท่านโสมทำไม่ถูก วันนี้ทำไม่ถูก อาตมาได้ยินเช่นนั้นก็หยุดทำแล้วนั่งเฉย ให้หมู่เพื่อนปฏิบัติแทนในวันนั้น
วันต่อมาอาตมาก็เข้าไปปฏิบัติท่านอีกครั้งตามปกติ ท่านก็จะปรารภใหม่ว่า วันนี้ทำถูกแล้ว วันนี้ท่านโสมทำถูกแล้ว ซึ่งหลวงปู่มั่น ก็จะพูดแบบนี้อยู่หลายครั้ง หลายครา แต่อาตมาก็ไม่ได้ท้อถอยในกิจวัตรดังกล่าว เพราะอาตมาถือว่าเป็นบุญกุศลอย่างใหญ่หลวง และภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสเข้าใกล้ชิดปฏิบัติหลวงปู่มั่น ทำให้อาตมาได้พิจารณาเห็น ท่านอาจจะทดสอบความอดทนของเราดูก็ได้
นอกจากนี้แล้วหลวงปู่เทสก์ ท่านก็ได้เคยพูดให้อาตมาฟังว่า ในสมัยที่ท่านได้มีโอกาสปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่มั่นนั้น ท่านก็ชอบที่จะทดสอบอะไรบ่อยๆ ถ้าใครสามารถอดทนปฏิบัติกับท่านได้จะเป็นการดีมาก อาตมาก็ได้ระลึกเอาคำสอนของหลวงปู่เทสก์นั้นเป็นคติเตือนใจอยู่เสมอๆ ตลอดเวลาที่รับใช้หลวงปู่มั่น
กิจวัตรประจำวันที่หลวงปู่ต้องทำมีอะไรบ้างครับ ?
ตั้งแต่บ่ายโมงของแต่ละวัน จะต้องปัดกวาด บริเวณลานวัดเสร็จแล้ว ก็ช่วยกันตักน้ำใส่ตามกุฏิต่างๆ ทั้งหมด เสร็จแล้วพากันสรงน้ำ ศึกษาธรรมของพระแต่ละรูป ประมาณสองทุ่มจะไปรวมพร้อมกันฟังเทศน์ที่กุฏิของหลวงปู่มั่น พร้อมปฏิบัติภาวนาจนเวลาประมาณห้าทุ่ม ก็จะแยกย้ายกันไปกลับกุฏิของตนเอง ซึ่งกุฏิอาตมาอยู่ไม่ไกลจากกุฏิหลวงปู่มั่นมากนัก พอตีสามอาตมาก็จะเห็นหลวงปู่มั่นลุกขึ้นมาทำวัตรสวดมนต์เสียงดัง อาตมาอยู่ในกุฏิก็ยังได้ยินเสียงท่าน เป็นเวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง เสียงสวดก็ท่านก็จะเงียบลง อาตมาก็เข้าใจว่าท่านก็คงนั่งปฏิบัติภาวนาต่อไป
กระทั่งใกล้รุ่ง พระเณรจะพากันไปปัดกวาดลานวัดเสร็จแล้ว พระแต่ละรูปก็ต้องไปเตรียมบาตรบริขารของตนไป พร้อมที่ศาลาโรงฉัน เมื่อใกล้เวลาบิณฑบาต จากนั้นหลวงปู่มั่นก็จะออกจากห้อง บรรดาลูกศิษย์ก็จะช่วยถือบาตร และเครื่องของใช้ในจำเป็นเกี่ยวกับการฉัน เดินตามไปไว้ที่ศาลา แล้วออกเดินบิณฑบาตตามหลวงปู่มั่น และเมื่อกลับมาจากการบิณฑบาต ก็เริ่มฉันอาหารพร้อมกัน
หลวงปู่มั่นดุไหมครับ ?
หลวงปู่มั่นท่านเป็นพระที่ไม่ดุหรอก แต่ท่าน จะดุเฉพาะบุคคลที่ทำผิด หรือทำอะไรไม่ถูก ท่านก็จะดุบ้าง แต่ความรู้สึกของอาตมา หลวงปู่มั่นท่านเป็นคนใจดี ที่ผ่านมาเมื่อครั้งรับใช้อยู่กับท่าน อาตมาไม่เคยทำผิดอะไรท่านก็เลยไม่เคยดุ (หัวเราะ)
แล้วหลวงปู่อยู่รับใช้หลวงปู่มั่นนานแค่ไหนครับ ?
อาตมาได้อยู่กับหลวงปู่มั่นเป็นเวลา ๒ พรรษา เมื่อปี ๒๔๙๐ ถึงปี ๒๔๙๑ หลังจากออกพรรษาปี ๒๔๙๑ แล้ว ก็ได้กราบลาหลวงปู่มั่นไปเดินธุดงค์ ไปวิเวกที่บ้านห้วยหวาย กับพระอาจารย์อุ่น ชาคโร ซึ่งเป็นบ้านอยู่กลางป่าดงลึก มีสัตว์ร้ายต่างๆ มากมาย โดยได้ขออนุญาตหลวงปู่มั่น
วันแรกที่เดินทางไปถึงบ้านห้วยหวาย เสือเจ้าถิ่นก็มาส่งเสียงร้องต้อนรับ อาตมาได้ยินแต่เสียง อยู่กับพระอาจารย์อุ่นเรื่อยมา วันไหนเจ้าถิ่นเขาคิดสนุกเขาก็ส่งเสียงร้องให้ได้ยิน แต่บางวันก็เงียบหายไม่ปรากฏอะไร แต่มีอยู่คืนหนึ่งประมาณตีสาม อาตมาได้ยินเขาส่งเสียงร้องอยู่แต่ไกล พยายามฟังอยู่ที่กุฏิ เสียงนั้นก็ยิ่งใกล้เข้ามาๆ คิดในใจว่า คงจะมาทางกุฏิอาตมาแน่นอน เพราะทางอื่นที่จะไปไม่มี
ระหว่างนั้นหลวงปู่กลัวหรือเปล่าครับ ?
อาตมาก็พยายามตั้งสตินั่งสงบนิ่งอยู่บนกุฏิ คอยสังเกตเหตุการณ์ พอใกล้กุฏิอาตมาเข้าจริงๆ เสียงร้องมันกลับเงียบหายไป มันมาหยุดยืนอยู่ห่างจากกุฏิอาตมาประมาณเมตรเศษๆ ได้ยินเสียงลมหายใจของมันดังกรอกหูอาตมาอยู่ จนปรากฏเข้าถึงหัวใจ มันหยุดยืนอยู่สักครู่แล้วเดินรอบกุฏิอาตมา เมื่อมันเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็เดินไปกุฏิพระอาจารย์อุ่น จากนั้นมันก็เดินตรงเข้าไปในหมู่บ้าน อาตมาจึงค่อยหายใจสะดวกขึ้น (หัวเราะ) จริงๆ พวกมันเข้ามาเยี่ยมเยียนเราอยู่บ่อยครั้ง แต่มันไม่ได้เปล่งเสียงร้องออกมาเหมือนครั้งนี้
นอกจากเจอเสือป่าแล้วหลวงปู่ยังเจออะไรอีกครับ ?
อาตมาก็ยังได้เจอพวกวิญญาณต่างๆ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า ผี นั่นแหละ วิญญาณเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำอะไรอาตมาหรอก พวกนี้ก็เป็นวิญญาณจากคนเรานั่นแหละ วิญญาณเหล่านี้ยังไม่ได้ไปเกิดจึงต้องเร่ร่อนไปแบบนี้ ดังนั้น คนเราเมื่อเกิดมาแล้วก็จะต้องทำบุญกันเอาไว้เยอะๆ เมื่อตายไปจะได้ไปเป็นเทวดา หรือนางฟ้า หรือเกิดมาเป็นคนร่ำรวย
หลังจากนั้นหลวงปู่ไปจำพรรษาที่ไหนต่อครับ ?
ช่วงเวลานั้นหลวงปู่เทสก์ ได้เดินทางจากเขาน้อย ท่าแฉลบ จ.จันทบุรี มากราบนมัสการหลวงปู่มั่นที่บ้านหนองผือพอดี พอใกล้เข้าพรรษา หลวงปู่เทสก์ก็ชวยให้ไปจำพรรษาที่เขาน้อยท่าแฉลบด้วยกัน อาตมาจึงได้กราบลาหลวงปู่มั่น เดินทางไปพร้อมกับหลวงปู่เทสก์ในปี ๒๔๙๒ ต่อมาพอออกพรรษา หลวงปู่เทสก์ก็ได้รับข่าวว่าหลวงปู่มั่นอาพาธ ท่านจึงได้เดินทางไปที่ จ.สกลนคร ส่วนตัวอาตมาอยู่จันทบุรี ยังต้องการเที่ยววิเวกไปตามเกาะชายทะเล จนได้ทราบข่าการมรณภาพของหลวงปู่มั่น อาตมาจึงได้เดินทางขึ้นไปร่วมงาน และอยู่ช่วยงานจนเสร็จการถวายเพลิงศพ
วัตถุมงคลจำเป็นหรือสำคัญต่อชีวิตคนเราอย่างไรครับ ?
สำคัญหรือจำเป็นอาตมาคิดว่ามันอยู่ที่ความเชื่อ ความศรัทธา เมื่อใครเชื่อมั่นแล้วก็จะเป็นสิริมงคลกับชีวิต หรือแม้แต่พวกเครื่องรางของขลังมากมายที่คนเราใช้แขวนติดตัวก็เพื่อความขลังต่างๆ นานา นั้นก็เกิดจากความเชื่อความศรัทธา แต่ถ้าคนเราเชื่อมั่นในพระธรรมแล้ว ก็ทำให้เกิดความขลังได้เหมือนกัน ที่ผ่านมาอาตมาก็เห็นบางคนแขวนพระติดตัวไว้มากมายทำไมเขาถึงตาย
แล้วประโยชน์ของวัตถุมงคลอยู่ตรงไหนครับ ?
วัตถุมงคลก็มีประโยชน์ก็อยู่ที่ความเชื่อนั่นแหละ บางคนเกิดอุบัติเหตุไม่เป็นอะไรมันก็เกิดจากความเชื่อความศรัทธา ที่สอนให้รู้ว่าสิ่งใดชั่วไม่ควรทำ จงทำในสิ่งที่ดี ไม่เบียดเบียนใคร ส่วนความเชื่อที่ว่ารอดตายเพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยเหลือนั่น อาตมาอยากให้ลองคิดกันดู การรอดตายนั้น มันเกิดจากอะไร จริงๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านั้น มันก็เกิดจากกรรมของเรานั่นแหละ
อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มีจริงไหมครับ ?
มีจริงซิ เพราะปาฏิหาริย์นั้นที่แท้มันก็เกิดจากอำนาจของเรานั่นแหละ ใครทำจิตให้นิ่ง ให้เป็นสมาธิได้ จิตใจไม่วุ่นวาย ก็ส่งผลทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้ แต่คนเราทุกวันนี้ทำไม่ค่อยได้ เพราะการนั่งสมาธินานๆ หน่อย ก็บ่นเมื่อยกันแล้ว
คนเราจะขจัดกิเลสตัณหาออกไปได้ด้วยวิธีไหนดีครับ ?
