Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
คำเตือนของนกพิราบ (ธรรมสภา)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305
ตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2004, 1:53 pm
คำเตือนของนกพิราบ
นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา
คราวหนึ่ง พวกชาวเมืองพาราณสี เกิดใจบุญต้องการจะสงเคราะห์นกทั้งหลายให้อยู่สบาย จึงพากันแขวนกระเช้าแกลบไว้ตามบ้าน แล้วปล่อยให้นกทั้งหลายเข้ามาอยู่อาศัย
ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นนกพิราบ อาศัยอยู่ในกระเช้าแกลบที่บ้านของเศรษฐีชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่ง
เช้าตรู่นกพิราบก็จะออกจากรัง (กระเช้าแกลบ) ไปหากินไกล ตกเย็นจึงค่อยกลับมาเข้ารัง โดยไม่ยอมแตะต้องของกินในบ้านเศรษฐีเลย เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเศรษฐีมากเกินไป
คนในบ้านของเศรษฐีเห็นพฤติกรรมของนกพิราบแล้ว นึกนิยมในการรู้จักประมาณของเขา พ่อครัวมักเล่าถึงพฤติกรรมของนกพิราบนั้นให้เศรษฐีฟังเสมอ
ดีจังครับนาย นกพิราบตัวนี้ไม่เคยรบกวนอะไรให้เสียหายเลย เช้าก็ออกไปหากินแต่มืด ตกเย็นจึงกลับเข้ารัง
อยู่มาวันหนึ่ง มีกาตัวหนึ่ง บินมาที่บ้านเศรษฐี ขณะนั้นพ่อครัวกำลังต้มส้มปลาอยู่ กลิ่นหอมฉุยโชยไปเข้าจมูกกา กลิ่นปลาต้มนี่หอมน่ากิน กาคิดขณะกลิ่นปลาโชยมาเข้าจมูก ทำยังไงเราจึงจะได้กินปลาให้หายอยาก
กานั่งคิดหาทางจะกินเนื้อปลาอยู่ใกล้ๆ โรงครัวนั้นเอง จนกระทั่งตกเย็นเห็นนกพิราบบินกลับมาเข้ารังในโรงครัว ก็คิดขึ้นได้ว่า
นกพิราบตัวนี้แหละจะช่วยให้เราได้กินเนื้อปลา
เช้าตรู่วันต่อมา กามารอเวลาที่นกพิราบจะบินออกไปหากิน ครั้นถึงเวลาที่นกพิราบบินออกไปหากิน กาก็บินตามไปติดๆ จนทำให้นกพิราบสงสัย
สหาย ทำไมวันนี้จึงบินตามข้าพเจ้ามาเล่า นกพิราบถามด้วยความสงสัย
นายจ๋า กาทำเสียงอ่อนเสียงหวานเพื่อตีสนิท ข้าพเจ้าบินตามท่านมาก็เพราะชอบใจกิริยาท่าทางของท่าน
ข้าพเจ้าไม่เห็นมีกิริยาท่าทางที่ดีอะไรเลย นกพิราบรู้สึกงง
มีซิจ๊ะนายจ๋า ท่านมีกิริยาท่าทางสุขุมเห็นแล้วสบายใจ ยิ่งเข้าใกล้ด้วยแล้วยิ่งสบายใจใหญ่ กาชม
ท่านชื่นชมตัวเรา แล้วท่านต้องการอะไรจากข้าพเจ้า นกพิราบถามตรงๆ
ไม่ต้องการอะไรเลยนาย นอกจากได้อยู่ใกล้ชิดท่านและได้รับใช้ท่าน กายังคงทำเสียงอ่อนเสียงหวานเช่นเดิม
ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ นกพิราบจนปัญญาจะปฏิเสธ แต่ข้าพเจ้าขอเตือนหน่อย ท่านต้องไม่ประมาทนะ
ได้จ้ะนาย การีบรับคำพร้อมทั้งนึกกระหยิ่มอยู่ในใจว่า
บัดนี้แผนของเราสำเร็จขั้นหนึ่งแล้ว
นกพิราบเป็นสัตว์ถือศีลจะกินแต่หญ้าและพืชผักเท่านั้น ส่วนกาเที่ยวหากินแต่สัตว์มีชีวิต ดังนั้น เวลาที่นกพิราบหากิน กาก็เที่ยวจิกกินสัตว์เล็กๆ ตามก้อนขี้วัวจนอิ่มแล้วจึงมาหานกพิราบ
นายจ๋า... เย็นแล้วนะ เมื่อไรจะกลับรังเสียทีเล่า กินมากไปไม่ดีนะ กาทำท่าเตือนด้วยความหวังดี
ท่านอิ่มแล้วหรือ นกพิราบถามด้วยความเป็นห่วง
ข้าพเจ้าไม่กินถึงอิ่มหรอก กาเล่นสำนวน
นกพิราบคอยกาอยู่เพื่อจะพากลับรัง และตั้งใจว่าจะพาบินกลับทันทีเมื่อกามาถึง
เอาเถอะนะอย่ามามัวพูดมากอยู่เลย เรากลับกันดีกว่า นกพิราบตัดบท พลางบินนำกากลับรังที่โรงครัวบ้านเศรษฐี ฝ่ายกาบินตามมาพลางก็คิดภูมิใจในความฉลาดของตน และบางครั้งก็คิดดูถูกนกพิราบเสียด้วยซ้ำ
นกพิราบพากาบินลัดฟ้ามาครู่ใหญ่ก็ถึงบ้านเศรษฐีการี ไปที่ครัวเพื่อสำรวจหากลิ่นปลาซึ่งยังคงโชยกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ หลังจากหยุดพักเหนื่อยแล้วพาเข้าไปพักในรังด้วยกัน
เบียดกันหน่อยนะ นกพิราบพูดด้วยความเกรงใจ
ไม่เป็นไรหรอกนายจ๋า กายังคงส่งเสียงหวาน คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก
พ่อครัวเห็นนกพิราบพากามาอาศัยอยู่ด้วย ก็นำตะกร้าใส่แกลบอีกใบหนึ่งมาวางไว้ใกล้ๆ เพื่อให้กาได้อาศัยอยู่ ขอบคุณท่านมาก นกพิราบกล่าวกับพ่อครัว แล้วบอกให้กามาอยู่ที่รังใหม่นั้นเพื่อจะได้อยู่อย่างสบาย
เศรษฐีได้ทราบข่าวแล้วดีใจมาก ที่บ้านของตนได้เป็นที่พักพิงของนก
ดูแลให้ดีๆ ด้วยนะ เขาบอกพ่อครัวด้วยน้ำเสียงแสดงความเมตตา
ที่บ้านเศรษฐีมีคนนำปลามาให้ไม่ขาด ปลาที่คนนำมาให้นั้นมีทั้งปลาแห้งปลาสด พ่อครัวก็นำไปแขวนตากไว้ตามที่ต่างๆ ในโรงครัว วันหนึ่ง กามาเห็นเข้าชักเปรี้ยวปาก นึกอยากกินขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อก่อนได้แต่กลิ่น แต่ไม่เคยเห็นตัวปลา แต่วันนี้ได้เห็นแล้ว แหมเนื้อแดงสดน่ากินจัง กาคิดพลางกลืนน้ำลายพลาง ทำยังไงถึงจะได้กินหนอ
กาเก็บเรื่องนี้ไปนอนคิดอยู่ทั้งคืน ในที่สุดก็คิดแผนออก ครั้นรุ่งเช้าจึงแกล้งนอนซมทำทีไม่สบาย
สหาย ได้เวลาหากินแล้ว ไปกันเถอะ นกพิราบมาเรียกที่รัง
นายจ๋า นายไปผู้เดียวเถอะ กาทำเสียงโอดครวญ วันนี้ข้าพเจ้าท้องเสียออกไปหากินกับท่านไม่ได้แน่
นกพิราบรู้ดีว่าพวกกาไม่เคยเป็นโรคท้องเสีย กินอิ่มแล้วหิวเร็ว ดังนั้นจึงทำให้เข้าใจว่ากาคงมีมายาเพราะต้องการจะกินปลา สหาย ท่านอยากกินเนื้อปลาใช่ไหม นกพิราบถามตรงๆ ระวังนะอันตรายจะมาถึงตัว อย่าไปกินปลาของเศรษฐีเลย
นายจ๋า ข้าพเจ้าไปไม่ได้หรอก ท่านไปผู้เดียวเถอะ กาทำทีท่าไม่รู้เรื่อง และตะโกนเสียงอ่อยออกมา
นกพิราบจึงไม่ชักชวนกาอีก แต่ก่อนบินออกจากรังไปหากิน ก็ได้หันมากล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง
สหาย อย่าประมาทนะ ความโลภอาจทำให้ระทมทุกข์
กาหาได้ใส่ใจถึงคำเตือนของนกพิราบไม่ เช้าวันนั้นพ่อครัวต้มปลาหม้อใหญ่ พอเดือดก็แง้มฝาหม้อไว้นิดหน่อยให้ไอออก กลิ่นต้มปลาหอมโชยมาเข้าจมูกกาอีก จึงค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากกระเช้าแล้วมองมาในครัว
ไม่มีใครอยู่ เป็นทีของข้าละคราวนี้ กากระหยิ่มใจพลางบินรี่เข้ามาในครัว
ในขณะนั้น พ่อครัวออกไปยืนเช็ดเหงื่ออยู่ข้างนอก กาค่อยๆ ย่อง แล้วกระโดดขึ้นจับบนหม้ออีกใบหนึ่งที่ใส่ปลาอยู่ แต่บังเอิญพลาดไปถูกฝาหม้อหล่นเสียงดังโครม พ่อครัวได้ยินเสียงย่องมาดูก็เห็นกายืนก๋าอยู่บนปากหม้อ
ชะ... ชะ... ไอ้กา ตะกละไม่เข้าเรื่อง พ่อครัวด่าด้วยความโกรธจัด แล้วรีบปิดประตูครัวเข้าไปไล่จับกา
ครั้นจับกาได้แล้ว พ่อครัวก็ระบายความโกรธด้วยการถอนขนจนเกลี้ยง แล้วเอาเครื่องเทศ อาทิ ขิง พริก ที่เตรียมไว้ปรุงอาหารคลุกกับน้ำเปรียงเปรี้ยวไปทากาจนทั่วตัว แล้วเหวี่ยงลงไปในกระเช้าตามเดิม กานอนดิ้นอยู่ในกระเช้าเพราะได้รับความทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัส ตกเย็นนกพิราบกลับมาเห็นกามีอาการทรมานเช่นนั้นก็ทราบได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ก็คิดอยู่ในใจว่า
ความโลภแท้ๆ ทำให้กาไม่เชื่อเรา จึงต้องมาทุกข์ทรมานอย่างใหญ่หลวง
จากนั้นจึงได้พูดขึ้นว่า ผู้ใดมีคนปรารถนาดีมาคอยแนะนำพร่ำเตือน แต่กลับไม่ยอมเชื่อฟัง ผู้นั้นย่อมเกิดความฉิบหายได้ เหมือนกาไม่เชื่อนกพิราบ
นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าความโลภทำให้หูหนวกตาบอดได้ จนไม่ยอมเชื่อคำตักเตือนของผู้ที่หวังดี แล้วมารู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อได้รับทุกข์อย่างใหญ่หลวงเสียแล้ว เช่นเดียวกับกาได้รับทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสก็เพราะความโลภโดยแท้
...................... เอวัง ......................
_________________
สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว
จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
ตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2006, 2:55 am
สา..............ธุ
แมวขาวมณี
บัวบาน
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2006, 5:14 am
suvitjak
บัวบาน
เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
ตอบเมื่อ: 06 มิ.ย.2008, 1:47 pm
สาธุ
_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th