Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ...ให้ธรรมทาน ชื่อว่าให้อมฤตธรรม... อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
;;;l;;
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 ส.ค. 2006, 9:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



0005.gif


(ทาน ๒๘).......ผู้ให้ธรรมทาน ชื่อว่าให้อมฤตธรรม
(การฟังธรรมเปลี่ยนผู้ที่มีใจบาปหยาบช้าที่สุด ให้เป็นพระอรหันต์)



ผู้ให้ธรรมทาน ชื่อว่าให้อมฤตธรรม

.......ส่วนผู้ให้ธรรมะเป็นทาน ได้ชื่อว่าชนะการให้ทั้งปวง เหตุเพราะว่าเมื่อบุคคลได้ฟังธรรม เกิดความ
ศรัทธาเลื่อมใส และรู้จักบาปบุญคุณโทษ จะละบาปได้เพราะได้ฟังธรรม จะทำบุญถวายทานได้เพราะ
ได้ฟังธรรม ถ้าไม่ได้สดับแล้ว ก็จะไม่มีศรัทธา แม้สิ่งของสักเล็กน้อย ข้าวสักทัพพีหนึ่ง ก็มิอาจจะให้ได้
จะรักษาศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ จะเจริญภาวนา ไหว้พระสวดมนต์ บูชาพระรัตนตรัย ทั้งหมด
นี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะได้ฟังธรรม เพราะฟังแล้วรู้จักบุญบาป ว่าทำอย่างนี้จะได้บุญมาก ทำอย่างนี้จะได้
มนุษยสมบัติ ได้ทิพยสมบัติ ได้สิ่งเหล่านี้เพราะว่าได้ฟังธรรม ฉะนั้น การให้ธรรมทาน จึงชื่อว่า
ชนะการให้ทั้งปวง

ส่วนผู้ใดมีสติปัญญา นำธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปสั่งสอนให้แก่ชนทั้งหลาย ผู้นั้นชื่อว่า
ได้ให้น้ำอมฤตธรรม เพราะว่าชนทั้งหลายจะสำเร็จมรรคผลนิพพาน จะล่วงชาติกันดาร ชรากันดาร
พยาธิกันดาร มรณกันดารได้ ก็เพราะอาศัยการฟังพระสัทธรรม จะถึงอมตมหานิพพานเป็นที่สุขเกษม
ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย เป็นเอกันตบรมสุข เพราะได้อาศัยการฟังพระสัทธรรม

ผู้ที่ได้ฟังธรรมย่อมมีจิตที่ผ่องใส ยกใจของตนเองให้สูงขึ้นจากบาปกรรมทั้งหลาย มีกำลังใจทำความดี
ต่อไป และคุณความดีนั้นก็จะเจริญงอกงาม จนทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานในที่สุด ส่วนผู้ให้ธรรมะได้
ชื่อว่าให้สิ่งที่ประเสริฐ ย่อมได้รับสิ่งที่ประเสริฐ และบรรลุมรรคผลนิพพานเช่นเดียวกัน ดังนั้นธรรมะ
จึงให้ผลทั้งแก่ผู้แสดงและผู้ฟัง ดังเช่น เรื่องของนายพรานวิโธละ


นายพรานวิโธละ

........ณ หมู่บ้านหนึ่งในโรหณชนบท ประเทศลังกา มีนายพรานผู้หนึ่งชื่อ " วิโธละ " เขามีอาชีพล่าสัตว์
ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก เพื่อเป็นอาหาร และนำไปขาย ในเรือนของเขามีเครื่องมือล่าสัตว์ต่างๆ เช่น
ธนู บ่วง แห อวน เป็นต้น เขาได้ฆ่าสัตว์ ผูกบ่วงตักสัตว์ ปักหลาว และใส่ยาพิษเป็นประจำทุกวัน เขา
ไม่มีความกรุณาต่อสัตว์ทั้งหลายเลย มือของเขาเปื้อนเลือดทุกวัน

วันหนึ่งเขาหาสัตว์ไม่ได้ เขาคิดว่าปราศจากเนื้อสัตว์แล้วเขากินข้าวไม่ลงเลย จึงถือหญ้าเดินไปยัง
ที่ลูกวัวยืนอยู่ ส่งหญ้าให้ลูกวัวกิน เมื่อลูกวัวแลบลิ้นเพื่อกินหญ้า เขาจับลิ้นของลูกวัวตัดออกนำไปปิ้งกิน
โดยไม่แยแสเลือดแดงฉานที่ไหลออกจากปากของลูกวัวตัวนั้น ด้วยใจที่บาปหยาบช้าเช่นนี้ พอตกกลาง
คืนร่างกายของเขารุ่มร้อนไปทั่ว เจ็บปวดไปทั่วร่างเหมือนถูกแทงด้วยหอก ถูกทุบด้วยสากเหล็ก เขาทน
ทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็นจนตลอดคืน

ครั้นรุ่งเช้านายพรานวิโธละพยายามหาที่พึ่ง โดยรีบไปที่วัดในหมู่บ้าน เห็นพระภิกษุแล้วยืนนมัสการ
อยู่ ภิกษุทั้งหลายทราบว่าเขาชอบทำปาณาติบาตเป็นอาจิณ จึงแสดงธรรมชื่อ " เทวฑูตสูตร " พรรณนา
ถึงนรกขุมต่างๆ เขาฟังด้วยความซาบซึ้ง เพราะผลของกรรมนั้นส่งให้เขาทุกข์ทรมานมากขนาดนี้ทั้งๆ
ยังมีชีวิตอยู่ เขามีใจเลื่อมใสในธรรมนั้น ละปาณาติบาตอย่างเด็ดขาด และนึกถึงธรรมะนั้นบ่อยๆ ศีล
และธรรมรักษาเขาให้เป็นปกติในเวลาต่อมา

.......วันหนึ่งวิโธละไปเล่นน้ำทะเลกับเพื่อนๆ ขณะที่ว่ายน้ำเพลินไปในทะเลลึก พญานาคตัวหนึ่งเอา
ขนดหางรัดเขาไว้ เขาเองก็ทราบว่ามีอันตรายเกิดขึ้น จึงนึกถึงธรรมะชื่อ " เทวฑูตสูตร " ตามที่ได้สั่งสมมา
จนเกิดความเชื่อมั่นว่า ผู้ที่ได้ฟังธรรมและปฎิบัติตามธรรมอย่างดีแล้ว ย่อมแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวงได้

พญานาคมิได้ฆ่าเขา เพราะอานุภาพแห่งธรรม นำเขาไปยังที่อยู่ของตน แล้วกล่าวกับเขาว่า " ทำไม
ท่านจึงไม่กลัวตาย ขอจงบอกเหตุนั้นแก่ข้าพเจ้า "

วิโธละกล่าวตอบว่า " ธรรมะที่ข้าพเจ้าฟังมาแล้ว สามารถกำจัดอุปัทวะทั้งปวง ข้าพเจ้าได้ระลึกถึง
ธรรมะนี้เอง จึงไม่กลัว "

จากนั้นเขาก็สาธยายเทวฑูตสูตรแก่พญานาคด้วยความอาจหาญ ร่าเริง ทำให้พญานาคเลื่อมใสมอบ
ดวงแก้วมณีที่สามารถบันดาลความสมปรารถนาทุกสิ่งแก่เขาได้ วิโธละตั้งใจสั่งสมบุญทำทานอย่างสม่ำเสมอ
จนกระทั่งเขาตัดสินใจสละเพศฆราวาส มอบดวงแก้วมณีแก่บุตรภรรยา แล้วเดินทางไปวัด ขออุปสมบท
เป็นพระภิกษุ ครั้นบวชแล้วก็ตั้งใจเจริญสมณธรรมอยู่เป็นนิตย์

วันหนึ่งพระวิโธละได้ฟัง " เทวฑูตสูตร " อีกครั้ง ท่านซาบซึ้งผูกพันกับธรรมะบทนี้ ที่ช่วยให้ท่าน
พ้นจากอบายภูมิ กลับตัวเป็นคนดีและได้สมบัติจากพญานาคมาทำทานสร้างหนทางไปสวรรค์

ใจของท่านดื่มด่ำในธรรมะไม่ฟุ้งซ่านเรื่องอื่นๆ เลย ใจของท่านสงบหยุดนิ่งไปตามลำดับ จนบรรลุ
เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในพระพุทธศาสนา และเป็นตัวอย่างให้มหาชนละเว้นปาณาติบาต บำเพ็ญบุญ
ตามท่านไปด้วย

นายพรานวิโธละได้ฟังธรรมที่พอเหมาะพอดีกับสถานะของตนเอง ทำให้เขาซาบซึ้ง ตั้งใจปฎิบัติตาม
และกลับตัวเป็นคนดีได้ในทันที และธรรมะนั้นยังคุ้มครองเขาให้พ้นจากภัยอันตราย เขาแสดงธรรมแก่
พญานาค เพราะต้องการให้สิ่งที่ดีที่ตนเคยได้รับมา โดยไม่หวังลาภสักการะใดๆ ครั้นได้ดวงแก้วมณี
อันมีค่าหาประมาณมิได้ เขาก็ไม่ลุ่มหลงไปกับทรัพย์สมบัติ แต่กลับใช้ทรัพย์สมบัติไปในการสร้างสมบุญ
กุศลให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยใจที่ไม่สนใจในลาภสักการะ แต่เห็นถึงคุณค่าของธรรมะทำให้เขาสละทรัพย์
สมบัติออกอุปสมบทเป็นพระภิกษุ และด้วยเหตุที่เมื่อบวชแล้วเห็นถึงคุณอันยิ่งใหญ่ของธรรมะที่ส่งผล
ให้ชีวิตดีขึ้น ทั้งเมื่อฟังธรรมและแสดงธรรม ใจของท่านจึงสงบ ดื่มด่ำกับธรรมะ จนกระทั่งสิ้นอาสวกิเลส
ได้ในภพชาติปัจจุบัน

จะเห็นได้ว่า ธรรมะมีคุณค่าต่อการพัฒนาชีวิตอย่างยิ่ง ทั้งในภพชาตินี้ จนกระทั่งถึงมรรคผลนิพพาน
ดังนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัสว่า...

" ผู้ให้พระสัทธรรม ได้ชื่อว่าผู้ให้ความไม่ตาย คือหนทางอันเป็นอมตะ "


ที่มา :: พันทิพดอดคอม
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง