Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เพราะโง่ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
โต้ง ภูตะนาวฯ ( ลานเทวา)
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 เม.ย.2006, 7:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สรรพธรรม นำชี้ วิถีชอบ
อันใดมอบ แทนย้ำ ในคำสอน
ยังแต่ความ ทุกข์เข็ญ ป็นบทตอน
ให้อาวรณ์ อาลัย จดใจจำ

เพราะชีวิต คิดวาด ปรารถนา
แสวงหา สิ่งลวง ถ่วงถลำ
เป็นบทเรียน เขียนใจ แต่ไม่จำ
กี่เวรกรรม ส่งผล ไม่สนใจ

เพราะไม่เคย น้อมนำ มาย้ำคิด
เพราะชีวิต พลั้งเลว จนเหลวใหล
เพราะหลงเมา ความชั่ว ตัวแพ้ใจ
เพราะโง่ไป ตามฝัน ไร้ปัญญา

โง่ที่หลง ยึดติด ผิดคำพระ
โง่ที่ละ ไม่ขาด ในปรารถนา
โง่ที่หลง งมงาย วุ่นวายพา
โง่ที่มา อวดเด่น เห็นแก่ตัว
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 11 เม.ย.2006, 9:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปรารถนาสิ่งใดไม่ไร้อยาก
ธรรมชาติของมนุษย์สุดสุดขั้ว
ล้วนอยากดี อยากเด่น อยากดังรัว
ต่างเกลือกกลั้วดีเลวเหลวเหมือนกัน

ถามใครบ้างไม่เคยเดินหลงผิด
ถามใครบ้างไม่ติดคิดสั้นสั้น
ถามใครบ้างไม่ฟุ้งมุ่งปรุงกัน
ถามใครบ้างดีตลอดยอดมนุษย์


ธรรมะสวัสดี
มณี ปัทมะ ตารา
พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
^^^
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2006, 3:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
seven11
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 ก.ย. 2006, 10:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เพราะโง่เขลาเบาซื่อก่อนจึ่งฉลาด
เป็นสิ่งที่ไม่ขาดออกจากกัน
ปัญญาเกิดก็เพราะเราใช้มัน
เป็นรางวัลแห่งความโง น่าชื่นชม


ทุกข์นี้หนาเกิดมากับชีวิต
เหมือนมันติดตามมาแต่ชาติก่อน
ไม่มีทุกข์ไม่ได้พ้นทุกข์แน่นอน
ชั่วนิรันดรยังคงเวียนว่ายไป


เพราะได้โง่มาเสริมเติมปัญญา
ใช้มาหาสิ่งผิดพลาดในอดีต
สืบหาเหตุความทุกข์แห่งชีวิต
นอบน้อมจิต ก้มลงกราบ ขอบพระคุณ


กราบขอบพระคุณครับ สาธุ
 
จริยา
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 05 เม.ย. 2007
ตอบ: 14
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 07 เม.ย.2007, 2:45 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เพราะไม่รู้ จึงผลาญกาลสมัย
เพราะไม่รู้จึงมุ่งไปตามยะถา
เพราะไม่รู้จึงเขลาเบาปัญญา
"อวิชชา" หัวเราะร่ามาช้านาน


เพราะไม่เคยสั่งสม"ธรรม"บารมี
เพราะไม่เคยมีผู้ชี้แนะให้
เพราะไม่เคยคิดแม้จะใส่ใจ
"อวิชชา"เติบใหญ่มาช้านาน


เพราะไม่เห็นความจริงในสิ่งหนึ่ง
เพราะไม่เห็นลึกซึ้งในคำสอน
เพราะไม่เห็นความทุกข์เป็นสิ่งร้อน
"อวิชชา" ปลิ้นปล้อนมาช้านาน


ฉันก็คือ "คนโง่" คนหนึ่งในบรรดามี.....ดังนี้...

โลกอาจกว้างใหญ่...แต่วิสัยทัศน์ของฉันแคบคับ...หัวเราะร่า กับฟูมฟาย... สุขกับทุกข์...รักกับชัง

ฉันให้ความหมายกับทวิธรรมเสมอมา ดังนั้นเมื่อฉันเกลียดการฟูมฟายเกลียดความทุกข์...ฉันจึงเตลิด วิ่งตามหาแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ...จากที่ต่างๆ จากบุคคลต่างๆ ซึ่งฉันคิดว่าสิ่งเหล่านั้นจะมาเติมเต็มความกลัวทุกข์ของฉันได้

แต่ทุกอย่างเป็นเพียงจินตนาการโง่ๆ ของคนๆ หนึ่ง...จินตนาการที่ไม่เคยปรากฏในความเป็นจริงของชีวิต...เสาะหาความสุขจากภายนอกมาเติมเต็มความพร่องของตนเอง....โอว..โง่กว่าฉันนั้นหายาก!

ดังนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันจึงเจ็บปวด บอบช้ำ ทุกข์และฟูมฟาย กับเหตุการณ์ กับบุคคล กับโลกทั้งโลก....หมุนไปๆ อยู่อย่างนั้น นานเนิ่นนาน

กระทั่งวันหนึ่ง.....ใครคนหนึ่งปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์...ตื่นจากโลกแห่งจินตนาการ...ตื่นจากโลกมายา....ฉันเรียกเขาผู้นั้นว่า "กัลยาณมิตร"

ผู้ที่เดินเข้ามาในชีวิตฉัน มอบทั้งสุขและทุกข์สาหัส ทุกข์ที่ทำให้ฉันต้องเลือกข้างระหว่างอารมณ์กับสติ ว่าฉันจะให้สิ่งใดนำทาง....

ฉันเริ่มเข้าใจ...ว่าสิ่งที่ฉันวิ่งไล่ไขว่คว้า...ค้นหามาแสนนานนั้น...ฉันค้นหาผิดที่ผิดทาง...ฉันจึงไม่เคยพบมัน เพราะสิ่งต่างๆ มิได้เกิดจากภายนอก มิได้อยู่ภายนอก มิได้อยู่กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งเลย...ทุกอย่างอยู่ภายในตัวฉันเองทั้งนั้น...ฮืม...คนโง่...

ฉันเริ่มออกเดินทาง ฉันไม่ต้องขึ้นรถ-ลงเรือ เพราะสถานที่แห่งนั้นมิได้อยู่ไกลนัก....แต่มันอยู่ใกล้แสนใกล้....มันอยู่ภายในตัวฉันเอง..."ใจ"

ฉันเริ่มถอยห่างจากสิ่งที่ฉันเคยให้ความสำคัญ....ฉันแค่ลองถอยออกมาจากความเย่อหยิ่งจองหองอวดดีของตัวเอง ถอยออกมาจากผู้คนและความคุ้นชินของตัวเอง วางใจไว้ตรงกลาง วางอุเบกขากับปัจจุบันขณะ...ทำตัวเป็นผู้ดู และเฝ้าดู....เฝ้าดูใจ ความคิดนึกแต่งปรุงอารมณ์ ดูความรู้สึกหรือเวทนาที่ตนเองมีต่อสภาวะต่างๆ....ฉันเฝ้าดูแค่อาการของตัวเอง...และทุกสรรพสิ่งก็สงัดเงียบลง ความสงบแห่งใจปรากฏขึ้น...ฉันเริ่มพิจารณา...และได้คำตอบที่ทำให้ภาพและความหมายของชีวิตกระจ่างชัดมากขึ้นๆ....

แม้ฉันจะยังโง่อยู่ แต่ทุกวันนี้ฉันก็ยังคงเดินทางต่อไปเรื่อยๆ.....ต๊อกแต๊กๆ เตรียมกาย-ใจสำหรับฉากใหม่ที่จะมาถึง

กราบขอบพระคุณกัลยาณมิตรผู้มาจุดประกายผู้นั้น

สาธุ

ธรรมะสวัสีค่ะคุณ โต้ง ภูตะนาว และทุกท่าน
จริยา
 

_________________
"...ท้ายสุด คือ สุดท้าย ลมหายใจแผ่ว ๆ เบา
รอวันเป็นถ่านเถ้า คืนสู่เหย้า..ประสมดิน... "
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวYahoo Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง