Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พ่อค้าชื่อตปุสสะและภัลลิกะ (อุบาสก-เอตทัคคะ) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
ผู้ตั้ง ข้อความ
admin
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886

ตอบตอบเมื่อ: 03 ต.ค.2006, 9:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

พ่อค้าชื่อตปุสสะและภัลลิกะ
เอตทัคคะในทางผู้ถึงสรณะก่อน


ตปุสสะเป็นพ่อค้าที่มาจากอุกกลชนบทคู่กับ ภัลลิกะ ซึ่งเป็นน้องชาย ท่านเป็นบุตรของกฏุมพี ในอสิตัญชนนคร

ครั้นล่วง ๗ วัน พระผู้มีพระภาคทรงออกจากสมาธินั้น แล้วเสด็จจากควงไม้มุจจลินท์ เข้าไปยังต้นไม้ราชายตนะ แล้วประทับนั่งด้วยบัลลังก์เดียว เสวยวิมุตติสุข ณ ควงไม้ราชายตนะ ตลอด ๗ วัน

ในสัปดาห์ที่ ๘ ประทับนั่งใต้ต้นเกด

สมัยนั้น พาณิชทั้งสองเดินทางจากอุกกลชนบท จะไปยังมัชฌิมประเทศ ด้วยเกวียน ๕๐๐ เล่ม เทวดาผู้เป็นญาติสาโลหิตของตนในชาติก่อน ซึ่งเคยเป็นมารดาของพาณิชทั้งสองได้เกิดเป็นเทวดาอยู่ในที่แถวนั้นในอัตภาพติดต่อกัน ๕ อัตภาพ (ชาติ)

นางคิดว่า บัดนี้พระพุทธเจ้าควรที่จะได้รับพระกระยาหาร เพราะต่อแต่นี้ไปพระองค์ปราศจากพระกระยาหารจะไม่สามารถทรงพระชนม์ชีพอยู่ได้

อนึ่ง บุตรของเราทั้งสองนี้ก็ไปตามสถานที่นี้

วันนี้บุตรทั้งสองนั้นควรได้ถวายบิณฑบาตแด่พระพุทธเจ้าดังนี้แล้ว จึงได้ทำให้โคที่เทียมเกวียนทั้ง ๕๐๐ เล่ม หยุดไม่เดินไป

พวกเขาต่างพูดว่า นี่อะไรกัน อะไรกันนี้ จึงพากันตรวจดูนิมิตต่างๆ

ทีนั้น เทพยดานั้นทราบว่าเขาทั้งสองลำบาก จึงเข้าสิงในร่างของบุรุษคนหนึ่งแล้วกล่าวว่า

เพราะเหตุไร พวกท่านจึงต้องลำบาก ไม่มียักษ์อื่นกลั่นแกล้ง ไม่มีภูตผีกลั่นแกล้ง ไม่มีนาคกลั่นแกล้งพวกท่านดอก แต่เราเป็นมารดาของพวกท่านในอัตภาพ (ชาติ) ที่ ๕ บังเกิดเป็นภุมเทวดาอยู่ในที่นี้

ดูกรท่านผู้นิรทุกข์ พระผู้มีพระภาคพระองค์นี้แรกตรัสรู้ ประทับอยู่ ณ ควงไม้ราชายตนะ ท่านทั้งสองจงไปบูชาพระผู้มีพระภาคนั้น ด้วยสัตตุผงและสัตตุก้อนการบูชาของท่านทั้งสองนั้น จักเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ท่านทั้งหลายตลอดกาลนาน

พาณิชทั้งสองได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าขณะประทับอยู่ ณ ภายใต้ต้นไม้ราชายตนะ (ไม้เกด) ได้ทูลถวายเสบียงเดินทางคือ ข้าวสัตตุผง ข้าวสัตตุก้อน แด่พระพุทธเจ้า ตามคำบอกของเทวดา

ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคได้ทรงปริวิตกว่า

พระตถาคตทั้งหลาย ไม่รับวัตถุด้วยมือ เราจะพึงรับสัตตุผง และสัตตุก้อนด้วยอะไรหนอ

ได้ทราบว่า บาตรใดของพระองค์ได้มีอยู่ในเวลาทรงประกอบความเพียร แต่บาตรนั้นได้หายไปเมื่อนางสุชาดามาถวายข้าวปายาส

เพราะเหตุนั้น พระองค์จึงได้ทรงมีพระรำพึงนี้ว่า

บาตรของเราไม่มี ก็แลพระตถาคตทั้งหลายองค์ก่อนๆ ไม่ทรงรับด้วยพระหัตถ์เลย เราจะพึงรับข้าวสัตตุผงและข้าวสัตตุก้อนปรุงน้ำผึ้งด้วยอะไรเล่าหนอ ?

ลำดับนั้น ท้าวมหาราชทั้ง ๔ องค์ทรงทราบพระปริวิตกแห่งจิตของพระผู้มีพระภาค ด้วยใจของตนแล้ว เสด็จมาจาก ๔ ทิศ ทรงนำบาตรที่สำเร็จด้วยศิลา ๔ ใบ เข้าไปถวายพระผู้มีพระภาค กราบทูลว่า

ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงรับสัตตุผงและสัตตุก้อนด้วยบาตรนี้ พระพุทธเจ้าข้า

พระผู้มีพระภาคทรงใช้บาตรสำเร็จด้วยศิลาอันใหม่เอี่ยมมีพรรณ (สี) คล้ายถั่วเขียว รับสัตตุผงและสัตตุก้อน แล้วเสวย

(ก็ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ได้น้อมถวายบาตรแล้วด้วยแก้วอินทนิล มีพรรณเขียวเลื่อมประภัสสร ดังแสงปีกแมลงทับ ในตำหรับไสยศาสตร์ชื่อว่าแก้วมรกตก่อน พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงรับบาตรเหล่านั้น)

สองพาณิชได้แสดงตนเป็นอุบาสก ถึงพระพุทธเจ้ากับพระธรรมเป็นสรณะ นับเป็นปฐมอุบาสกผู้ถึงสรณะ ๒ ที่เรียกว่า เทฺววาจิก (ทเววาจิกะ)

สองพาณิชนั้นครั้นประกาศความเป็นอุบาสกอย่างนั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

ทีนี้ ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าพระองค์พึงทำการอภิวาทและยืนรับใครเล่าพระเจ้าข้า ? พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงลูบพระเศียร

พระเกศาติดพระหัตถ์ ๘ เส้น มีสีดุจแก้วอินทนิลแลปีกแมลงภู่ได้ประทานพระเกศาเหล่านั้นแก่เขาทั้งสอง ด้วยตรัสว่า

ท่านจงรักษาผมเหล่านี้ไว้ สองพาณิชนั้น ได้พระเกศาธาตุราวกะได้อภิเษกด้วยอมตธรรมใส่ในผอบทองคำ รื่นเริงยินดีถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วอัญเชิญพระเกศธาตุไปยังเมืองของตน ให้บรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าที่ยังมีพระชนม์ไว้ที่ประตูอสิตัญชนนคร

ในวันอุโบสถก็มีรัศมีสีนิลเปล่งออกมาจากพระเจดีย์ เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยทำนองนี้

ก็ในกาลต่อมา พระศาสดาประทับนั่งในพระเชตวัน เมื่อทรงสถาปนาอุบาสกทั้งหลายไว้ในตำแหน่งต่างๆ ตามลำดับ จึงทรงสถาปนาชนทั้งสองนี้ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าอุบาสกทั้งหลาย ผู้ถึงสรณะก่อนแล

ก็นายพาณิชสองคนนั้น ได้เป็นอุบาสกกล่าวอ้าง ๒ รัตนะ เป็นชุดแรกในพระพุทธศาสนา


๐ บุพกรรมในอดีตชาติ

ได้ยินว่า พ่อค้าทั้งสองนี้ ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ถือเอาปฏิสนธิในเรือนสกุล กรุงหังสวดี

ต่อมา ได้ฟังธรรมเทศนาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาอุบาสกสองคนไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสกผู้ถึงสรณะเป็นคนแรก จึงกระทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น. เขาทั้งสองเวียนว่ายตายเกิดไปในเทวดาและมนุษย์สิ้นแสนกัป มาบังเกิดในเรือนกุฏุมพีในอสิตัญชนนคร ก่อนพระโพธิสัตว์ของเราทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ


[อ้างอิง :: วินย. ๔/๕-๖ ; วินย. อ. ๓/๒๗-๒๘ ; อป.อ. ๘/๑/๑๕๘-๑๕๙ ; องฺ.อ. ๑/๒/๕๗-๕๙ ; พุทฺธ.อ. ๙/๒/๓๒ ; วินย.อ. ๔/๑/๒๖-๒๙ ; ปฐมสมโพธิกถา ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส หน้า ๑๗๙-๑๘๒]



.............................................................

คัดลอกมาจาก ::
สารานุกรม พระไตรปิฎกฉบับธรรมทาน
http://www.dharma-gateway.com/
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง