Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ความรัก คือ ทุกข์ จริงหรือ ? อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ศตพร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2004, 9:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สงสัย

ข้าพเจ้าได้ถกปัญหากับบุคลผู้หนึ่งเรื่องความรัก ท่านว่าความรักทำให้เกิดทุกข์ ความรักเหมือนเกลียวคลื่น ที่ม้วนตัวมาหาฝั่งและแตกเป็นฟองฝอย แต่ในด้านของมนุษย์แล้ว ความรักเป็นสิ่งที่สรรค์สร้างและทำลายไม่ใช่หรือ ถ้าคนเราเลือกที่จะสรรค์สร้างและทำไมไม่ทำให้ความรักคือ ความเมตตา และการให้อภัยไม่ใช่หรือ (หนังสือผู้หญิงมหัศจรรย์) ผู้หญิงสามารถมีความรักใหม่ได้ ถ้าให้ความเมมตาและการให้อภัยตนเอง นั้นก็คือ การที่รักตัวเอง อยากทราบว่าถ้าความรักทำให้เกิดทุกข์ แล้วจะมีมนุษย์เพื่ออะไร ยังคงดำรงเผ่าพันธ์กันเพื่ออะไร และถ้าไม่ใช่ความรักแล้ว พระพุทธเจ้าทรงจะแสวงหาทางสว่าง คือ การหลุดพ้น เพื่ออะไร เพราะท่านทำเพื่อมนุษย์ไม่ใช่หรือ เพราะรักท่านถึงทำเพื่อมนุษย์ไม่ใช่หรือ
 
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2004, 10:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีครับ คุณศตพร อันนี้เฉพาะความเห็นของเด็กบ้านยางนะครับ

ความรักนะ ก็ดีนะ เด็กบ้านยางว่า แต่เด็กบ้านยางว่า มันก็ทุกข์จริง จริงนะ ความรักนะ เออ ถ้ารักกันได้ตลอดทั้งปีทั้งชาติ (ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน มันต้องมีแน่แน่ ) ก็ดี อันนี้ก็แสดงความยินดีด้วย แต่บางราย ก็รักกันได้อาจจะแป๊ปเดียว หรืออาจจะถึง 10 ปี 20 ปี ก็ว่ากันไป แต่สำหรับประเด็น เด็กบ้านยางว่า มันไม่ใช่แค่นั้นนะซีครับ เมื่อเรามีพบกัน ก็ต้องมีจาก เป็นของธรรมดาของโลก ถ้าเรารักใครแล้วเนี่ย เราก็ต้องการให้เขามีความสุข เราก็อยากอยู่กับเขา อยากอยู่ใกล้กัน อยากนั่น อยากนี่ ฯลฯ....สารพัด จะอยาก แล้วพอไม่ได้ดังใจ เมื่อนั่นล่ะ ทุกข์ก็ต้องตามมา นี้ก็เป็นไปตามอำนาจกิเลสตัณหา ที่เราเองก็นึกว่าแต่มันสุข แต่พอคิดจริง ๆ นะ มันต้นตอความทุกข์เลย

ที่สำคัญก็คือ ไม่มีใครหนีพ้นความตายได้พ้นสักคนนี้ซีครับ เด็กบ้านยางว่านี่ล่ะน่ากลัวสุด สุด ทุกคนที่เรารักอ่ะ ไม่นานก็ต้องจากกัน แล้วถ้าเกิดคนที่เรารักเขาตายไปจริง จริง ตอนนั้นใครมันจะมานั่งหัวเราะได้ จริงไหม มันก็ต้องพากันร้องห่มร้องไห้ ตาตูบ ตาบวมก็ว่ากันไป ยิ่งรักมาก ก็ยิ่งฝังใจมาก (ยกเว้นกรณีเดียว คือ เราตายก่อน เราก็ไม่ต้องรู้อะไร อันนี้คนข้างหลังเขาก็ต้องทุกข์อีกล่ะ ใช่ไหมล่ะ ดีไม่ดี ก่อนตายเราเกิดห่วงขึ้นมา แล้วเรากังวล ห่วงคนข้างหลังว่าเป็นยังไง หรือเกิดความคิดไม่ดีขึ้นมา เมื่อนั้นเราก็ต้องมีนรกเป็นที่ไปก่อน เสวยผลกรรมของตัวเองให้สาสมก่อน เราค่อยจะได้มีโอกาส ขึ้นมาลืมตาอ้าปากกับเขาใหม่ จะไปเกิดเป็นคน เป็นสัตว์เดรัจฉานก็ว่ากันไปตามผลกรรมของตัวเอง)

นี่ล่ะครับ เด็กบ้านยางว่ารักกันก็ดี แต่สักวันก็ต้องจากกันอยู่แล้วซึ่งมันเป็นธรรมดาของโลก ..........เพราะงั้น เด็กบ้านยางว่ารักกันแบบ พรหมวิหาร 4 ดีที่สุดครับ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อันนี้ไม่ทุกข์แน่นอน แต่ถ้ารักแบบทางโลก รักแบบอยากจะอยู่ด้วยกันไปตลอดทั้งปีทั้งชาตินี้อันนี้ก็ต้องรอทุกข์ไว้ได้เลย บางคนดีไม่ดี ทำใจไม่ได้ ผูกคอตายตามไปด้วยก็มีให้เห็นออกถมเท

แล้วเราก็อย่าลืมนะครับ เรื่องความรักเนี่ย เห็นทุกข์เยอะแล้ว เดี๋ยวก็ฆ่ากันเพราะหึงหวง จากกันนาน ไม่เจอหน้ากันก็คงมัวแต่คิดถึง หรือไม่ก็ถ้าเกิดวันหนึ่งความรักนั้น เกิดจบขึ้นมา โดยที่เราก็บังคับมันไม่ได้ด้วยนะครับ ว่ามันต้องหวานฉื่นยังงี้ไปตลอดทั้งปีทั้งชาตินะ มันไม่แน่หรอก เกิดวันหนึ่ง เกิดเหม็นขี้หน้ากันขึ้นมาทำไงล่ะ แต่ถ้าเราทิ้งเขาไปเอง อันนี้ก็ไม่ต้องทุกข์เท่าไร เพราะเราไม่โดนทิ้ง เหอ เหอ

โอ๊ย โม้แป๊ปเดียว ไหงยาวเหยียดงี้ล่ะเนี่ย อันนี้ก็เฉพาะความเห็นเด็กบ้านยางนะครับ ถ้างั้นแค่นี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ ขำ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Holy@Priest
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 13 ต.ค. 2004
ตอบ: 4

ตอบตอบเมื่อ: 14 ต.ค.2004, 9:28 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทุกอย่างในโลกล้วนมี 2 ด้านครับ ไม่มีอะไรที่ดีไปซะหมด แล้วก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดีไปซะหมด
ความรักก็เช่นกันครับ ก็มิใช่สิ่งที่ทำให้เกิดแต่ความทุกข์อย่างเดียว

เพียงแต่ว่าในเมื่อเรามีความรัก เราจะใช้ความรักให้เกิดความสร้างสรรค์
ทำให้เกิดความสุขทางใจอย่างไร ก็เท่านั้นครับ เช่นความรักที่มีต่อ พ่อแม่
บุตรธิดา ครูอาจารย์ ชาติ ศาสนา เพื่อนมนุษย์ เป็นต้นครับ

แต่บางครั้ง ความรักก็ทำให้เกิดความทุกข์ได้เช่นกันครับ อาจจะด้วยเพราะทำให้เกิดขาดสติยั้งคิด ใช้อารมณ์ที่เกิดจากความรักเป็นตัวตัดสินแทน ซึ่งน่าจะใช้ปัญญา เหตุและผล มากกว่า ครับ ดังพระราชนิพนธ์ในพระมหาธีรราชเจ้า รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชนิพนธ์ เกี่ยวกับความรักของหนุ่มสาวไว้ว่า

ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มือมน
ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคใดใด
ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผลิขังไว้
ย่อมแล่นจากคอกไป บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหางจะผูกไว้ ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้างก็ยิ่งคลั่ง บ่หวนคิดถึงเจ็บตาย.

ดังนั้น เมื่อเกิดความรักก็ควรใช้ความรักให้เกิดประโยชน์ ให้เกิดผลดีต่อตนเองและผู้อื่น แต่เมื่อเห็นว่าตนนั้นจะถูกความรักครอบงำจนไม่สามารถที่จะใช้สติปัญญาไตร่ตรองได้ก็ความรีบหยุดแล้วพิจารณาด้วยปัญญาหาทางแก้ไขซะตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดทุกข์เพราะรัก ครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 14 ต.ค.2004, 9:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปัญหาเรื่องความรัก เป็นปัญหาธรรมดาของหนุ่มสาว และเกิดในช่วงชีวิตหนึ่งของมนุษย์ทุกคน ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับความรักของตนเอง

ปัญหาเหล่านี้มักเกิดกับเด็กที่อ่อนต่อโลก ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ผู้ใหญ่บางคนที่อ่อนต่อโลกก็มี ธรรมดาชีวิตของคนเราที่มีอยู่ในโลกนี้ ถ้ารู้จักใช้ชีวิตแล้วก็เป็นประโยชน์เกิดผลดีมากอยู่ ถ้าเราสามารถตัดเอาความทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิตนี้ให้ออกไปเสีย อย่ามาปะปนกันและใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก

หากเราคิดสักนิดว่า ชีวิตเรานี้แม้จะไม่สมหวังในสิ่งที่เราต้องการ ซึ่งมันอาจจะเป็นความรู้สึกผิดหวังในจิตใจชั่วขณะหนึ่ง สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นแต่เพียงเรื่องผิดพลาดเล็กน้อยในชีวิตเท่านั้น

ความทุกข์ที่เกิดจากความรัก ราคะจริตนั้น ตัดทำลายได้ยากมาก เว้นเสียแต่จะแปรเปลี่ยนรักแบบมนุษย์ทั่วไปที่เต็มไปด้วย โมหะ โทสะ โลภะ ราคะ ให้เป็นรักที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา กรุณา สงสารในมนุษย์ด้วยกัน ทุกคนแปรเปลี่ยนได้

ความรักที่บริสุทธิ์ จะกลั่นออกมาเป็นหยดแห่งมหาเมตตา มหากรุณา เมื่อถึงสภาวะนั้นก็จะพบความสว่างเพื่อก้าวเดินต่อไป หาใช่หยุดอยู่แค่ตรงนั้นไม่ ณ สภาวะธรรมนั้น จะเกิดปัญญาแห่งการสร้างสรรค์ทั้งในการเรียน การงาน ตลอดจนการดำรงชีวิตของตนเอง และสามารถใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ทั้งส่วนตนและส่วนท่านได้อย่างสมบูรณ์

ธรรมะสวัสดี
มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
เจียง
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 04 ต.ค. 2004
ตอบ: 118

ตอบตอบเมื่อ: 14 ต.ค.2004, 3:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความรักคือสิ่งที่ดีที่สุด และ อันตรายที่สุด
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 14 ต.ค.2004, 6:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อมัย คิดว่า ความรัก ที่เป็น ความรักจริงๆ
ไม่ทำให้เกิดทุกข์หรอกค่ะ

แต่ที่คนส่วนใหญ่ บอกว่า ความรักทำให้เป็นทุกข์
น่าจะมาจาก หลงคิดว่ารัก ต่างหากมากกว่า

ที่ในสังคมเรามีปัญหาแล้วพบว่าสาเหตุมาจากความรัก
ความหึงหวง หรืออะไรก็แล้วแต่

จริงๆ ต้นเหตุไม่ใช่เพราะความรัก หรอก
แต่มาจากที่เราอ้างกันว่ารัก

หลงคิดว่ารัก
ถ้ายังไร ลองมีความรัก ที่ประกอบด้วยพรหมวิหาร 4
ดูอาจช่วยให้ไม่เป็นทุกข์ ก็ได้น๊ะค่ะ ยิ้ม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
jnarongrit
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 20 ก.ค. 2004
ตอบ: 11

ตอบตอบเมื่อ: 16 ต.ค.2004, 4:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รักเทียม เร้าทุกข์
รักแท้ สร้างสรรค์สุข ยิ้มแก้มปริ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
jnarongrit
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 20 ก.ค. 2004
ตอบ: 11

ตอบตอบเมื่อ: 29 ต.ค.2004, 4:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เพราะรักเทียมเกิดจากความต้องการ เกิดจากความอยากได้มาเป็นเจ้าของ มีเงื่อนไขมากมายซับซ้อน เมื่อไม่ได้ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขก็ต้องตกอยู่ในความทุกข์ เพราะรักแท้ปราศจากความคาดหวังที่จะได้มาเป็นของตัว ไม่ต้องการเงื่อนไขใดๆ มีแต่ความปราถนาดี หวังเห็นเพียงสิ่งที่ตนรักเจริญงอกงามตามสภาวะที่ควรเป็นไป รักแท้ตั้งอยู่ในความเมตตา กรุณา มุทิตา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
โอ่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ย.2004, 5:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เพราะว่า "นิพพานัง ปะระมัง สุขัง" พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ส่วนความรักนั้น มีสภาพไม่เที่ยงแท้ คือเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง และถ้าดูในอนัตลักขณสูตร ก็จะพบว่า "สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา"

ก็ความรักเป็นสิ่งไม่เที่ยงจึงเป็นทุกข์ พระพุทธเจ้ากล่าวจากพระโอษฐ์อย่างนั้น แล้วเราจะว่าอย่างไร
 
nalinee
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 19 เม.ย. 2005
ตอบ: 6

ตอบตอบเมื่อ: 05 พ.ค.2005, 10:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ในความคิดของข้าพเจ้า

ความรักโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ
นั้น.......เป็นสุข

.................................................

