Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 กินเจกับไม่กินเจ อย่างไหนดี อย่างไหนลำบากกว่ากัน อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
NikonNikon
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 ต.ค.2004, 4:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากทราบว่า กินเจ (มังสวิรัติ) กับ กินธรรมดา อย่างไหนอยู่ลำบากกว่ากันครับ มีหลายคนเคยถกกันมามากแล้วแต่หาข้อยุติไม่ได้เพราะต่างคนต่างก็มีเหตุผล แม้แต่พระยังให้คำตอบไม่ได้เลยครับ
 
อาจาโร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 ต.ค.2004, 11:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงบัญญัติห้ามสงฆ์สาวกของพระองค์ท่านไม่อนุญาตให้ฉันเนื้อ ๑๐ อย่างเท่านั้น การเป็นพระสงฆ์ ต้องเป็นผู้เลี้ยงง่าย เพราะสงฆ์ อยู่ได้ด้วยศรัทธาชาวบ้าน ไปอยู่อีสาน ชาวบ้านกินข้าวเหนียว กินปลาร้า พระก็ฉันข้าวเหนียว ปลาร้า ดูอย่างชาวต่างชาติที่เข้ามาบวชกับหลวงพ่อชาเป็นตัวอย่าง ไปอยู่ภาคใต้ ชาวบ้านกินแกงไตปลา แกล้มผักสด พระก็ฉันแกงไตปลา ผักสด ผมว่าพระบรมศาสดาของพวกเรามองไกลถึงห้าพันปีเลย และทุกภาคเราก็มีพระอริยสงฆ์เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ท่านก็ทานอาหารเหมือนชาวบ้านกินกันนั่นแหละ ไม่เห็นจะต้องงดนั่น งดนี่ มันสำคัญที่ใจ สำคัญที่การปฏิบัติ

ท่านทานมังสวิรัติ แต่ปรุงแต่งอาหารเหมือนปกติ แสดงว่าท่านยังติดในรส ทำใจไม่ได้ หากคิดว่าการทานมังสวิรัติ เพื่อสุขภาพ ไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น ก็ยินดีด้วย แต่หากคิดว่าการทานมังสวิรัติ เป็นความวิเศษเหนือคนอื่น หรือคิดว่าทำให้สำเร็จเป็นนั่นเป็นนี่ ผิดครับ

ในฐานะคฤหัสถ์คือผู้ครองเรือน ก็จงประพฤติตนอย่างคฤหัสถ์ มีความพอดีในการดำรงชีวิต มี สติสัมปชัญญะ หิริโอตตัปปะ ขันติโสรัจจะ แล้วก็ทานอาหารตามปกติ ไม่ต้องไปทรมานตนเอง ก็เจริญในธรรมได้
 
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 02 ต.ค.2004, 9:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธองค์สอนไม่ให้ยึดติดนะครับ แม้กระทั่งอาหาร ท่านก็ไม่ได้สำคัญ ว่าเป็นนั่นเป็นนี้ ท่านให้มองอาหารเหมือนกับเป็นยาที่ประทังร่างกายให้คงอยู่ได้เท่านั้นครับ ท่านไม่ให้กินเพื่อความอร่อย เพื่อความเพลินเพลิน เพราะว่าพระสงฆ์ท่านอยู่ได้ด้วยอาหารที่ชาวบ้านนำมาถวาย ถ้าไปกำหนดนั่น กำหนดนี้ ถ้าชาวบ้านเขาไม่ได้กินเจด้วยก็จะลำบากชาวบ้านเขา คือ เขาต้องไปทำอีกเฉพาะต่างหาก พระพุทธองค์ก็เคยโดนพระเทวทัตขอให้ บัญญัติให้พระสงฆ์กินเจ แต่พระพุทธองค์ก็ไม่อนุญาต

เพราะฉะนั้นกินเจอ่ะ ลำบากกว่ากินธรรมดาแน่นอน ที่สำคัญคือ ท่านสอนไม่ให้ยึดติดครับ ซึ้ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ninja2000
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ต.ค.2004, 2:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กินเจก็ดีครับ ไม่เบียดเบียนสัตว์

แต่ประเภทกินเจ แล้วประดิษฐ์ประดอยให้เหมือนปลา เป็นรูปสัตว์ต่างๆ

ทำแบบนั้น ผมว่า ยังอยากกินเนื้อสัตว์อยู่ดี เลยทำให้เหมือนเนื้อสัตว์

ทำง่ายๆ เอาผักตามธรรมชาติ มาปรุงน่าจะดีกว่า

 
Mr.Gren
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2004, 9:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กิเลส มันอยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่การกิน ถ้ากินผัก กินหญ้าแล้วประเสริฐกว่าคนอื่น วัวควายมันก็คงจะดีกว่าเรา เพราะมันกินมาตั้งแต่เกิด
 
Holy@Priest
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 13 ต.ค. 2004
ตอบ: 4

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2004, 10:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การกินเจนั้นเป็นการยึดถือปฏิบัติของทางฝ่ายมหายานน่ะครับ

เป็นกุศโลบายเพื่อที่จะให้คนนั้นรู้จักการละเลิกเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นน่ะครับ

แต่ละที่แต่ละเขตแดนก็ล้วนแต่มีวิธีการสอนที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เหมือนกันบ้างน่ะครับ

เราจะมายึดแค่ว่าแบบนั้นถูกแบบนี้ไม่ถูกคงไปพูดไม่ได้ครับ

เอาเป็นว่าควรพิจารณาให้ถ่องแท้ว่าจุดประสงค์คืออะไร ทำแล้วไม่เบียดเบียนหรือสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นและให้ตัวเราเอง ก็ทำไปเถอะครับ

อย่างน้อยๆ การกินเจก็ทำให้เราปฏิบัติรักษาศีลได้ทางหนึ่งครับ

ส่วนรูปรสกลิ่นเสียงนั้น จะให้ละกันจริงๆ ก็คงต้องปฏิบัติให้มากกว่านี้ครับ
พูดง่ายๆ คนทั่วไปทำได้แค่นี้ก็ทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นเยอะแล้วครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
อิทธิกร
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 28 ส.ค. 2008
ตอบ: 137
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 3:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก็ดีนะ กินเจ
 

_________________
ชีวิตที่รู้
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 1:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้ามังสวิรัต หรือ ชีวจิต จะสะดวกกว่ากินเจ หน่อย ไม่บีบตัวเองจนเกินไป
เจริญในธรรมจ้า แต่ทุกอย่างก็เบียดเบียนสัตว์น้อยลง สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 8:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีทั้งนั้นล่ะครับ ถ้ายังมีกินอยู่ ..... ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน

ถามว่ากินแบบไหนอยู่ลำบากกว่ากัน?

ก็ตอบได้ว่า ลำบากเท่าๆกันครับ เพราะต้องเคี้ยวเหมือนกัน ต้องย่อยเหมือนกัน ต้องได้รับรสชาติเหมือนกัน และจบด้วยการถ่ายออกเหมือนกันครับ สุดท้ายก็เหมือนไม่ได้กินเหมือนๆกันครับ.... สาธุ สาธุ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 9:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก็จะให้เหตุผลดังนี้ แล้วก็พิจารณา
ตัวที่จะกินเจ คือ ตัวสีลพตรปรามาส ให้ระวัง คือ เชื่อว่าทำแล้วดี เชื่อว่ากินแล้วจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หรือ เลิกแล้วจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อุปทานพาไปทั้งสิ้น

ก็จะให้เหตุผลดังต่อไปนี้

การกินเจ สร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง คือ
1 ไปที่ไหนก็ไม่ค่อยมีกิน ทำให้เกิดความลำบากต่อตนเอง
2 เมื่อไปกับหมู่คณะ ก็ทำให้เกิดความลำบากต่อหมู่คณะ
3 ทำให้สุขภาพ ได้รับอาหารไม่ครบถ้วน
4 กิเลสอยุ่ที่ใจไม่ใช่อาหาร และการทำความดี ฝืนต่อกิเลส มีมากมาย ทำไมต้องไปยุ่งเกี่ยวกับอาหารที่ โลกเขามีอย่างไรให้กินก็ควรกินไปตามสังคมหมู่มาก แล้ว ขัดเกลากิเลสที่ใจตน อันมีอยู่มากมาย

ข้อนี้ เทวทัตเคยเสนอ พระพุทธองค์แล้วว่า พระพุทธองค์โปรดห้ามภิกษุฉันเนื้อสัตว์เถิด พระพุทธองค์กล่าวว่า อย่าเลยเทวทัต พระภิกษุต้องเลี้ยงปากท้องโดยชาวบ้าน การกระทำอย่างนั้นจะทำให้ชาวบ้านลำบาก

อีกประการหนึ่งคือ หลวงปู่ดูลย์ ได้กล่าวไว้ว่า หากกินแต่พืชแล้วดี ป่านนี้วัวควายบรรลุธรรมกันหมดแล้ว

หากิเลส และฝืนนิสัย ข้อประพฤติ ความคิดที่ไม่ดี นั้นแหละ ไปถือสัจจะตรงนั้นเสียจะดีกว่า การมาถือสัจจะที่อาหาร อันไม่เกี่ยวข้องกับการละกิเลส
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ratchadapa
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 05 ม.ค. 2008
ตอบ: 84
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพมหานคร

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 10:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หลวงพ่อปราโมทย์กล่าวว่า ถ้ากินเจแล้วถูกกับธาตุขันธ์ของเราก็กินได้

แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการภาวนา ไม่งั้นวัวควายบรรลุหมดแล้ว

เรากินเนื้อสัตว์นั้นคือเรากินวัตถุธาตุเข้าไปเลี้ยงร่างกาย เราไม่ได้คิด

อยากกินสัตว์ ถ้าเห็นสัตว์แล้วอยากกินไปชี้ให้เขาเชือดมาให้เรากิน

อย่างนี้บาป ถ้ากินเนื้อสัตว์ในแง่ที่เป็นความจำเป็นให้ธาตุขันธ์ดำรงอยู่

ไม่ได้ลงมือฆ่า มีจิตคิดจะฆ่า หรือรังเกียจในเนื้อสัตว์นั้นว่าเขาฆ่ามาเพื่อเรา

อย่างนี้ไม่บาป
 

_________________
พวกเธอจงยินดีในความไม่ประมาท
จงระมัดระวังจิตของตน
จงถอนตนออกจากหล่มกิเลส
เหมือนพญาช้างติดหล่ม
พยายามช่วยตัวเอง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 10:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อันนี้ ผมจะพูดสิ่งที่ผมไม่ทานให้ฟัง

ผมไม่เคย ไปกินร้านอาหารทะเลสด ที่ไปสั่งว่า เอากุ้งเผา เอาปลาเผา เพราะว่า เขาไปช้อนสัตว์ขึ้นสดๆ แล้วเอามาฆ่าให้เรากินเดี๋ยวนั้น แบบนี้อย่าไปกิน เพราะว่า เราเป็นคนไปสั่ง เขาก็ถูกฆ่าในขณะนั้นด้วยคำสั่งเรา

ผมไม่เคยกินหอยแครง ที่มันเป็นๆ แล้วเอาไปลวก หรือ สั่งกินหอยแครงลวก เพราะ มันก็ฆ่าเขาเป็นๆ

ผมไม่กิน ร้านหมูกระทะ ที่มีกุ้งเป็น ๆให้ช้อน แล้วจับลงบ่อน๊อค

ผมไม่เคยไปชี้ สั่งเขาทำปลา ในตลาด ที่เขาเอาปลาเป็นๆ มาตีหัว แล้วขอดเกล็ดให้เรา

นี่แบบนี้ คือ การไม่ไปยุ่งกับความเป็นความตายของสัตว์ ในการกินของเรา
นอกนั้น เขาฆ่ามาแล้ว เราก็กินได้ จะไปบอกว่าถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่า แบบนี้คิดเกินไป เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ จะไปบอกว่า แมวห้ามจับหนูมันเป็นไปไม่ได้ ครับ
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 08 ก.ย. 2008, 7:52 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาบุญกับท่านขันธ์ ด้วยนะจ๊ะ ที่คิดได้อย่างนี้
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง