Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ประชาธิปไตย (หลวงตาแพรเยื่อไม้)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 22 ต.ค.2004, 5:41 pm
ประชาธิปไตย
โดย หลวงตาแพรเยื่อไม้
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา
พระพุทธศาสนาของเราน่าเป็นห่วงนะคะ
ปิยพรปรารภเป็นเชิงขอความเห็น
ทำไมจะต้องเป็นห่วง หลวงตาถาม แล้วกวาดตามองกลุ่มเพื่อนๆ ของเธอ
หนูกับเพื่อนๆ ไปฟังอภิปรายมาค่ะ มีท่านผู้หนึ่งได้ปรารภถึงพระพุทธศาสนาว่า เป็นเครื่องถ่วงความก้าวหน้าของสังคมในยุคที่กำลังมีการพัฒนาและ ว่าอาจจะไม่เหมาะแก่ระบอบประชาธิปไตย เพราะการเสียสละของผู้ศรัทธาต่อศาสนาเป็นการเสียสละ ที่ไม่ค่อยเป็นคุณประโยชน์แก่สังคม...
เขาแสดงเหตุผลหรือหลักฐาน พยานข้อคิดเห็นของเขาหรือเปล่า
มีครับ ประนตชิงตอบ แล้วชี้แจงต่อไปด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความเลื่อมใสในผู้อภิปราย
ท่านกล่าวถึงความสุรุ่ยสุร่ายของสาธุชนผู้ศรัทธาต่อศาสนา ว่าเป็นสาเหตุให้เกิดความฝืดเคืองในด้านเศรษฐกิจ ในระยะที่ประเทศชาติกำลังประสบปัญหาเกี่ยวแก่การครองชีพของประชาชน ข้าวของแพง เงินทองหายาก ผู้คนกำลังอดอยาก... แต่ในวงการศาสนาก็กำลังใช้จ่ายสิ้นเปลือง ก่อสร้างวัดวาอารามกัน สิ้นเปลืองเงินทองมากมาย แต่ละวัดก็แข่งขันก่อสร้างวัตถุอาคาร ขนาดงบประมาณเป็นล้านๆ และเมื่อสำเร็จแล้วสิ่งก่อสร้างนั้นก็ไม่เห็นจะถูกใช้ให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ร้ายกว่านั้นตามวัดในชนบท โบสถ์ ศาลา โอ่อ่าใหญ่โตราวกับวิหาร แต่ปรากฏว่ามีพระอาศัยเพียงไม่กี่องค์... ท่านจึงเห็นว่า การเสียสละและบริหารพระศาสนาของคน ก่อให้เกิดภาระแก่ประชาชน หากประชาชนไม่ถูกรบกวนให้สละประโยชน์ดังกล่าว ก็จะมีเวลามุ่งหน้าทำมาหากิน และเก็บออมไว้ใช้สอยบำรุงครอบครัวให้มีความสุขได้ หรือไม่ก็โอนปัจจัยที่สละกันนี้ไปในทางที่จะเกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมจริงๆ เช่น การพัฒนาถนนหนทาง สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล สุขศาลา ฯลฯ ก็จะเป็นทางช่วยประชาชาติได้ ที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้ท่านก็เห็นว่า พระศาสนาโดยเฉพาะพุทธศาสนากำลังขัดต่อระบอบประชาธิปไตย
น่าฟัง หลวงตารำพึง แล้วซักต่อไป คนฟังเขารู้สึกอย่างไร ?
รู้สึกว่าคนฟังพากันชอบอกชอบใจ เห็นคล้อยตามไปด้วยครับ
แล้วพวกเธอล่ะ เห็นด้วยกับเขาไหม ? หลวงตาหยั่งเสียง
ก็รู้สึกว่า เข้าทีเหมือนกัน แต่พวกผมก็ยังไม่เห็นด้วยทีเดียว กลับวิตกถึงฐานะของพุทธศาสนาเกรงว่าจะพลอยกระทบกระเทือนไปด้วย หลังจากเดินขบวนแล้วก็สไตร๊ค์กันบ่อยๆ
เธอคิดว่าการทำบุญทำกุศลของชาวพุทธ จะโดนนักการเมืองเดินขบวน แล้วสไตร๊ค์เผาวัดงั้นหรือ ?
ก็ด้วยเรื่องนี้แหละครับ พวกผมจึงพากันมาหาหลวงตา หลวงตาคิดว่าทางพุทธศาสนาจะกระทบกระเทือนไหมครับ ? ในยุคที่ประชาชนเรียกร้องประชาธิปไตยนี้
หลวงตาได้แต่ยิ้ม และพยักหน้าเชิงรับเป็นที่ปรึกษา ส่วนความสำนึกเฉพาะหน้านั้นกลับคิดถึงพวกเด็กๆ เหล่านี้ มีทั้งหมด ๕ คนด้วยกัน หญิงสาม ชายสอง หญิงก็มี ปิยพร อ้อมใจ นันทิยา ส่วนชายนั้นคือ ประณต และพงศ์พันธุ์ ทั้งหมดอยู่ในวัยรุ่น เป็นนักเรียนศูนย์ศึกษาพุทธศาสนาแห่งหนึ่ง บ่อยครั้งเมื่อหลังจากเลิกเรียนแล้ว ก็พากันมาหาหลวงตา มาซักถามปัญหาศาสนา มีศีลธรรมบ้าง นอกเรื่องนอกราวบ้าง สาเหตุที่เด็กวัยรุ่นเหล่านี้ชอบมาหา ก็เพราะหลวงตาเป็นพระประเภทสบายๆ เข้าใกล้ได้อย่างไม่ต้องระมัดระวังเหมือนพระที่มีชื่อเสียงองค์อื่นๆ มิหนำซ้ำยังคุยสนุกกับเขา บางครั้งพวกเขาก็ได้หัวเราะกับนิทานแปลกๆ
สำหรับหลวงตา รู้สึกว่าท่านก็มีความสุขและอิ่มเอิบเมื่อเห็นเด็กๆ เหล่านี้มีความร่าเริงสนุกสนานเมื่อมาหาท่าน แม้บางคนจะแสดงความเกินพอดีไปบ้าง เช่น ขัดคอท่านหัวเราะดังหรือร้องเพลงอะไรเหล่านั้น หลวงตาก็สู้ซ่อนอารมณ์เก็บความรู้สึก แต่พวกเขาเหล่านี้ก็ไม่พ้นจากการถูกอบรมสั่งสอนด้วยนิทานในวันต่อๆ มา จนเกิดสำนึกรู้สึกตัวถึงกับหายไปก็มี... ที่ไม่หายหน้าไปก็พากันปรับปรุงจรรยาใหม่ เด็กผู้ชายคนหนึ่งมีความเฉลียวฉลาดมาก เคยว่าหลวงตาเป็นพระเจ้าเล่ห์ เพราะไปเล่านิทานทำนองติเตียนแกเข้า...
วันนี้หลวงตามีความรู้สึกเป็นพิเศษ เมื่อเด็กๆ เหล่านี้พากันมาแวะขอคำปรึกษาในเรื่องนี้ กังวลเพราะไปได้รับฟังคำอภิปราย เรื่องพุทธศาสนากับประชาธิปไตย มาจากสมาคมแห่งหนึ่ง
เธอเป็นนักเรียน เรียนพุทธศาสนา จะต้องหัดทำใจให้กว้าง ฝึกตนเป็นนักฟังที่ดี นักฟังที่ดีนั้นจะต้องมีหลักพิจารณายึดเหตุผล ไม่ด่วนเชื่อหรือปฏิเสธเสียก่อน อย่างที่เธอทำกันอย่างนี้ถูกแล้ว
(มีต่อ 1)
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 22 ต.ค.2004, 5:43 pm
หมายความว่า หลวงตาเห็นด้วยกับความคิดของผู้อภิปรายผู้นั้นหรือคะ ? อ้อมใจซึ่งในที่สุดอดใจไม่ไหว ถามออกมา
ที่เขาว่ามานั้นก็มีส่วนถูกส่วนจริง จะว่าเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ หรือคอมมูนิสต์ก็ไม่ได้
ถูกยังไงคะ?
ที่ว่าถูก ก็คือความเป็นจริง ที่ว่าวัดวาอารามทั้งเก่าและใหม่ ทั้งซ่อมและสร้างนั้นเป็นเหตุให้สิ้นเปลืองมาก และยิ่งจะเปลืองขึ้นทุกวัน ในขณะเดียวกันพระเจ้าพระสงฆ์ก็นับแต่จะน้อยลงทุกวัดและทุกวัน จึงทำให้สิ่งก่อสร้างที่สร้างๆ กันนั้นยิ่งนับวันจะหมดความหมายลง ต่อไปก็คงไม่ต่างอะไรกับศาลเจ้า ที่มีแต่รูปตุ๊กตาอาศัย... นี่แหละผลที่วงการศาสนามุ่งสร้างกันแต่วัตถุละเลยในการสร้างคน... การสร้างพระ ก็มัวแต่ใช้พิธี ใช้ดิน ใช้โลหะ ทองเหลือง ทองคำ สร้างพระ... ละเลยในการสร้างคนให้เป็นพระ
หลวงตาพูดยังกับคอมมูนิสต์แน่ะ นันทิยาประท้วง
งั้นหรือ ? หลวงตาไม่รู้หรอกว่าคอมมูนิสต์มันเป็นยังไง แต่ถ้าคนมีความคิดอย่างนี้ สอนให้ประชาชนคิดได้อย่างนี้ คอมมูนิสต์ก็ไม่เห็นจะน่ากลัวน่าเกรงตรงไหน ?
ถ้างด... เลิกสร้างวัดกันเสียแล้ว พุทธศาสนาจะอยู่ได้อย่างไรครับ หลวงตา
พงศ์พันธุ์ถาม
โธ่เอ๋ย ! เธอพูดออกมาได้ ไม่น่าจะเป็นศิษย์หลวงตาเลย หลวงตาพูดหัวเราะอย่างชวนสนุก
พุทธศาสนาคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ใช่สั่งสอนเรื่องการก่อสร้าง หรือการออกแบบแปลนแผนผัง แต่สั่งสอนเรื่องคน ว่าคนควรจะประพฤติอย่างไร สร้างความรู้สึกอย่างไร จึงจะไม่เกิดทุกข์อันเกิดจากการเบียดเบียนกันอย่างหนึ่ง เกิดจากการลุ่มหลงอย่างหนึ่ง จะแก้ไขเลี่ยงหลีก ที่แก้ไขไม่ได้ หลีกไม่พ้นอย่างหนึ่ง หากคนส่วนใหญ่เข้าถึงเนื้อหาสาระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงแล้ว แม้จะไม่มีวัดวาอารามเลย พุทธศาสนาก็ไม่มีวันสูญ ตรงกันข้ามแม้จะสร้างวัดกันให้กลายเป็นวิมาน หากคนเราไม่ใส่ใจในการศึกษาและปฏิบัติธรรมแล้ว พุทธศาสนาก็สิ้นใจตายไปเอง ฉะนั้น พวกเธอจะต้องรู้ว่าความมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาอยู่ที่จะช่วยให้คนเป็นคนดี และมีปัญญารักษาตัวรอดจากความทุกข์ ถ้าเธอหวังจะทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนาแล้ว เธอจะต้องตั้งใจศึกษา และประพฤติปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง อย่าเพียงแต่ศึกษาไว้เป็นภูมิเพื่อตีฝีปากกันโก้เท่านั้น
หลวงตาพูดยังงี้ ฟังดูแล้วเหมือนเห็นว่าวัดวาที่สร้างกันนี้ มันไม่มีประโยชน์
หลวงตาไม่ได้ว่าอย่างนั้นสักหน่อย พงศ์พันธุ์... เพียงแต่อยากจะให้พวกเราคิดกันว่า คน หรือพระ หรือจิตใจนั้นมันสำคัญกว่าโบสถ์กว่าวัด... และวัตถุเท่านั้น ทั้งสองสิ่งต้องอาศัยกันจึงตั้งอยู่ได้ แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เรามุ่งสร้างกันแต่วัตถุ ไม่สร้างจิตใจกันเท่าไร วัตถุเจริญขึ้นจริง แต่ส่วนจิตใจคนเสื่อมทรามลง มีความเห็นแก่ตัวจัด คนจึงมีแต่ความทุกข์จากการเบียดเบียนกัน เกิดการขัดแย้งกัน ประท้วงกัน สไตร๊ค์กัน เดินขบวนกัน จนกลายเป็นใช้ตีนเป็นแฟชั่น นิยมแก้ปัญหาด้วยตีนกันไปหมด
(มีต่อ 2)
-amai-
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 22 ต.ค.2004, 5:48 pm
พากันเห็นดีเห็นงาม สนุกสนานไปหมด ที่แก้ไขสำเร็จไปนั้นก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรหรอก เห็นด้วยเหมือนกัน เพราะปัญหาที่แล้วๆ มานั้น มันก็เหมาะแก่การที่จะต้องใช้ตีนแก้ แต่ทีนี้เรื่องต่อๆ ไปน่ะซี เกิดอะไรขึ้นก็จะเดินขบวนกันตะบี้ตะบันไป แล้วใครล่ะจะรับรองว่าเราจะแก้ด้วยตีนสำเร็จไปทุกเรื่อง หากเรามานิยมตีนกัน ถือเอาตีนเป็นสูตรเป็นตำราแก้ปัญหาบ้านเมืองกันเรื่อยไปแล้ว ศักดิ์ศรีของชาติจะยังเหลืออยู่ได้อย่างไร ? นี่แหละเมื่อกล่าวโดยรวบรัดแล้ว มันก็เป็นผลเนื่องมาจากสังคม เราไม่นิยมสร้างคน ไม่พัฒนาคน ให้มีจิตใจเจริญด้วยความคิดสติปัญญา และการเสียสละความเห็นแก่ตัว หากว่าจะหันมาพัฒนาคน พัฒนาใจคนกันให้เป็นล่ำเป็นสัน ให้คนมีจิตใจดีงาม ด้วยคุณธรรมศีลธรรมแล้ว วัตถุต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยเครื่องอาศัยของคนก็จะถูกสร้างขึ้นเอง และจะมั่นคงเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เสียอีก
ผลของการสร้างวัตถุปัจจุบันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ลองนึกดูซิ ไม่ได้ยินไม่ได้ฟังบ้างหรือ เดี๋ยวตึกที่โน่นทรุด ถนนที่นี้พัง สะพานที่นั่นร้าว เสาที่โน้นล้ม... มันเกิดจากอะไร คอร์รัปชั่นใช่ไหม ? ประโยชน์ส่วนรวมงบประมาณถูกเบียดบังเสียจนสิ่งก่อสร้างนั้นๆ ขาดคุณภาพที่แท้จริง...
เด็กหญิงชายวัยรุ่นทั้ง ๕ มีอาการรื่นเริงขึ้นมาอย่างประหลาด ตลอดเวลาที่ฟังหลวงตาวิสัชชนาอย่างยืดยาว... จนหลวงตาผิดสังเกต จึงหยุดถามถึงเหตุที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้ ก็ได้รับตอบว่า
หนูดีใจจังที่หลวงตาเห็นด้วยกับผู้อภิปรายท่านนั้น ท่านเป็นอาจารย์พวกหนูเองค่ะ..... ! ..... ..... ! .....
หลวงตาไม่เห็นด้วยทั้งหมดดอกนะจะบอกให้
อย่างที่เรียกร้องให้สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล สุขศาลา ฯลฯ นั้นน่ะ ! หากว่าเป็นเป็นอย่างนี้ล่ะ ! สร้างโรงเรียนแล้วก็เฝ้าสอนกันแต่ให้มีความรู้ชนิดที่ผิดๆ เช่น รู้วิธีโกง วิธีเอารัดเอาเปรียบกันอย่างฉลาดลึกซึ้ง เป็นต้น โรงเรียนนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับโรงเรียนฝึกการลับมีด เพื่อจะได้ความคมไว้เชือดเฉือนกันและกัน
ส่วนโรงพยาบาลและสุขศาลานั้น หลวงตาเคยท่องเที่ยวไปต่างจังหวัด ได้พบโรงพยาบาลบ้าง สุขศาลาบ้างหลายแห่ง ที่สร้างเสร็จแล้วก็ปิดเงียบไม่ได้เปิดทำการช่วยเหลือใครเลย โรงพยาบาลและสุขศาลาอย่างที่ว่านี้ ว่าไปแล้วประโยชน์ของมันจริงๆ ขณะนี้มันสู้ยาแก้ปวดหัวเม็ดหนึ่งก็ไม่ได้ ที่มันต้องเป็นอย่างนี้ด้วยเหตุผลว่า ทางรัฐบาลไม่มีหมอจะส่งไปประจำ ไม่ใช่เพราะหมอไม่มี หมอน่ะ มี
ไม่เคยได้รับข่าวบ้างหรือ หมอไทยเราพากันไปรักษาฝรั่งเมืองมะริกากันเป็นทิวแถว ทั้งๆ ที่การเล่าเรียนศึกษาวิชาแพทย์ก็ได้อาศัยสถาบันที่สร้างขึ้น ด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของคนไทย
ทำไมจึงเป็นอย่างนี้..... ?
....................... เอวัง .......................
แมวขาวมณี
บัวบาน
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2006, 5:14 am
^^^
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2006, 11:08 am
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th