แต่ความรักที่หวังผลตอบแทน
ย่อมเป็นทุกข์
เพราะเมื่อไม่ได้ดังหวัง
ความทุกข์ก็จะมาเยี่ยมเยือนโดยมิได้รับเชิญ ขำ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
Ae
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 38

ตอบตอบเมื่อ: 05 พ.ค.2005, 1:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ในความคิดของผมนั้น ขอแบ่งความรักเป็น 2 รูปแบบ
นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวนะครับคือ

1. Platonic love
2. * love

Platonic love คือความรักแบบบริสุทธิ์เช่นความรักของพ่อแม่ต่อลูก ความรักของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ความรีกแบบนี้ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน และไม่มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมคิดว่ารักแบบนี้ทำให้เป็นสุขครับ

* love คือความรักที่มุ่งหวังแต่เรื่องเพศอย่างเดียวเป็นความรักที่ไม่จีรัง ยั่งยืน ส่วนมากความรักในโลกโลกียะจะเป็นแบบนี้ ทำให้เกิดทุกข์นะครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
panurat
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 ก.ค.2005, 5:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถามว่าการที่เขาให้ปากกาสีแดงหมายถึงอะไร (อยากรู้)
 
ไพลิน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 ต.ค.2005, 6:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความรักหรือ ?
ในความคิดของไพลินนะ ความรัก คือ การให้
ให้แล้วตัวเองต้องมีความสุขที่จะให้
โดยไม่หวังผลตอบแทน
 
tik
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 พ.ย.2005, 3:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าคนราคิดว่าการที่มีความรักเราจะมีความรักกันทำไม
 
thongchai_tiwattanon
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 พ.ย.2005, 5:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความรักในทางพระพุธทศนาไม่มีครับ มีแต่ความเมตา แต่ไม่ใชความรักครับ เพราะว่าความรักจะมีตันหาอยู่ร่วมด้วย ความรักจะไม่มี ความเมตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา อยู่ร่วมเลย
 
nonsoul
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 20 ส.ค. 2005
ตอบ: 9

ตอบตอบเมื่อ: 09 พ.ย.2005, 7:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รู้เห็นตามเป็นจริง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
กังหันลม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 ธ.ค.2005, 12:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

8 ความรักถ้าทำให้ดีที่สุดมันก็ต้องดีที่สุดค่ะ แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการเป็นตัวของตัวเองค่ะ
 
เอย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 ธ.ค.2005, 3:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากอ่านความเห็นของ tanawat30 มากๆ เลย ประเด็นนี้น่าสนใจออก
 
new
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532

ตอบตอบเมื่อ: 11 ธ.ค.2005, 11:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่ใดมีรักที่นั่นมี่ทุกข์ เด็กบ้านยาง ตอบดีครับ คือ ไม่ว่าเราจะอยู่ด้วยกัน 20 ปี 50 ปี แต่วันนึงเราก็ต้องพรากจากกัน ไม่พรากตาย ก็พรากเป็น เมื่อนั้นเราย่อมเกิดทุกข์

พระพุทธเจ้าทรงต้องการช่วยมนุษย์ ที่บอกว่าท่านรักมนุษย์ ความรัก กะ ความเมตตากรุณานั้นต่างกันครับ รักเจือด้วยตัณหา เมตตากรุณานั้นต้องการช่วยให้มีสุข พ้นจากทุกข์

ถ้าอยากรักแบบทุกข์ให้น้อยที่สุด รองรักแบบกว้างๆ ดิครับ รักทุกคนที่อยู่แวดล้อมเรา รักโดยไม่หวังผลอะไร รักโดยคิดว่าเห็นเขามีความสุข เราก็สุขด้วย รักโดยไม่หวังผล ไม่ยึดติด เราก็จะทุกข์น้อยที่สุดครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เบ๊ท่านพุทธทาส
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ธ.ค. 2005
ตอบ: 65

ตอบตอบเมื่อ: 11 ธ.ค.2005, 12:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทำอะไรมันก็ต้องล้มลุกคลุกคลานบ้างเป็นธรรมดาคับ แต่อย่าหลงมากจนทำให้อารมณ์รักมาบังตาเนอะ จะเป็นไปว่าอารมณ์บดบังความจริง ยิ้มเห็นฟัน (แฮ่)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง