Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ขอถามวิธีการทำให้จิตสงบโดยง่าย แบบรวดเร็ว ? อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เอ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2006, 11:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คือผมอยากจะถามครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่สวดมนต์เป็นประจำอยู่แล้ว ประมาณวันละครึ่งชั่วโมง ทุกคืน แต่หลายๆ ครั้งพบว่า ในขณะสวดมนต์ จิตไม่ค่อยสงบเลย หลายๆ ครั้ง คิดถึงสิ่งที่ไม่ดี คิดอกุศลในขณะสวด ทำให้บางครั้งรู้สึกไม่อยากสวดมนต์ก่อนนอนเลย กลัวเป็นบาปมากกว่าได้บุญ พยายามมาหลายๆ วิธี เช่น อ่านบทสวดให้ชัดเจนทุกคำเพื่อกำกับให้ตัวเองมองแต่บทสวด ตีหัวตัวเอง หยิกตัวเองก็หลายครั้ง บางทีที่ฟุ้งซ่าน ผ่านไปหลายวิธี บางทีก็ไม่ดีขึ้นเลย มีแค่บางครั้งที่สวดโดยที่มีสมาธิมั่นคง ใครมีวิธีดีๆ แนะนำบ้างครับ จะได้จับจดที่บทสวดอย่างเดียว ไม่ฟุ้งซ่าน
ขอบคุณมากๆๆๆ ครับ ซึ้ง
 
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2006, 12:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองวิธีนี้ดูนะคะ ขณะกำลังสวดมนต์แล้วจิตฟุ้งซ่าน หรือเกิดความคิดขึ้นในขณะนั้น ให้หยุดสวดมนต์ แล้วหายใจช้าๆยาวๆ แล้วให้คิดคำว่าคิดหนอๆๆๆๆไปเรื่อยๆ หากไม่หายให้เปลี่ยนเป็นรู้หนอๆๆๆๆ พออาการที่เป็นอยู่หายไปก็สวดมนต์ต่อได้ค่ะ แต่ถ้าต้องการให้ได้ผลเร็วให้กำหนดจิตปักไปที่ลิ้นปี่ แล้วกำหนดรู้หนอๆๆๆๆ ที่ไม่ได้แนะนำวิธีนี้เพราะ คนที่เคยปฏิบัติกรรมฐานเท่านั้นที่ทำได้ ลองดูวิธีแรกนะ
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2006, 2:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าความคิดฟุ้งซ่าน ต่างๆเกิด ให้ลองเจริญสติครับจะช่วยได้มากเช่น ลุกมาเดินจงกลมให้สติ
จับที่ เท้าขณะเดิน เดินตามที่เราถนัดครับไม่ต้องเกรง ให้มีสติ ระลึกรู้ในการย่างของเท้าก็พอครับ
หรือ ลองทำจิตแผ่เมตตาไปยัง สรรพชีวิตทั้งหลาย ที่มีความทุกข์ขอให้พ้นทุกข์ที่มีสุขขอให้สุขยิ่งๆ วิธีเหล่านี้จะช่วยไม่ให้จิตฟุ้งซ่านได้ดีครับ สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMMSN Messenger
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2006, 10:15 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดี คุณเอ

ฝึกเจริญสติในการสวดมนต์ โดยให้มีสติรู้ขณะริมฝีปากขยับเคลื่อนไหวไปมาขณะสาธยายบทสวดมนต์ รู้ทุกลมเข้าออกจากปากขณะสาธยายบทสวดมนต์ รู้ทุกคำสวดที่พรั่งพรูออกมาเป็นคำสวด มีสติรู้อยู่แค่นี้ ลองฝึกดู....ไม่ต้องหนอ

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา
ผีเสื้อ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ความเห็น
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2006, 1:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความเห็นตัวเองการสวดมนต์ด้วยวิธีการอ่าน ไม่น่าจะต่างจากการอ่านหนังสือยามมีสติก็สงบและเข้าใจเนื้อหาดีแต่พอขาดสติก็เผลอฟุ้งซ่านไม่รู้เรื่องจนจบเล่มก็มี จึงเห็นว่าหากจะให้การสวดมนต์ให้ผลถึงจิตมากที่สุดน่าจะใช้วิธีการท่องจำครับ เพราะการสวดมนต์ด้วยการจำความคิดจะมุ่งมั่นกับการนึกบทสวด หากเผลอหรือฟุ้งซ่านก็จะลืมบางครั้งอาจถึงกับต้องไปเปิดหนังสือใหม่ทั้งที่เคยจำได้แล้ว การท่องจำจึงน่าจะเสริมให้จิตถูกควบคุมไม่ให้หลงไปตามความคิดที่ฟุ้งซ่านได้ดีกว่า เพราะฟุ้งเมื่อไหร่ก็นึกบทสวดไม่ออก ต้องเริ่มสวดใหม่อีก ก็ลองเปรียบเทียบกับตัวอย่างทางโลกดูก็น่าจะได้ครับ เวลานักร้องอาชีพจะทุ่มเทจิตใจสร้างอารมณ์กับเพลงมากมาก คงไม่มีใครเอาเนื้อร้องมากางอ่านไปแล้วให้อารมณ์กับเพลงไปหรอกครับ มันทุ่มได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าหลับตานึกแล้วใส่อารมณ์ไป ร้องไห้ ความรู้สึกมันจะได้มากกว่าทั้งผู้ร้องและผู้ฟัง
 
ชยชัย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 ส.ค. 2006, 7:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ ถ้าเรามีความกังวล หรือมีจิตใจที่ฟุ้งซ่านในเวลาใดก็ตาม ถ้าเป็นในเวลาสวดมนต์นะครับ ให้ยกหนังสือสวดมนต์ขึ้นมาแล้วใช้สายตาจับจดอยู่ที่บทสวดมนต์ไปทีละคำ ไปเรื่อยๆ ออกเสียงเวลาสวดมนต์ให้ดังพอประมาณ ถ้าคุณจดจ่ออยู่กับคำสวดมนต์ หรือบทสวดมนต์ตลอดเวลารับรองคุณไม่คิดฟุ้งซ่านแน่นอน นอกจากคุณจะคิดไปในเรื่องนั้นๆ โดยเฉพาะเจาะจงลงไปเลย เช่น คุณกำลังเจ็บเท้าเพราะคุณไปเหยียบหนามเข้า จิตหรืออารมณ์ของคุณตอนนั้นจะไม่ไปคิดถึงเรื่องอยากเต้นรำ หรือนอนกลางวันเลย จิตหรืออารมณ์ของคุณจะคิดอยู่อย่างเดียวคือเจ็บ เพราะฉะนั้นพยายามกำหนดจิตของเราให้ได้ ให้เป็น
ขออนุโมทนาสาธุครับ สาธุ สาธุ สาธุ
 
oddian
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2006, 1:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองครับ
ก่อนสวดมนต์ ลองนั่งสมาธิก่อนซักครู่ 3- 5- 10 นาที รู้สึกสงบ แล้วค่อยๆ ออกจากสมาธิแล้ว เริ่มสวดมนต์ เพิ่มความตั้งใจซักนิดครับ เผลอคิดเรื่องอื่น นึกได้แล้ว ค่อย เรียกสติ กลับมา
อย่าท้อครับ ปกตินะครับยังเป็นคนอยู่ แค่คิดว่าตั้งใจจะไม่ฟุ้งซ่านก็ดีแล้วครับ
 
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2006, 5:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การกำหนดจิตนี้หมายความว่าให้ตั้งสติ เป็นวิธีปฏิบัติสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวอยู่ตลอดปัจจุบันอดีตไม่เอา อนาคตไม่เอา ให้เอาปัจจุบันที่มันเกิดขึ้น ให้ปฏิบัติอย่างนี้ โดยข้อปฏิบัติง่ายๆ สตินี่ระลึกได้ หมายถึงตัวแจงงานหมายถึงตัวแจงงาน หาเหตุที่มาของทุกข์ ตัวสัมมปชัญญะเป็นตัวบอกให้รู้ ให้มีความเข้าใจเรียกว่าปัญญา รู้เท่าทันเหตุการณ์ปัจจุบันนั่นเอง เกิดที่ไหนต้องแก้ที่นั่น ไม่ใช่ไปแก้ที่อื่น หาเหตุที่มาของสติ
หนอ นี่เป็นตัวรั้งจิต ให้มีสติดี

อ้างอิง จากสติปัฏฐาน4 พระธรรมสิงหบุราจารย์(ล.พ.จรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2006, 3:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

.....นี่ปฏิบัติมามาก ๆ แล้วก็ต้องรู้เฉพาะปรมัตถ์ แล้วพยายามคัดบัญญัติออกไป สำหรับคนที่เคยบริกรรมมามากมันจะติด ก็มีปัญหามีภาระที่จะมาแก้ความติดคำบริกรรม เช่น เราเคยกำหนดหนออยู่เรื่อย อะไรก็บอกชื่อสิ่งเหล่านั้นเรื่อยๆๆๆ ก็จะติด เมื่อติดก็ต้องมีภาระในการแก้ แต่สำหรับคนเจริญวิปัสสนานั้นการแก้ไขนั้นมันแก้กันในปัจจุบัน แก้ในสิ่งที่กำลังปรากฏ แล้วก็แก้กันเป็นขณะๆๆๆ


มันจะไปแก้อย่างอื่นไม่ได้ มันต้องแก้กันในปัจจุบันๆๆ หมายถึงว่าขณะที่พยายามระลึกรู้ปรมัตถ์อยู่แต่มันก็เผลอไปบริกรรมไปพูด ในขณะที่พูด สติมันก็ระลึกเข้ามาที่ความตรึกนึก มันก็แก้ไขกันได้ขณะหนึ่ง เรียกว่าแก้กันไปได้ขณะหนึ่ง สติก็พยายามระลึกจิต รู้ตัวรู้สภาพรู้ อ้าว มันเผลอพูด ขณะที่มันพูดขึ้นมาในใจว่าหนอก็ดี ว่าอะไรต่ออะไรเป็นชื่อ สติก็ไม่ต้องไปทำอย่างอื่น ก็ต้องแก้กันที่ในปัจจุบัน เกิดขึ้นมาก็รู้ ระลึกรู้ ๆ .....



“วิธีหลุดจากบัญญัติ” พระครูเกษมธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมรํสี)

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=8782&highlight=#8782
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
สวดมนต์สร้างสติหรือใช้สติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2006, 10:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวดมนต์ทำไมถึงขาดสติในบางครั้ง หากสงสัยก็ลองสังเกตพระท่านเวลาให้พรหรือสวดมนต์ในพิธีต่างต่าง โดยเฉพาะในการปลุกเสกหรือสังเกตพวกที่เล่นวิชาเวทมนต์คาถาแล้วกันครับ ไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินท่านใดอ่านบทไปปลุกเสกไป หรือทำพิธีไปเลย จึงเชื่อว่าการสวดโดยการอ่านไม่ได้เพิ่มพลังให้กับจิตได้มากเท่ากับการสวดโดยไม่ต้องอ่าน แต่ก็ยังเป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาการเคารพบูชาทำให้จิตใจสงบได้ระดับนึงเหมือนกัน หากความตั้งใจสูงจริงทำไมไม่ตั้งใจท่องจำให้ได้ละครับ เวลาพระท่านบวชยังต้องจำยาวกว่าที่เราสวดกันตั้งมากมาย จำได้แล้วเวลาอยู่ที่ไหนก็สวดได้ ไฟดับก็สวดได้ กำลังนอนหลับมีสติก็สวดได้ หนังสือหายก็ยังสวดได้เลย
 
กรัชกาย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2006, 11:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวดมนต์ทำไมถึงขาดสติในบางครั้ง

เพราะเราไม่คุมสติให้อยู่กับบทสวดนั้น
พระซึ่งท่องจำได้แล้วก็ว่าไปตามคล่องก็มี ปากก็สวดไปๆ แต่ใจอาจไปคิดถึงเรื่องอื่นก็ได้
นั่นก็ขาดสติ แต่อาศัยสวดคล่องปาก
กำลังสวดๆ มีองค์ใดองค์หนึ่งสวดขัดขึ้นมาแล้วล่มเลย ไปไม่ถูก เพราะขาดสติควบคุมไว้

ถ้าต้องการจะควบคุมสติให้ได้ดีหน่อย ก็ต้องสวดอย่าให้ยาวเกินไปเอาแต่พอดีๆ เช่น
อิติปิโส ภะคะวา อะระหังสัมมาสัมพุทโธ ๆๆๆๆ สวดย้ำๆ ซ้ำๆ อยู่อย่างนี้แหละ สติเกิดเร็ว จิตเป็นสมาธิเร็ว
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง