Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ให้อภัย (อาจารย์วศิน อินทสระ) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 04 ส.ค. 2006, 8:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

****************************

มนุษย์ที่มีใจสูงย่อมรู้จักให้อภัย
ไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย


****************************

อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
ทางที่ถูกควรทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก
ถ้าเป็นเรื่องเล็กอยู่แล้วก็ไม่ควรเอาเรื่องเสียเลย
ปล่อยไปเสีย ทำไม่รู้ไม่เห็นเสียบ้าง
ไม่บอดทำเป็นเหมือนบอด
ไม่ใบ้ทำเหมือนใบ้
ไม่หนวกทำเหมือนหนวกเสียบ้าง
จิตใจของเราจะสบายขึ้น

******************************************

มีเรื่องแปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่งในหมู่มนุษย์
คือ คนส่วนมากเผชิญกับเหตุการณ์ใหญ่ๆ อย่างกล้าหาญได้
แต่กลับขาดความอดทนต่อสิ่งเล็กๆ น้อยๆ


******************************************

ตัวอย่างเช่น ใครมาพูดเสียดสี
กระทบกระเทียบเปรียบเปรย เขาทนไม่ได้
แต่กลับทนอยู่ในคุกตารางได้เป็น 20-30 ปี
และยินดีรับความทุกข์เหล่านั้นไปตลอดเวลา
ที่ทางราชการกำหนด แม้จะไม่ยินดี ก็เหมือนยินดี
เพราะไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
ถ้าเขายินดีรับความทุกข์เพียงเล็กน้อยเสียก่อน
คือ อดทนต่อคำด่าว่าเสียดสี
หรืออาการทำนองที่เขาคิดว่าเป็นการดูถูกดูแคลน
เพียงเล็กน้อยเสียก่อน
ไหนเลยเขาจะต้องมาทนทุกข์ทรมานอันมากมาย
ยาวนานถึงเพียงนั้น

****************************************

การให้อภัยเป็นคุณธรรมสำคัญอย่างหนึ่งในมนุษย์

****************************************

คนส่วนมากเมื่อจะทำทาน
ก็มักนึกถึงวัตถุทาน คือ การให้วัตถุสิ่งของ
ให้ได้มาก เตรียมการมาก ยุ่งมาก เขายินดีทำ
แต่ใครมาล่วงเกินอะไรไม่ได้
ไม่มีการให้อภัยในความผิดพลาดของผู้อื่น
ความจริงเขาควรหัดให้อภัยทานบ้าง
แล้วจะเห็นว่า จิตใจสบายขึ้น ประณีตขึ้น
สูงขึ้น เป็นเทวดา
ดังสุภาษิตอังกฤษบทหนึ่งว่า
“To err is human , to forgive diving”
แปลว่า การทำผิดเป็นเรื่องของมนุษย์
ส่วนการให้อภัยเป็นเรื่องของเทวดา
ถือเอาความว่ามนุษย์ธรรมดาย่อมมีการทำผิดพลาดบ้าง

*********************************

ส่วน มนุษย์ที่มีใจสูงย่อมรู้จักให้อภัย
ไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย


*********************************

หรือ แม้ในสายตาของคนอื่นจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่
แต่สำหรับท่านผู้มีใจกรุณา ย่อมเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย

พระพุทธเจ้าที่พวกเรานับถือนั้น
มีผู้ปองร้ายพระองค์ถึงกับจะเอาชีวิตก็มี
เช่น พระเทวทัตและพวกพยายามปลงพระชนม์หลายครั้ง
แต่ไม่สำเร็จเพราะพระองค์ไม่ร้ายตอบ ทรงให้อภัย
มีคนใส่ร้ายด้วยเรื่องที่ร้ายแรง
ทำให้เสียเกียรติยศชื่อเสียงก็มี
เช่น พวกเดียรถีย์นิครนถ์ นางจิญจมาณวิกา
นางสุนทรี เป็นต้น แต่ก็ไม่ทรงทำตอบ ทรงให้อภัย
ในที่สุดคนพวกนั้นก็พ่ายแพ้ไปเอง
เหมือนเอาไข่ไปตอกกับหินไข่แตกไปเอง

