Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ความเอ๋ย...ความโลภ (เครือทอง)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ผู้ตั้ง
ข้อความ
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2006, 10:50 am
ความเอ๋ย...ความโลภ
โดย เครือทอง
จากหนังสือ เงากรรม เล่มที่ ๓๑
คนไทยเราทุกวันนี้มีแต่ความฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย คนไทยที่ว่านี้อยู่ในตัวเมืองที่เจริญเป็นส่วนใหญ่ คนจำพวกนี้มีแต่ความสนุกเป็นนิสัย ถ้าใครไม่เชื่อก็ไม่ต้องออกไปสำรวจที่ไหน เพียงแต่ซื้อหนังสือพิมพ์รายวันมาฉบับเดียว แล้วพลิกดูหน้าสังคมของหนังสือฉบับนั้น แล้วท่านจะเห็นมีแต่ข่าวประเภทฉลองวันเกิด ฉลองยศ ฉลองตำแหน่ง เลี้ยงรุ่น งานคืนสู่เหย้า ฯลฯ อะไรทำนองนี้ มีอยู่ทุกวัน
บุคคลประเภทนี้ถือว่ามีหน้ามีตา มีเกียรติ มีชื่อเสียง สังคมยอมรับ ยอมเชื่อถือ และบุคคลประเภทเดียวกันนี้นี่เอง เมื่อเกิดความผันแปรอันเป็นของธรรมดา เช่น เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ความเศร้าหมองก็จับหัวใจ มีความทุกขเวทนาในอารมณ์ จนสุดจะทนทานได้ เพราะข่าวของตนในหน้าหนังสือพิมพ์เลือนหายไป
ผู้คนที่เคยแวดล้อม สรวลเสเฮฮา ประจบสอพลอ หลบหน้ากันเป็นแถว ผู้ที่เคยให้ความเคารพนับถือ ผู้คนที่เคยสรรเสริญเยินยอ ไม่ทราบว่าไปอยู่เสียแห่งใด ไม่เคยมาปรากฎให้เห็นดังที่เป็นมา และบุคคลประเภทนี้นี่เองที่ไม่เคยรู้จัก
โลกธรรม
ไม่เคยรู้ว่าพระพุทธศาสนานั้น ท่านบัญญัติศีลให้พุทธศาสนิกชนยึดถือเป็นข้อปฏิบัติกี่ข้อ แต่ถ้าใครถามเขาเหล่านั้นว่า นับถือศาสนาอะไร เขาจะตอบอย่างมั่นใจว่า ศาสนาพุทธ
บุคคลเช่นนี้มีมากมายเหลือเกินในเมืองไทย บุคคลเช่นนี้ไม่ใช่ตาสี ตาสา ยายมี ยายมา แต่เป็นคุณหญิง คุณนาย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คหบดี หรือนายธนาคาร ผู้มีอิทธิพลทั้งในทางการเมือง และการเงิน ฯลฯ ถ้าหากท่านเหล่านี้จะทำบุญหรือกิจการงานกุศลสักครั้ง ท่านจะต้องรอนักข่าว ช่างภาพหนังสือพิมพ์ หรือโทรทัศน์ ว่าเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะชมผลงานของท่านแล้วหรือยัง ? งานทุกอย่างของท่านจะต้องมีการเสนอต่อสายตาประชาชนคนทั่วไป ท่านจึงจะกระทำ ท่านเหล่านี้ไม่เคยรู้จักคำว่า
ปิดทองหลังพระ
รู้จักแต่ปิดทองที่หน้าหรือพระพักตร์ของพระพุทธรูปเท่านั้น
ผู้เขียนเคยรู้จักกับบุคคลประเภทนี้อยู่หลายท่าน แต่มีท่านหนึ่งซึ่งคุ้นเคยกันดี และรู้จักกันมาแต่เยาว์วัย จึงอยากจะยกเรื่องของท่านขึ้นเป็นอุทาหรณ์สักเรื่องหนึ่ง ท่านผู้นี้เคยมีอำนาจวาสนา ประกอบกับฐานะการเงินอยู่ในขั้นสูง เคยเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตมาแล้วหลายแห่ง และมีทีท่าจะขยายงานของท่านออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าจะพูดกันตามภาษาผู้ปฏิบัติก็ต้องพูดว่า ท่านไม่พอ ท่านไม่รู้จักพอ
ความต้องการครั้งหลังสุดของท่านก็คือ เจ้าของเหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เหมืองแห่งนี้นัยว่ามีแร่อุดมสมบูรณ์ พอที่จะต่อรองกับโควต้าของต่างประเทศได้อย่างสบาย เมื่อท่านตั้งใจจะเอาให้ได้ ท่านก็ทุ่มเทเงินวิ่งเต้นเป็นการใหญ่ ชื่อเสียงของท่านมีอยู่ในข่าวสังคมชั้นสูงเกือบทุกสัปดาห์ ประเดี๋ยวท่านให้เงินการกุศลงานโน้น ประเดี๋ยวท่านให้เงินการกุศลงานนี้ ประเดี๋ยวท่านจัดงานรุ่นนักเรียนเก่า ประเดี๋ยวท่านได้รับเลือกเป็นประธานงานบอลล์ ฯลฯ
เรียกว่า ท่านกำลังมีชื่อเสียงสูงสุดและกำลังได้รับความนิยม จากสังคมเมืองไทยเป็นอย่างยิ่ง พอชื่อเสียงได้ระดับเป็นที่พอใจของท่าน ท่านก็เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ที่พอจะมีอำนาจเนรมิตให้ท่านได้งานที่ท่านปรารถนามาช้านาน ความมีชื่อเสียงเกียรติยศที่เลื่องลือในวงสังคมทั่วไป ผสมกับเงินที่มีจำนวนหลายสิบล้าน ผู้หลักผู้ใหญ่ก็อนุมัติให้ท่านได้งานชิ้นนั้นสมแก่ความต้องการ
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอนิจจัง ดังพระพุทธพจน์ดำรัสไว้ เมื่อสองพันกว่าปีโดยไม่เปลี่ยนแปลง สัจธรรมเป็นของเที่ยงแท้ในทุกยุคทุกสมัย เหมืองแร่ที่ท่านทุ่มเงินไปกว่าร้อยล้าน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านพินาศฉิบหายในเวลาต่อมา เพราะแร่ที่หวังจะอุดมสมบูรณ์ พอที่จะต่อรองกับโควต้าของประเทศต่างๆ นั้น แท้ที่จริงมันมีอยู่ตามผิวดินเท่านั้น ยิ่งขุดลึกลงไปเท่าใด ยิ่งพบแต่ความว่างเปล่า ชื่อเสียงในระดับสังคมชั้นสูงของท่านก็เริ่มจางลงไป ผู้คนที่เคยไปมาหาสู่ด้วยกิริยานอบน้อม เคารพนับถือ เชื่อฟังคำพูดของท่านแต่ละคำ แต่ละประโยค หายเงียบไป
เพื่อนพ้องที่เคยสบถสาบานยืนยันว่า จะสนับสนุนท่านในทุกกรณี หายหน้ากันไปหมด ความเกิด ดับกำลังคืบคลานเข้ามาหาท่านอย่างรวดเร็ว และในที่สุดเหมืองก็ล่ม เงินจำนวนนับร้อยๆ ล้าน กลายเป็นผงธุลีดิน ภรรยาของท่านที่เคยมีหน้ามีตาในงานสังคมแทบจะทุกงาน ออกไปเก็บตัวในต่างจังหวัด และหายเงียบเข้ากลีบเมฆจนทุกบัดนี้
แต่ท่านยังจะล้มไม่ได้เป็นอันขาด เพราะชื่อเสียงเกียรติยศของท่านสูงส่งเกินกว่าที่ท่านจะยอมให้มันอับเฉาลงในเวลาอันรวดเร็ว ท่านจึงเข้าพึ่งธนาคาร โดยมีเจ้านายท่านหนึ่งค้ำประกัน แล้วท่านก็ได้เงินมาอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งแม้จะไม่มากเท่าเมื่อครั้งท่านยังมีฐานะ แต่ก็พอจะตั้งตัวได้อีกครั้ง ถ้ารู้จักวางหลักการ และควบคุมงานที่ดี หากทว่าท่านหาได้กระทำเช่นนั้นไม่
ท่านนำเงินทั้งหมดไปทุ่มเทเพื่อหวังกู้ชื่อเสียงเกียรติยศของท่านกลับคืนมา โดยการค้าของที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม ซึ่งถ้าท่านโชคดี ท่านก็จะสามารถตั้งตัวได้อย่างสบายในเวลาที่รวดเร็วเกินกว่าผู้ใดจะคาดคิด แต่ถ้าพลาด นอกจากท่านจะหมดตัวแล้ว ผู้ที่ค้ำประกันท่านก็จะต้องพลอยเสียหาย กระทบกระเทือนไปด้วยไม่น้อย
ท่านเคยบอกผู้เขียนว่า เหมือนเล่นฟุตบอลแล้วได้ลูกโทษ ถ้าเตะครั้งนี้เข้าประตูไป ท่านก็จะชนะ ถ้าเผื่อโกล์รับได้ ท่านก็ชวด ท่านกล้าเอาความเป็นความตายของตัวท่าน ไปเปรียบกับการเล่นฟุตบอล ผู้เขียนเตือนท่าน ท่านก็ไม่ฟัง ท่านอ้างของท่านว่า ไม่มีทางเลือก
ในที่สุดท่านก็พลาด การค้าของผิดกฎหมายและศีลธรรมในครั้งนั้น ทำให้ท่านเข้าป่าเข้าดงไปจนกระทั่งบัดนี้ มือของกฎหมายตามท่านไปทุกหนทุกแห่ง แต่ก็หาพบไม่
ชีวิตของบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งเคยรุ่งเรืองในครั้งหนึ่ง ถึงกาลวิบัติเพราะความหลงใหลในสิ่งที่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย เพราะเหตุนี้ความหลงในลาภ ยศ สุข สรรเสริญ โดยหาคำนึงถึงทางตรงกันข้าม คือ เสื่อมยศ เสื่อมลาภ นินทา และความทุกข์ เป็นสาเหตุให้มนุษย์หนึ่ง จมดิ่งลงอย่างไม่มีวันที่จะโผล่ขึ้นมาอีกเลย ด้วยประการฉะนี้
ฉะนั้น ถ้าตราบใดที่คนเราไม่รู้จักคำว่า
พอ
แล้วล่ะก็ เขาเหล่านั้นจะต้องประสบความทุกข์อย่างแสนสาหัส ดังอุทาหรณ์ที่ยกมาเล่าให้ฟัง บางคนพูดว่า ความโลภ นั้นดับง่ายกว่า ความโกรธ ความหลง แต่ผู้เขียนเชื่อว่า ความโลภก็ดี ความโกรธก็ดี ความหลงก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นพิษเป็นภัยแก่มนุษย์ ไม่น้อยไปกว่ากันเท่าใดเลย ถ้าผู้ใดมีความประมาท ผู้นั้นก็ย่อมจะถึงแก่ความตายทั้งเป็นด้วยกันทั้งสิ้น
ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปัง ทุกขัง
ปรารถนาหาสิ่งใด ไม่ได้ดังปรารถนา ก็เป็นทุกข์
..................... เอวัง .....................
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 15 พ.ย.2006, 3:48 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
แมวขาวมณี
บัวบาน
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2006, 4:22 am
โลภะ โทสะ โมหะ พาเราไปสู่ ทุคติ
_________________
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th