Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
๕ เทพารักษ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพระนคร
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623
ตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2006, 8:26 pm
๕ เทพารักษ์
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพระนคร
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623
ตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2006, 8:29 pm
“เทพารักษ์”
นั้น มาจากคำว่า
เทพ + อารักษ์ แปลว่า เทพหรือเทวดาผู้รักษา
ซึ่งเชื่อกันว่าเทพารักษ์มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้แต่ในต้นไม้ใหญ่ๆ ก็มีเทพารักษ์ช่วยดูแลรักษา
แต่สำหรับเทพารักษ์องค์สำคัญที่ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองประจำพระนคร
มีหน้าที่ดูแลปกปักรักษาประเทศชาติให้อยู่รอดปลอดภัย
มีอยู่ด้วยกัน ๕ องค์ คือ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าหอกลอง และเจ้าเจตคุปต์
ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ
“หอเทพารักษ์”
เป็นอาคารจตุรมุขยอดปรางค์ อยู่ภายในศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร
ตามประวัติกล่าวว่า หลังจากที่
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
ทรงสถาปนาหลักเมืองกรุงเทพมหานครขึ้นมา
เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕
แล้ว ได้โปรดให้สร้างศาลประดิษฐานรูปเทพารักษ์สำคัญสำหรับพระนครขึ้น ๓ ศาล คือ ศาลพระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง และศาลพระกาฬไชยศรี ตรงบริเวณระหว่างหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) กับคลองคูเมืองเดิม (ปัจจุบันคือที่ตั้งของกรมการรักษาดินแดน) ซึ่งในบริเวณเดียวกันนี้ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเจตคุปต์หรือเจตคุก ซึ่งอยู่ที่หน้าคุกของกรมพระนครบาล และศาลเจ้าหอกลองอยู่ที่หน้าหอกลองประจำเมือง
ต่อมาในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
มีการสร้างสถานที่ราชการและตัดถนนเพิ่ม จึงต้องรื้อศาลเทพารักษ์ทั้ง ๕ แล้วอัญเชิญมาประดิษฐานรวมกันใน
ศาลหลักเมือง
ครั้นถึงรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน
ได้โปรดให้บูรณะศาลหลักเมือง รวมทั้งสิ่งต่างๆ อันเนื่องในศาลหลักเมืองด้วย ดังนั้น กรมศิลปากร จึงได้ดำเนินการซ่อมบูรณะรูปเทพารักษ์ที่ชำรุดอยู่บางส่วนให้บริบูรณ์
มีต่อ >>>>>
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623
ตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2006, 8:30 pm
๑. พระเสื้อเมือง
“พระเสื้อเมือง”
เป็นรูปหล่อด้วยสำริดปิดทอง สูง ๙๓ เซนติเมตร ประทับยืนบนฐานสิงห์ พระเศียรทรงมงกุฎยอดชัย สวมสนับเพลาเชิงงอน นุ่งภูษา ทับด้วยชายไหวชายแครง ประดับด้วยสุวรรณกระถอบ (แผ่นทองคำฉลุลายเป็นกิ่งต้นเครือวัลย์กระหนกสำหรับเสียบห้อยที่ชายพกลงมาในระหว่างช่องหน้าขาทั้งสอง) คาดปั้นเหน่งรัดพัสตร์ สวมกรองศอ ต้นพระพาหารัดด้วยพาหุรัด ใส่สังวาลตาบทิศ ทับทรวงสวมทองพระกร ทองพระบาท ฉลองพระบาท พระหัตถ์ซ้ายท้าวที่บั้นพระองค์ทรงคทาวุธ พระหัตถ์ขวายกชูขึ้นเสมอพระนลาฏทรงจักราวุธ
“พระเสื้อเมือง” เป็นเทพารักษ์คุ้มครองป้องกันภัยทั้งทางบกและทางน้ำ คุมไพร่พลรักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขปราศจากอริราชศัตรูมารุกราน
มีต่อ >>>>>
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623
ตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2006, 8:31 pm
๒. พระทรงเมือง
“พระทรงเมือง”
เป็นรูปเทพารักษ์หล่อด้วยสำริดปิดทอง สูง ๘๘ เซนติเมตร ประทับยืนบนฐานปัทม์ ฉลองพระองค์ทรงเครื่องเช่นเดียวกับพระเสื้อเมือง พระหัตถ์ซ้ายท้าวที่บั้นพระองค์ทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ขวายกชูขึ้นเสมอพระนลาฏทรงสังข์
“พระทรงเมือง” เป็นเทพารักษ์มีหน้าที่ปกป้องดูแลทุกข์สุขของประชาชนทั้งแผ่นดิน และดูแลความผาสุกของประเทศ โดยมีปู่เจ้าเขาเขียวและปู่เจ้าสมิงพรายเป็นบริวาร
มีต่อ >>>>>
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623
ตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2006, 8:32 pm
๓. พระกาฬไชยศรี
“พระกาฬไชยศรี”
เป็นรูปเทพารักษ์สี่กรหล่อด้วยสำริดปิดทอง สูง ๘๖ เซนติเมตร ประทับบนหลังนกแสก ซึ่งอยู่บนแท่นสี่เหลี่ยมปิดทอง ฉลองพระองค์ทรงเครื่องเช่นเดียวกับพระเสื้อเมือง พระหัตถ์ซ้ายบนยกชูเสมอพระอังสา ทรงเชือกบาตสำหรับคล้องมัดปราณของมนุษย์ผู้ถึงฆาต พระหัตถ์ซ้ายล่างยกเสมอพระนาภี แสดงกิริยาตักเตือนสั่งสอนมิให้กระทำความชั่วร้าย พระหัตถ์ขวาบนยกชูเสมอพระอังสา ทรงชวาลา คือดวงวิญญาณเปรียบดังธาตุไฟในร่างกายคนเรา ซึ่งหากแตกดับลงเมื่อใดก็เท่ากับสิ้นชีวิต ดวงวิญญาณออกจากร่างแล้วนั่นเอง พระหัตถ์ขวาล่างท้าวที่บั้นพระองค์ทรงพระขรรค์
“พระกาฬไชยศรี” เป็นเทพารักษ์ที่เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่ป้องกันมิให้ผู้ใดทำความชั่ว รวมทั้งสอดส่องดูแลบุคคลอันธพาลในยามค่ำคืน ด้วยการขี่นกแสกออกตรวจตรา และเมื่อบุคคลใดถึงฆาตก็นำตัวไปให้พระยมชำระความ ถ้าทำความดีก็ส่งขึ้นสวรรค์ ทำความชั่วก็ส่งลงนรก
มีต่อ >>>>>
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623
ตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2006, 8:33 pm
๔. เจ้าหอกลอง
“เจ้าหอกลอง”
เป็นรูปเทพารักษ์ทรงมงกุฏหล่อด้วยสำริดปิดทอง สูง ๑๐๕ เซนติเมตร ประทับยืนบนแท่นแปดเหลี่ยม พระเศียรทรงมงกุฎยอดชัย สวมสนับเพลามีเชิง นุ่งภูษาทับด้วยห้อยหน้า ประดับด้วยสุวรรณกระถอบ คาดปั้นเหน่งทับรัดพัสตร์ ต้นพระพาหารัดด้วยพาหุรัด ใส่สังวาล ตาบทิศ ทับทรวง สวมทองพระกร ทองพระบาท ฉลองพระบาท มีรูปนาครัดที่ข้อพระพาหาไพล่ไปเบื้องหลัง พระหัตถ์ทั้งสองยกเสมอระดับพระอุระ พระหัตถ์ขวาทรงดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายทรงเขาสัตว์ สำหรับใช้เป่าเป็นสัญญาณเรียกประชุมไพร่พลให้มาเข้าประจำหน้าที่ตามธรรมเนียมปฏิบัติกันในสมัยโบราณ
“เจ้าหอกลอง” เป็นเทพารักษ์ที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแผ่นดิน แล้วรายงานเหตุร้ายที่เกิดขึ้นให้พระเสื้อเมืองซึ่งมีหน้าที่ดูแลความเป็นไปต่างๆ ในเมืองให้รับทราบเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
มีต่อ >>>>>
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623
ตอบเมื่อ: 20 ก.ค.2007, 10:46 am
๕. เจ้าเจตคุปต์
“เจ้าเจตคุปต์”
เป็นรูปเทพารักษ์ที่จำหลักด้วยเครื่องไม้ปิดทองทั้งองค์ สูง ๑๓๓ เซนติเมตร ประทับยืนบนแท่น พระเศียรทรงมงกุฎยอดชัย สวมสนับเพลามีเชิง นุ่งภูษาทับด้วยห้อยหน้า ประดับด้วยสุวรรณกระถอบ คาดปั้นเหน่งทับรัดพัสตร์ ต้นพระพาหารัดด้วยพาหุรัด ใส่สังวาล ตาบทิศ ทับทรวง สวมทองพระกร ทองพระบาท ฉลองพระบาท มีรูปนาครัดที่ข้อพระพาหาไพล่ไปเบื้องหลัง พระหัตถ์ทั้งสองยกเสมอระดับพระอุระ พระหัตถ์ขวาถือเหล็กจาร พระหัตถ์ซ้ายถือใบลานอัครสันธานาสำหรับจดความชั่วร้ายของชาวเมืองที่ตายไป
“เจ้าเจตคุปต์” เป็นเทพารักษ์ที่เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่จดบันทึกความชั่วร้ายของมนุษย์ที่ตายไปแล้วนำเสนอต่อพระยม
..........................................................
คัดลอกเนื้อหามาจาก...
คอลัมน์ เล่าเรื่องในเมืองไทย
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 เมษายน 2549 18:18 น.
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th