พระเยซู ศาสดาของคริสต์ศาสนา
ก็ทรงมีชื่อเสียงมากในการให้อภัย
ไม่ทรงถือโทษต่อผู้คิดร้ายทำร้ายต่อพระองค์
ให้อภัยผู้ทำความผิด เปิดโอกาสให้กลับตัว

อีกท่านหนึ่งคือมหาตมะ คานธี
ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเรื่องอหิงสา
ความไม่เบียดเบียน การให้อภัย
จนถึงอัลเบิร์ต ไอสไตน์
นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ได้กล่าวสดุดีท่านผู้นี้ไว้ว่า
“ต่อไปภายหน้ามนุษย์จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ทราบ
ว่าได้เคยมีคนอย่างนี้ (ท่านมหาตมะ คานธี)
เกิดขึ้นแล้วในโลก”
ทั้งนี้เพราะคุณวิเศษในตัวท่านนั้น
ยากที่คนสามัญจะหยั่งให้ถึงได้

*****************************************

รวมความว่า มหาบุรุษที่โลกยกย่องให้เกียรติเคารพบูชานั้น
ล้วนเป็นนักให้อภัยทั้งสิ้นไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
หรือ เรื่องใหญ่ก็ทำเป็นเรื่องเล็กเสีย
ท่านเหล่านั้นมุ่งมั่นในอุดมคติ
จนไม่มีเวลาจะสนพระทัยหรือสนใจในเรื่องเล็กน้อย
แต่ท่านเหล่านี้จะสนใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
อันเกี่ยวกับสุขทุกข์ของผู้อื่นเสมอ
ส่วนเรื่องร้ายที่คนอื่นกระทำแกท่าน ท่านไม่สนใจ


*****************************************

ลองอ่านประวัติของท่านที่เอ่ย พระนาม
และนามมาแล้วดังกล่าวดูบ้าง
จะเห็นว่าท่านน่าเคารพบูชาเพียงใด
โลกจึงยอมน้อมเศียรให้แก่ท่าน

มีเรื่องเล่าว่าในวัดพุทธศาสนานิกายเซ็นวัดหนึ่ง
มีพระอยู่กันหลายรูป
มีพระรูปหนึ่งมีนิสัยทางขโมย
ได้ขโมยของเพื่อนพระด้วยกันเสมอๆ
จนวันหนึ่งพระทั้งหลายพากันขึ้นไปหาเจ้าอาวาสบอกว่า
ถ้าพระรูปนี้ยังอยู่วัดนี้ พวกเขาจะไม่อยู่วัดนี้
ขอให้ไล่พระรูปนั้นออกไป
ท่านเจ้าอาวาสบอกว่า
พวกคุณนั่นแหละควรจะไปได้แล้วทุกรูป
ส่วนพระรูปนั้นควรจะต้องอยู่กับฉันก่อน เพราะยังไม่ดี
นี่คือเรื่องของผู้มีใจกรุณา

*********************************

คนที่เคยทำความผิดอันยิ่งใหญ่นั้น
ถ้ากลับใจได้เมื่อใด
ก็มักทำความดีอันยิ่งใหญ่เหมือนกัน
เพราะสลดใจในเวรกรรมที่ตนเคยสร้างไว้


*********************************

ดูพระเจ้าอโศกมหาราชและขุนโจรองคุลิมาลเป็นตัวอย่าง
พระองค์เสด็จไปโปรดองคุลิมาลให้กลับเป็นคนดี
ก็ด้วยพระทัยกรุณานั่นเอง
แม้พระเจ้าอโศกมหาราชก็เหมือนกัน
ตามพระประวัติว่า ได้อาศัยพระภิกษุในพุทธศาสนารูปหนึ่ง
จึงกลับพระทัยมาดำเนินชีวิตทางไม่เบียดเบียน
ทรงบำเพ็ญอภัยทานเป็นอันมาก

ถ้าจะเอาเรื่องกับเด็กรับใช้ที่บ้าน
ภารโรงที่โรงเรียนหรือสำนักงาน
ก็ขอให้หยุดคิดสักนิดหนึ่งว่าก็แกแค่นั้น
จะเอาอะไรกับแกนักหนา
ถ้าแกดีเท่าเราหรือเฉลียวฉลาดปราดเปรื่องอย่างเรา
แกจะมาเป็นคนใช้หรือเป็นภารโรงทำไมกัน
ก็เพราะความคิดอ่านแกมีอยู่เท่านั้น แกก็ทำอย่างนั้น
อย่างที่เรารำคาญๆ อยู่นั่นแหละ
คิดได้อย่างนี้ก็ค่อยหายกลุ้มไปหน่อย
สุภาษิตที่ว่า “ความเข้าใจเป็นมูลฐานแห่งการให้อภัย” นั้น
ยังเป็นความจริงอยู่เสมอ
เมื่อเข้าใจแล้วก็ให้อภัย
เห็นว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นเอง

*********************************

พระสารีบุตรเคยแสดงแก่ภิกษุทั้งหลายว่า
ในการคบคนนั้น ควรถือเอาเฉพาะส่วนดีของเขา
ส่วนไม่ดีก็ตัดทิ้งไป


*********************************

บางคนการกระทำทางกายไม่ดี แต่วาจาดี
บางคนวาจาหยาบแต่การกระทำทางกายดี
บางคนการกระทำทางกายก็หยาบ วาจาก็หยาบ แต่ใจดี
ควรถือเอาเฉพาะส่วนที่ดีนั้น
ท่านเปรียบว่าเหมือนดึงผ้าออกมาจากดินโคลน
เพื่อจะเอาไปปะต่อใช้สอยเห็นส่วนไหนดีก็ตัดเอาไว้
ส่วนไหนไม่ดีก็ตัดทิ้งไป
ถ้าทำได้อย่างนี้ก็จะช่วยให้สบายใจได้มาก อนึ่งควรคิดว่า

***********************************

คนเราเกิดมาด้วยจิตที่ไม่เหมือนกัน
คือพื้นฐานของจิตตอนถือปฏิสนธินั้นไม่เหมือนกัน
จึงมีอุปนิสัยแตกต่างกันมาตั้งแต่เยาว์
เมื่อกระทบกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอีก
ก็ทำให้บุคคลแตกต่างกันไปเป็นอันมาก
การอยู่รวมกันของคนหมู่มาก
ผู้มีอุปนิสัยใจคอพื้นฐานทางใจ
และการอบรมที่แตกต่างกัน จึงมีปัญหามาก
ถ้าเราถือเล็กถือน้อยไม่รู้จักให้อภัย เราก็จะมีทุกข์มาก


***********************************

บางทีก็เกี่ยวกับช่องว่างระหว่างวัย
ผู้ใหญ่อยากจะให้เด็กทำ พูดและคิดอย่างตน
ส่วนเด็กก็อยากจะให้ผู้ใหญ่ทำ พูด คิด อย่างตนเหมือนกัน
ซึ่งโดยทั่วๆ ไปแล้วเป็นไปไม่ได้
ฝ่ายผู้ใหญ่ควรให้อภัยว่าแกเป็นเด็ก
ส่วนเด็กก็ควรให้อภัยว่าท่านแก่แล้ว
มาเข้าใจกันเสีย คือ เห็นใจซึ่งกันและกัน
เมื่อเป็นดังนี้เรื่องเล็กไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่
ทุกฝ่ายอยู่กันด้วยความเห็นใจเข้าใจ
มองกันอย่างเป็นมิตร ไม่เป็นศัตรูต่อกัน
นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการผ่อนคลายความทุกข์ในชีวิตประจำวัน

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้

จากหนังสือธรรมลีลา ปีที่ 4 ฉบับที่ 46 กันยายน 2547
โดย อาจารย์วศิน อินทสระ


สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 05 ส.ค. 2006, 3:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ส่วนใหญ่ เพราะ มนุษย์ เกิดมาพร้อมอัตตา ทิฏฐิมานะ
ประเภท นี่ ตัวข้า ใครอย่าแตะ แบกตัวตน เรา - เขา แบกภูมิ แบกความอวดดี แบกความเหย่อหยิ่งไว้ในใจ ภายใต้ คำว่าเกียรติ ศักดิ์ศรี อะไรทำนองนั้นแหละค่ะ

ว่าแต่เขา ตัวเราเอง ยังต้องข่ม มานะ ทั้งหลาย บางครั้งยังต้องหลั่งน้ำตา

นึกถึงคำท่านพระสารีบุตร ที่เปรียบตนเป็นผ้าเช็ดเท้า จะพยายามค่ะ เพื่อทางแห่งพระนิพพาน

ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆ นี่มาลงให้ผู้อ่านได้เตือนตน
อนุโมทนา สา........ธุ อายหน้าแดง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
I am
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2006, 3:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การให้อภัยมีคุณกับผู้ให้เต็มๆ เลย เพราะเป็นการฝึกใจตัวเองโดยตรง
โมทนาครับ.. สาธุ
 
seven11
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ย. 2006, 3:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อภัยทาน

ช่วงหลายปีก่อนผมถูกโกงหลายครั้ง แต่ละครั้งเป็นเงินทองไม่น้อย คำถามที่ผุดขึ้นมาทันทีคือ "ทำไมเราโง่เหลือเกิน ปล่อยให้เขาโกงเราได้"

เมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็จำต้องปลงและลืมมันไป และแล้วประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยอีกครั้ง และอีกครั้ง ผ่านมาหลายครั้งก็เรียนรู้ว่า เราไม่อาจห้ามไม่ให้คนอื่นทำร้ายเรา แต่เราสามารถป้องกันตัวเราจากการทำร้ายตัวเอง

เมื่อประสบเรื่องที่คนอื่นทำให้ตนเจ็บปวด บางคนเลือกที่จะลืม บางคนอาฆาตไว้จนวันตาย
การเก็บความโกรธแค้นไว้นานมีแต่ทำให้ราคาของความโกรธแค้นนั้นสูงขึ้น เนื่องจากค่าเก็บรักษาอารมณ์ชนิดนี้แพงมาก บิลของมันประกอบด้วยรายการค่าหัวใจเสื่อม ความดันโลหิตพุ่งสูง นอนไม่หลับ เครียด อาจตามมาด้วยมะเร็งและความตายก่อนวัย คิดรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว แพงกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นตอนแรกหลายเท่า

ที่น่าขำก็คือ บ่อยครั้งคนที่ทำให้เราโกรธแค้นไม่รู้ตัวเลยว่าเขาทำให้เรารู้สึกแย่ ในหลายกรณีเขาไม่ได้ทำร้ายเรา เราต่างหากที่ทำร้ายตัวเอง บางคนสามารถโกรธและหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึงประสบการณ์เลวร้ายบางเรื่อง ทั้งที่มันเกิดขึ้นนาน 30-40 ปีมาแล้ว

ดังนั้นหากเราสามารถปล่อยวางความโกรธแค้นนี้ได้เร็วเท่าใด ความเสียหายรวมก็ลดลงเท่านั้น และเครื่องมือที่ทำให้เราสามารถปล่อยวางก็มีเพียงชนิดเดียวคือ การให้อภัย

นักฟิกสิกส์ จิตแพทย์ นักเขียน , ธอมัส แซส บอกว่า "คนโง่ไม่ให้อภัยและลืม คนอ่อนโลกให้อภัยและลืมทั้งหมด คนฉลาดให้อภัยแต่ไม่ลืม"

การให้อภัยไม่ใช่การกระทำของคนที่จนตรอกหรืออ่อนแอ มหาตมะ คานธี ผู้ที่ทั้งชีวิตประสบแต่การถูกทำร้ายทั้งกายและใจ เรียนรู้ว่า ระบบตาต่อตา ฟันต่อฟันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ท่านกล่าวว่า "คนอ่อนแอไม่สามารถให้อภัยใคร การให้อภัยเป็นคุณสมบัติของคนเข็มแข็ง"

อภัยทานจึงเป็นทานที่ทำได้ยากที่สุด เพราะเป็นการพัฒนาของจิตใจชั้นสูง ชีวิตบนโลกนี้สั้นนิดเดียว จะแบกอารมณ์ไร้ประโยชน์ไปจนวันตายทำไมให้เหนื่อยเปล่า



คัดลอกจากหนังสือ รอยเท้าเล็กๆ ของเรา (วินทร์ เลียววาริณ)

กราบขอบพระคุณครับ สาธุ
 
say
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 25 ก.พ. 2005
ตอบ: 15

ตอบตอบเมื่อ: 11 ม.ค. 2007, 2:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บางทีก็เกี่ยวกับช่องว่างระหว่างวัย
ผู้ใหญ่อยากจะให้เด็กทำ พูดและคิดอย่างตน
ส่วนเด็กก็อยากจะให้ผู้ใหญ่ทำ พูด คิด อย่างตนเหมือนกัน
ซึ่งโดยทั่วๆ ไปแล้วเป็นไปไม่ได้
ฝ่ายผู้ใหญ่ควรให้อภัยว่าแกเป็นเด็ก
ส่วนเด็กก็ควรให้อภัยว่าท่านแก่แล้ว
มาเข้าใจกันเสีย คือ เห็นใจซึ่งกันและกัน
เมื่อเป็นดังนี้เรื่องเล็กไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่
ทุกฝ่ายอยู่กันด้วยความเห็นใจเข้าใจ
มองกันอย่างเป็นมิตร ไม่เป็นศัตรูต่อกัน
นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการผ่อนคลายความทุกข์
ในชีวิตประจำวัน
ปรบมือ ปรบมือ
ใช่แล้ว....แต่ในความเป็นจริงทุกคนมักถือเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น
 

_________________
จงปล่อยวางกับบางสิ่ง แต่อย่าละทิ้งความรับผิดชอบ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
chill
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 22 ก.พ. 2008
ตอบ: 85

ตอบตอบเมื่อ: 08 พ.ค.2008, 4:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อภัยทาน หยุดจองเวร
อโหสิ..

ขอให้เจริญในธรรมค่ะ
อนุโมทนาด้วยค่ะ
สาธุ
 

_________________
มีชีวิตอยู่เพื่อทำความดี..
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 10 พ.ค.2008, 3:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อภัยทาน มหาทานที่ยิ่งใหญ่
ยกระดับจิตใจของผู้ให้...ให้สูงส่งขึ้น


สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยนะคะคุณลูกโป่ง สาธุ ยิ้มเห็นฟัน สู้ สู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2008, 8:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คนส่วนมากเผชิญกับเหตุการณ์ใหญ่ๆ อย่างกล้าหาญได้
แต่กลับขาดความอดทนต่อสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
******************************************************

“ความเข้าใจเป็นมูลฐานแห่งการให้อภัย” นั้น
ยังเป็นความจริงอยู่เสมอ
เมื่อเข้าใจแล้วก็ให้อภัย
เห็นว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นเอง



ให้อภัย ให้อภัย ให้อภัย เขตอภัยทานจ้า สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง