Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สัญชาติญานความรักของแม่ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 19 มิ.ย.2006, 1:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

>ลองอ่านเรื่องจริงผ่านจอคอมกัน
> อาจยาวสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับที่อ่าน
>
> ตึกเซนต์หลุยส์มารี โรงเรียนอัสสัมชัญ
> แผนกประถม ราวกลางปี พ.ศ.2539
>
> "มิสคะ ช่วงพักเที่ยงจะมีผู้ปกครองมารอพบ
> สองท่านที่หน้าห้อง รับรองค่ะ"
>
> โทรศัพท์แจ้งจากห้องประชาสัมพันธ์ทำให้
> มิสอุไรพร นาคะเสถียร ครูสาวประจำระดับ
> ชั้นป.4 รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะจำได้ว่า
> มีการโทรนัดหมายจะมาพบจากคุณแม่ท่าน
> หนึ่งเพียงท่านเดียวในวันนี้
>
> "เอ...ใครล่ะนี่ จะมีเรื่องอะไรรึเปล่านะ"
>
> เมื่อมิสอุไรพรเดินมาถึงหน้าห้องประชาสัมพันธ์
> ครูสาวก็แทบยกมือรับไหว้จากสุภาพสตรีทั้งสอง
> ท่านแทบไม่ทัน
>
> รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือไหว้
> แต่เพียงแขนข้างเดียว
>
> อย่างไรก็ตามมิสได้เชิญคุณแม่ท่านแรก
> เข้าไปคุยก่อนตามลำดับการนัดโดยเก็บงำ
> ความแปลกใจไว้
>
> หลังจากคุยกับคุณแม่ท่านแรกเสร็จ
> มิสจึงเชิญคุณแม่ อีกท่านเข้ามาคุย
> ในห้องรับรอง
>
> ภาพแรกที่ได้เห็นชัดๆทำให้ครูสาวตกใจเล็กน้อย
> เพราะ แขนซ้ายของคุณแม่เป็นแขนเทียม
>
> คุณแม่มาปรึกษาเรื่อง การเรียนของลูก
> เพราะไม่ได้มาในวันนัดพบผู้ปกครองประจำปี
> เมื่อต้นปีการศึกษาที่ผ่านมา
>
> "ลูกเขาไม่อยากให้มา เขาว่าเขาอายที่แม่ใส่
> แขนเทียม กลัวโดนเพื่อนล้อ แม่มาทีเพื่อนก็
> ล้อกันประจำว่าแม่แขนเดียว แม่เธอเป็น
> หุ่นยนต์เหรอ อะไรนี่น่ะค่ะ เลยไม่ได้มา"
>
> น้ำเสียงของคุณแม่แฝงแววเอ็นดูมากกว่าที่จะ
> โกรธหรือไม่พอใจ
>
> มิสอุไรพรขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับสาเหตุ
> ที่คุณแม่ต้องใส่แขนเทียม
>
> เมื่อได้ทราบความจริงทั้งหมดครูสาวก็ตัดสินใจ
> แน่วแน่ว่าจะต้องจัดการเรื่องที่ลูก
> ไม่ยอมรับและไม่เข้าใจแม่นี้โดยเร็ว
>
> หากปล่อยเรื่องนี้ไป...ก็จะเป็นบาปอันหนักยิ่ง
> ติดตัวเด็กไปในภายหน้า
> ทั้งตัวลูกชายและคนที่ล้อเพื่อนด้วย
>
> ช่วงเย็นวันนั้นมีชั่วโมงลูกเสือแต่ฝนตกหนัก
> มิสอุไรพรจึงได้โอกาสนำเรื่องนี้มาเล่าให้
> นักเรียนฟังในห้องเรียน
>
> เรื่องราวที่ว่านั้น มีดังต่อไปนี้
>
> วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2536
> หลังวันแม่เพียงไม่กี่วัน...ครอบครัวหนึ่งได้
> เดินทางไปเที่ยวนากุ้งที่จังหวัดสตูล
>
> ครอบครัวนี้ประกอบด้วยคุณพ่อ คุณแม่
> และลูกชายอีกสามคนพวกเขาเดินชมนากุ้ง
> ไปตามทางเดินซึ่งเป็นคันดิน
> ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ
> โดยคุณพ่อเดินนำหน้ากับลูกชายคนโตสองคน
> ส่วนคุณแม่เดินตามหลังมากับลูกชายคนเล็ก
>
> ทางเดินที่เป็นคันดินนั้นมีการแบ่งเป็นท้องร่องเพื่อ
> ติดตั้งระหัดวิดน้ำ ซึ่งมีใบพัดทำจากเหล็ก
> สูงจากคันดินราว 25ซม คุณพ่อและลูกคนโต
> สองคนก็ข้ามท้องร่องแล้วเดินนำต่อไปข้างหน้า
>
> ไม่มีใครฉุกใจคิดระวังถึงเหตุร้าย
> แต่แล้วลูกชายคนเล็กกลับก้าวพลาดล้มลงไป
> ในท้องร่อง
> ขากางเกงเข้าไปติดกับร่องของระหัดวิดน้ำที่
> กำลังหมุนอยู่ และฉุดขาของลูกทั้งสองข้าง
> เข้าไปในใบพัดเหล็ก
>
> "ถ้าเป็นพวกคุณ น้องตกลงไปอย่างนี้
> คุณจะทำอย่างไร"
>
> มิสหยุดเรื่องไว้ก่อนเพื่อซักถาม
> มองหน้าเด็กนักเรียนทั้งห้องที่นั่งเงียบกริบ
> หน้าซีด โดยเฉพาะ
> "ลูกชาย" ของคุณแม่ท่านนั้น
>
> "ทุกคนตกตะลึงใช่มั้ย คิดไม่ทันใช่มั้ย
> แต่นักเรียนรู้มั้ยว่าคุณแม่ท่านตัดสินใจ
> ทำอย่างไร"
>
> คุณแม่ไม่ยอม เสียเวลาคิดอะไรเลย
> ท่านรีบยึดดึงตัวลูกเอาไว้แล้วเอาแขนซ้าย
> ที่ว่างอยู่เข้าไปขวางใบพัดเหล็กไว้ก่อน...
>
> ใบพัดจึงหมุนเอาแขนของคุณแม่เข้าไป...
> คนงานที่เห็นเหตุการณ์รีบปิดเครื่องทันที
> แต่แรงเฉื่อยทำให้ใบพัด ยังหมุนต่อ
> ด้วยกำลังแรง...แรง.....แรงจน
> กระชากแขนซ้ายของคุณแม่ขาดสะบั้นลง!
>
> คุณแม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน
> แสนสาหัสสติสัมปชัญญะดับวูบลงในทันที
> ท้องร่องทั่วบริเวณแดงฉาน
> ไปด้วยเลือด...เลือดของแม่...
>
> ใบพัดเหล็กยังหมุนต่อไปอีกเล็กน้อย
> และบดเอาขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็ก
> จนกระดูกหัก...แต่ไม่ขาด
>
> เหตุที่ขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็ก
> ไม่ขาด...เพราะแขนซ้ายของแม่ขาดแทน...
> ไม่ขาด...เพราะแม้จะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ
> มือขวาของคุณแม่ ก็ยังยึดตัวลูกเอาไว้แน่น...
> ไม่ยอมปล่อย...
>
> คุณพ่อและลูกคนโตทั้งสองคนหันกลับมามอง
> ตามเสียงตะโกนเอะอะโวยวายของคนงาน
> พร้อมๆกับเสียงกรีดร้อง ของคุณแม่
>
> ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาช็อกจนแทบสิ้นสติ!
> คุณพ่อกระโจนพรวดเดียวถึงตัวคุณแม่และลูกน้อย
> แต่...มันสายเกินไปแล้ว!
> สิ่งเดียวที่ทำได้คือ
> รีบพาสองแม่ลูกส่งโรงพยาบาลทันที
>
> ผลของการรักษาคือ......คุณแม่.....ต้องใส่
> แขนเทียมแทนแขนซ้ายที่ขาดไป
> ส่วนลูกคนเล็กที่ขาหักต้องอยู่โรงพยาบาลนาน
> ราวสามเดือนจึงสามารถเดินเหินได้เป็นปกติ
>
> มิสอุไรพร...กวาดสายตามองไปรอบๆห้องแล้ว
> ถามขึ้นอีกว่า
>
> "นักเรียนคิดว่าคุณแม่ท่านนี้กล้าหาญมั้ยคะ"
>
> "กล้าหาญมาก"
> เด็กๆพากันตอบเป็นเสียงเดียวกันพลางพยักหน้า
> หลายๆคนยังหน้าซีดเซียวเมื่อนึกถึง
> ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปตามที่ครูเล่า
>
> มิสอุไร มองหน้า "ลูกชาย" ของคุณแม่แล้ว
> บอกต่อว่า
>
> "นักเรียนทราบมั้ยว่าคุณแม่ท่านนี้เป็น
> คุณแม่ของเพื่อนเราในห้องนี้เองไหน"
>
> "ใครเป็นลูกของคุณแม่ท่านนี้ยืนขึ้น
> ให้เพื่อนเห็นหน่อยสิ"
>
> เด็กนักเรียนคนนั้นยืนขึ้นท่ามกลางเสียง
> ปรบมือของเพื่อนทั้งห้อง
>
> "วันนี้เมื่อเธอกลับไปบ้าน......มิสฝากเรียน
> คุณแม่ด้วยว่าพวกเราชื่นชมและยกย่องท่าน
> มากจริงมั้ยพวกเรา"
>
> "จริงครับๆ ใช่ครับๆ"
> เสียงเล็กๆตอบมาเป็นทางเดียวกัน
>
> "มิสได้ทราบมาว่ามีหลายๆคนไปล้อเลียนเพื่อน
> ไหนคนไหนบ้างคะที่เคยล้อคุณแม่เขา
> ถ้ามีเราเป็นลูกผู้ชายต้องกล้ารับค่ะ"
>
> มีนักเรียน 3-4 คนยืนขึ้น
> สีหน้าของ แต่ละคนซีดเซียวอย่างสำนึกผิด
>
> มิสอุไรพรมองหน้าของเด็กกลุ่มนี้อย่างอ่อนโยน
> และถามว่า
> "ดีมากนักเรียน ตอนนี้เธอ คงอยาก
> พูดอะไรกับเพื่อนใช่มั้ยคะ"
>
> เด็กชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปโอบกอดคอแล้ว
> กล่าวขอโทษเพื่อนด้วยความจริงใจ
>
> ครูสาวน้ำตาคลอ
> ยืนมองภาพนั้นด้วยความปลาบปลื้มยินดี
> มิสอุไร หนักใจอยู่เหมือนกันว่าหากถามขึ้นมาแล้ว
> ไม่ มีใครยอมรับว่าเคยล้อเพื่อน...จะทำอย่างไร?
>
> เธอไม่เคยผิดหวังในตัวนักเรียนอัสสัมชัญ
> และจนถึงเวลานี้ก็ยังคงไม่ผิดหวัง
> ใครเล่า...จะเข้าใจความเจ็บช้ำ
> ขมขื่นในหัวใจเล็กๆของเด็กชายคนหนึ่งที่
> ถูกเพื่อนล้อเลียนประสาเด็กโดยไม่ทันคิด
>
> หากบัดนี้...ความรักของแม่และน้ำใจของเพื่อน
> ได้สลายปมด้อยในใจของเด็กคนนี้ลง
> จนสิ้นแล้ว เหลือเพียง
>
> "ความรักและภาคภูมิใจในตัวคุณแม่เท่านั้น"
>
> เมื่อหมดชั่วโมงเรียน มิสอุไรพรได้เรียกตัว
> "ลูกชาย" เข้าไปคุยอีกครั้ง
>
> "วันนี้เรามีอะไรในใจที่คิดว่าควรพูด
> กับคุณแม่มั้ยคะ"
>
> เด็กคนนั้นนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ
> เสียงสั่นปนสะอื้นไห้ว่า
> "ผม...ผมจะไปขอโทษคุณแม่
> แล้ว...แล้วบอกคุณแม่ว่า
>
> "ผมรักคุณแม่ที่สุดในโลกเลยครับ"
>
> รู้มั้ยน้ำนมหยดหนึ่งซึ่งไหลมา
> ต้องใช้น้ำตาหยาดเหงื่อสักเท่าไหร่
>
> บอกแม่เถอะนะ บอกทุกวันว่า
>
> "รักท่านมากมาย"
>
> กอดแม่เถอะนะ ให้คุ้นเคย กอดเลยไม่ต้องอาย
> ก่อนไม่มีแม่ให้กอด... (เพลงก่อนไม่มีแม่ให้กอด)
>
> คุยกับผู้เขียน
>
> เรื่องราวนี้ถ่ายทอดจากบทความหนึ่งของ
> อัสสัมชัญสาส์นฉบับเดือนสิงหาคม
> พ.ศ.2540 ซึ่งเขียนโดย
> มิสอุไรพร นาคะเสถียร
>
> เป็นเรื่องจริงของครอบครัวหนึ่งที่มิสอุไร
> บังเอิญทราบมาจากการได้พบคุณแม่
> ตามที่เล่าไว้
>
>
>.......................................................
>
> ใครรักแม่...อ่านจบแล้ว...อย่าลืมไปกอดแม่นะครับ
> กอดแน่นๆ หอมแก้มซ้ายแก้มขวา
> หอมแล้วหอมอีก
> หอมหลาย ๆ ที...รักมากแค่ไหนหอมเข้าไปแค่นั้น
>
> พี่ๆ น้องๆ......
> วันนี้คุณทำอะไรให้แม่ ให้เหมาะสมกับที่
> "แม่รักคุณหรือยังครับ..........".


คัดลอกจาก...E-Mail ของคุณสุรีย์

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
I am
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 มิ.ย.2006, 4:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แม่.. ครู และเพื่อน

คุณแม่หนาหนักเพี้ยงพสุธา
คุณบิดาดุจอากาศกว้าง
คุณพี่พ้างศิขราเมรุมาศ
คุณพระอาจารย์อ้างอาจสู้สาคร


สาธุครับ ...
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง