Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ภิกษุ-สมณะ-พระ-สงฆ์
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
ตอบเมื่อ: 10 ก.ย. 2006, 8:47 pm
ภิกษุ-สมณะ-พระ-สงฆ์
คำว่า
ภิกษุ-สมณะ-พระ-สงฆ์
ที่ดูเหมือนเป็นคำธรรมดาที่ใช้เรียกนักบวชได้เหมือนๆ กันนั้น แต่จริงๆ แล้ว แต่ละคำมีที่มาและความหมายต่างกัน ดังที่ รศ.ดนัย ไชยโยธา ได้เขียนไว้ในหนังสือพจนานุกรมพุทธศาสน์ ดังนี้
๐ ภิกษุ-ภิกขุ
ภิกษุ เป็นคำภาษาสันสกฤต ส่วนภิกขุ เป็นคำภาษาบาลี
เป็นนักบวชชายในพระพุทธศาสนา แปลตามคำศัพท์ว่า ผู้ขอ คือ สละโลก สละเคหสถาน และสละทรัพย์สมบัติ เพื่ออุทิศตนศึกษาปฏิบัติและเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ดำรงชีวิตอยู่ด้วยปัจจัยที่ผู้อื่นให้ คนจำนวนมากในสมัยพุทธกาลได้ออกบวชถือเพศบรรพชิต มิได้ประกอบอาชีพ อยู่ได้ด้วยปัจจัยที่ผู้เลื่อมใสนำมาให้ ก็ถือว่าเป็นผู้ขอเหมือนกัน แต่ไม่เรียกว่าภิกษุ เรียกว่า ดาบส บ้าง มุนี บ้าง ฤาษี บ้าง ส่วนไทยใช้คำเรียกนักบวชชายในพระพุทธศาสนา เช่น พระภิกษุ พระสงฆ์ พระภิกษุสงฆ์
๐ สมณะ
คำว่า สมณะ เป็นคำภาษาบาลี
แปลว่า ผู้สงบ ประเทศอินเดียในสมัยพุทธกาล เรียกนักบวชในลัทธิหรือศาสนานั้นโดยทั่วไปว่า สมณะ ชาวอินเดียที่ไม่นับถือพระพุทธศาสนา เรียกพระพุทธเจ้าว่า สมณโคดม ซึ่งหมายถึงนักบวชแห่งตระกูลโคตมะ
คำว่า สมณะ ตามความหมายดั้งเดิม หมายถึง ผู้ที่ต้องมีความสงบ น่าเลื่อมใส น่าศรัทธา มีวัตรปฏิบัติควรแก่การนับถือ
แต่ความหมายของคำว่า สมณะ ในพระพุทธศาสนามีความลึกซึ้งกว่าความหมายเดิมมาก
เพราะผู้ที่จะได้ชื่อว่าเป็นสมณะนั้น ต้องเป็นพระอริยบุคคล ตัดกิเลสตัณหา ระงับบาปกรรมได้ทั้งสิ้นทั้งปวงแล้ว
๐ พระ
คำว่า พระ หากไม่มีคำนำหน้าหรือตามหลัง หมายถึง พระภิกษุในพระพุทธศาสนา มาจากคำบาลีว่า
วร
แปลว่า
ประเสริฐ
โดยมีตัวอย่างต่างๆ ในการใช้ ดังนี้
๑. ใช้กับของคำสำคัญ ของสูง ของอันเป็นที่เคารพบูชา เช่น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
๒. ใช้ประกอบหน้าคำอื่นแสดงความยกย่อง ดังนี้
๒.๑ เทพเจ้าหรือเทวดาผู้เป็นใหญ่ เช่น พระอิศวรหรือพระศิวะ พระนารายณ์หรือพระวิษณุ พระพิรุณ
๒.๒ พระเจ้าแผ่นดิน หรือของที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าแผ่นดินและเจ้านายชั้นสูง เช่น พระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์ พระเจ้าอยู่หัว
๒.๓ สมณศักดิ์ชั้นราชาคณะ เช่น พระราชเวที พระเทพเมธี พระธรรมปัญญาบดี พระพรหมมุนี
๒.๔ นักบวช เช่น พระแดง พระจันทร์ พระวิมล
๒.๕ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระภูมิ พระเครื่อง
๒.๖ อิสสริยยศเจ้านาย เช่น พระรามคำแหง พระนเรศวร พระเทียรราชา
๐ สงฆ์
พระสงฆ์เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย หมายถึง ผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้ตาม คุณสมบัติของผู้ที่จะได้ชื่อว่า พระสงฆ์ ต้องผ่านการบวชโดย วิธีใดวิธีหนึ่งใน ๓ วิธีดังต่อไปนี้
(๑) การบวชโดยพระพุทธเจ้าประทานให้เอง เรียก เอหิภิกขุอุปสัมปทา
(๒) การบวชโดยการรับไตรสรณคมน์ เรียก ติสรณคมนูปสัมปทา
(๓) การบวชที่คณะสงฆ์ยอมรับเข้าหมู่ โดยมติเอกฉันท์ เรียก ญัตติจตุตถกรรมวาจาอุปสัมปทา
พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนามี ๒ ประเภท ดังต่อไปนี้
๑. สมมติสงฆ์
แปลว่า พระสงฆ์โดยสมมติ หมายถึง บุรุษที่มีอายุ ๒๐ ปีครบบริบูรณ์ ผ่านการอุปสมบทถูกต้องตามหลักการญัตติจตุตถกรรมวาจาอุปสัมปทา สมมติสงฆ์แบ่ง ออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้
๑.๑ สมมติสงฆ์ในแง่พระวินัย หมายเอาพระภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ต่ำกว่านั้นไม่นับว่าเป็นสงฆ์ การกำหนดจำนวนแบ่งตามกิจกรรมแต่ละอย่างที่สงฆ์จะพึงกระทำ ดังนี้
- พระภิกษุ ๔ รูป เรียกว่า สงฆ์จตุวรรค ทำอุโบสถกรรมได้ คือ การประชุมกันฟังสวดสิกขาบท หรือศีล ๒๒๗ ข้อ เพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ทุกกึ่งเดือน
- พระภิกษุ ๕ รูป เรียกว่า สงฆ์ปัญจวรรค ทำปวารณาได้ คือ การยอมตนให้พระภิกษุอื่นว่ากล่าวตักเตือนได้
- พระภิกษุ ๑๐ รูป เรียกว่า สงฆ์ทสวรรค ทำการอุปสมบทกุลบุตรได้
- พระภิกษุ ๒๐ รูป เรียกว่า สงฆ์วีสติวรรค ทำกิจกรรมได้ทุกชนิด
๑.๒ สมมติสงฆ์ในแง่พระธรรม หมายเอาพระภิกษุ แม้เพียงรูปเดียวที่ผ่านการอุปสมบทโดยถูกต้อง
๒. อริยสงฆ์
แปลว่า พระสงฆ์ที่เป็นพระอริยบุคคล หมายถึง ผู้บรรลุธรรมตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปจนถึงพระอรหันต์เป็นที่สุด พระอริยสงฆ์นี้กำหนดเอาคุณธรรมเป็นตัวกำหนดคฤหัสถ์ผู้บรรลุธรรมตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปก็นับเป็นพระอริยสงฆ์ได้ แต่เดิมเรียกว่าสาวกสงฆ์
......................................................
คัดลอกมาจาก ::
ผู้จัดการออนไลน์ 4 กันยายน 2549 16:25 น.
I am
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 11 ก.ย. 2006, 3:11 pm
โมทนากับคุณสาวิกาน้อยครับ สาธุ...
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th