ก่อนที่พระพุทธเจ้าท่านจะตรัสรู้ มารมันได้บังเกิดขึ้น แต่พระพุทธเจ้าท่านมีบารมีมาก มารมันจะมาเกิดขึ้นที่ไหนท่านก็ไม่กลัว เรียกว่าต่อสู้มารได้ อันนี้เราเกิดขึ้นมาในโลกนี่เหมือนกัน เราต้องมาฝึกหัดดัดแปลงเรียกว่า มาต่อสู้มารกิเลส กิเลสทั้งหลายทั้งปวงส่วนมากคนมันสู้มารไม่ได้ สู้กิเลสไม่ได้ การที่มาสร้างบุญสร้างกุศลนี้น้อยนัก เพราะกิเลสมันผูกมัดรัดไว้ ไม่ให้มาวัด จะทำบุญทำกุศลก็ดี ไม่อยากให้มา มันไม่รู้ว่ากี่ภพกี่ชาติมาแล้วมันเรียกว่า ผูกมัดรัดรึงไว้แล้วผลที่สุดมันหนาขึ้นใหญ่ขึ้น เราก็สู้มันไม่ได้
เหตุฉะนั้นเราเกิดขึ้นมาก็อาศัยกิเลส เมื่อปราบกิเลสให้ลงไปได้แล้ว ก็เป็นของดีมีคุณค่าขึ้นมาเป็นธรรมดา แต่ก่อนเราเป็นคนธรรมดา เมื่อหากว่าเรามารู้จักฝึกหัดจิตใจของเราแล้ว ก็เหนือคนธรรมดา ใจเป็นพระ ไม่ต้องนุ่งเหลืองห่มเหลืองมันก็เป็นพระได้ คือ ความละความชั่วนั่นเอง ความชั่วมันบังเกิดขึ้นแล้ว เราขัดเกลาอย่างที่ว่ามานั้น มันก็มองเห็นทั้งหน้าทั้งหลัง
แล้วหากคนเรากำลังทำชั่ว เราเองจะรู้ได้อย่างไรครับ ?
ก็เหมือนกับเราขึ้นภูเขาขึ้นไปสูงๆ มองเห็นข้างล่าง มองเห็นชีวิตที่ผ่านมาทุกอย่าง เพราะเราขึ้นสูง อันนี้ก็เป็นชั้นเดียวกับจิตใจของเรา พอมันสูงแล้ว มองชีวิตที่พ้นผ่านมานั้นเกิดขึ้นได้เพราะเหตุอันใด ความชั่วเกิดขึ้นเราก็จะมองเห็นได้ เราก็ปัดเป่าความชั่วออกไปได้ ความดีก็มาบังเกิดขึ้น มองเห็นไปเรื่อยๆ เพราะเหตุฉะนั้น เราจะไปข้างหน้าอดีตก็ดี อนาคตก็ดี เราก็มองเห็นได้ทั้งหมด
ญาติโยมมากราบหลวงปู่มีใครมาขอตัวเลขบ้างไหมครับ ?
ก็มีอยู่เหมือนกัน แต่อาตมาไม่รู้ ก็จะชี้ไปที่เด็กมันหัดเขียนตัวเลข เท่านั้นแหละ เขาก็เอาไปตีเป็นหวย หรือบางครั้งอาตมาพูดอะไรออกไปเขาก็เอาไปตีเป็นหวย ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง (หัวเราะ) คนที่จะถูกไม่ถูกมันก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาเหมือนกัน ต่อให้เล่นจนล่มจม ถ้าไม่มีบุญวาสนาแล้ว ก็ไม่มีวันถูก
หลวงปู่มีหลักในการปฏิบัติธรรมอย่างไรครับ ?
อาตมาคิดว่าหลักธรรมที่ทุกคนควรมีอย่างยิ่งก็คือ การรักษาศีลนั่นแหละ เป็นการปฏิบัติธรรมอันวิเศษสุด จะนับถือไม่ครบทั้ง ๕ ข้อก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำได้ทุกข้อเลยมันก็ยิ่งดี
.............................................................
คัดลอกมาจาก ::
หนังสือพิมพ์คมชัดลึก หน้า 1
ฉบับวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2547
.............................................................
ประวัติและปฏิปทาหลวงปู่จันทร์โสม กิตฺติกาโร
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7712
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 22 พ.ย.2006, 2:55 pm, ทั้งหมด 5 ครั้ง
I am
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2006, 10:50 am
โมทนาครับ สาธุ...
กรัชกาย
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 16 มี.ค.2006, 9:02 am
ศีลคือ ศีล ธรรมะ ก็ คือ ธรรม ศีลเป็นเบื้องต้นแห่งสมาธิ สมาธิเป็นบาทของปัญญา
ศีล เพื่อ สมาธิ สมาธิ เพื่อ ปัญญา ปํญญา เพื่อ วิมุตติ เหมือนการขึ้นบันไดเป็นขั้นๆไป
ศิษย์น้อย
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2006, 11:31 pm
อ่าง
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 14 ส.ค. 2006, 2:32 am
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th