Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 รู้-ตื่น-เบิกบาน ระหว่างวัน อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 18 มิ.ย.2004, 11:14 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เราตื่นมากันทุกๆ วัน ส่วนใหญ่ก็มีเรื่องให้ต้องทำตามจุดมุ่งหมายหลัก
ของแต่ละวัน ไม่ว่าจะไปทำงาน ไปเรียน ไปทำธุระต่างๆ

...ในแต่ละวันเหล่านี้ เมื่อเรามีโอกาส ก็จะหาความเบิกบานสำราญใจ
ใส่ตัวตามเวลาที่เป็นไปได้ เช่น ถึงเวลากินข้าวก็ขอกับข้าวอร่อยๆ

ที่ชอบหน่อยนะ หรือถ้ามีเวลาก็อาจหาซื้อขนมของโปรดกินเล่น
ขึ้นรถ ก็อาจหาเปิดเพลงเพราะๆที่ชอบมาฟัง

กลับบ้านก็อาจขอเปิดทีวีดูรายการที่ชอบ ดูดาราในดวงใจ

ความสำราญเหล่านี้เราคงคุ้นเคยกันดี หากแต่ว่า... ลองดูสิ

เจ้าความสำราญเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราต้องไปหยิบ ไปวิ่งตามทั้งนั้น

(ต้องกินของอร่อยก่อน ต้องได้กลิ่นหอมก่อน ต้องฟังเสียงเพราะก่อน

ต้องๆๆ...ก่อน จึงจะได้สำราญ)

แต่ว่า แต่ว่า... มีความสุขใจอีกแบบ ที่เกิดขึ้นได้ในทุกๆวัน
เป็นความสุขสดชื่น เหมือนตื่นจากความมึนๆ มัวๆ เป็นความสดใส
หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า “เบิกบาน” นั่นเอง

นั่นแน่... ชักจะสนใจหรือสงสัยแล้วล่ะสิว่าจะต้องทำยังไง
ถึงจะได้เบิกบานระหว่างวันแบบนั้น

วันนี้เราได้รับเกียรติจากท่าน อ. สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา
ผู้เชี่ยวชาญด้านการรู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวัน จะมาชี้แจงวิธีการ
รู้-ตื่น-เบิกบาน อย่างถูกต้องให้เราดูกัน... ลองดูสิว่าท่านอาจารย์
แนะนำว่าอย่างไร...

“การที่จะรู้ - ตื่น - เบิกบานระหว่างวันได้นั้น
มีร่องรอยให้ตามไปได้ตั้งมากมายหลายร่องรอย
บางร่องรอยก็ทอดผ่านหนทางที่ยากลำบากเกินกว่าหลายคนจะทนไหว
บางร่องรอยแม้อาจตามไปได้อย่างสบายๆ แต่ก็ทอดผ่านหนทางที่ยาวไกล

บางร่องรอยกลับเป็นร่องรอยที่เรียบง่าย ลัดตรง และร่มรื่น”

หากกำลังมองหาร่องรอยที่เรียบง่าย ลัดตรง และร่มรื่น ละก็
ไปทางนี้ต่อได้เลย........
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 18 มิ.ย.2004, 11:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



21562156.jpg


อ่านฉบับเต็ม ได้ที่เวปนี้นะคะ
http://www.enggy.com/awake/

และหนังสือได้พิมพ์ออกมาแล้ว
ใครอยากได้หรือเอาไปแจก แจ้งมาได้ค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
satami
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 มิ.ย.2004, 12:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตามรู้จริงๆ ก็ไม่มีเหนื่อย สินะ ก็เพราะเป็นการพักของจิต..... จิตหยุดคิด จิตก็สบายๆ
 
satima
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 มิ.ย.2004, 7:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





ตอนที่ 1 ทำความเข้าใจกันก่อน



ระหว่างวันคนเรามีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำ ทั้งจำต้องทำ ทั้งทำก็ดีไม่ทำก็ได้

บางคนตื่นมาก็รีบอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ ไปโน่นไปนี่

บางคนตื่นมาก็นอนเอกเขนกเล่นซะก่อนจนสบายอกสบายใจแล้วจึงลุกขึ้น



อยากจะถามว่า แล้วเธอละตื่นมาทำอะไรกันบ้างระหว่างวัน.....

อยากจะถามว่า ระหว่างวันเธอรู้สึกตัวได้บ่อยไหม เธอเผลอไปบ่อยไหม.....

อยากจะถามว่า ระหว่างวันเธอเคยเห็นไหมว่า จิตใจเธอมันไปอยู่กับอะไรบ้าง.....

อยากจะถามว่า ระหว่างวันเธอเคยรู้สึกว่าจิตใจเบิกบานบ้างไหม....



คงตอบได้ไม่ยากซินะว่า ระหว่างวันเราทำอะไรกันบ้าง

แล้วก็อาจจะงงหรือสะดุดนิดนึงกับการจะตอบว่า

ระหว่างวันเรารู้สึกตัวได้บ่อยไหม เผลอบ่อยไหม



รู้สึกตัว....อ้าวก็นี่ไงรู้สึกตัวอยู่นี่ไง ใคร ๆ ก็รู้สึกตัวอยู่ตลอดนี่นา

เผลอรึ....เราไม่เห็นจะเผลอตรงไหนเลย

หลายคนมักจะรู้สึกอย่างนี้เมื่อมีใครมาถามว่า รู้สึกตัวรึเปล่า เผลอไปรึเปล่า



เอาละงั้นลองมาดูกันซิว่า เผลอนั้นเป็นยังไง

(ตอนนี้คงต้องใช้การนึกคิดเป็นเครื่องช่วยเพื่อทำความเข้าใจกันก่อน)

ลองนึกถึงเวลาที่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

หรือเครื่องมันสั่นบอกว่ามีคนโทรมาหา แล้วเราก็รับโทรศัพท์

ลองนึกดูซิว่า ระหว่างที่เรากำลังพูดโทรศัพท์อยู่นั้น

ความรู้สึก-ความรับรู้ต่าง ๆ ของเรา

มันรู้สึก-มันรับรู้แต่เฉพาะเรื่องราวที่กำลังพูดคุยกัน ใช่ไหม?

บางคนอาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า เรากำลังยืนหรือนั่งพูดโทรศัพท์อยู่

บางคนอาจไม่รู้เลยว่าเรากำลังถือโทรศัพท์ด้วยมือขวาหรือมือซ้าย ใช่ไหม?

ถ้าใช่ละก็ นั่นแหละเราเผลอไปแล้ว



หรือไม่ก็ลองนึกถึงตอนที่ไปดูหนังในโรง หรือดูทีวีรายการโปรดสุดๆ ซิ

นึกออกไหมว่า ขณะที่กำลังดูหนังหรือดูทีวีอยู่นั้น

เรามีความรู้สึกไหมว่ามีตัวเรานั่งดูอยู่.... ไม่รู้สึกเลยใช่ไหมว่ามีตัวเรานั่งดูอยู่

มันเหมือนกับว่าตัวเราหายไปจากโลกนี้ไปพักใหญ่

มารู้สึกว่ามีตัวเราอยู่อีกทีก็โน่น ตอนหนังจบ หรือตอนทีวีคั่นโฆษณา เป็นอย่างนี้ใช่ไหม?

ถ้าใช่ละก็ นั่นแหละเราเผลอไปแล้ว



ทีนี้ก็มาทำความเข้าใจต่อกันอีกสักหน่อยว่า

คราใดที่เผลอไป ครานั้นคือไม่รู้สึกตัว

คราใดที่รู้สึกตัว ครานั้นคือหายเผลอแล้ว



 
satima
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 มิ.ย.2004, 7:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอนที่ 2 ใช้ความรู้สึกล้วนๆ รับรู้ว่าเผลอไปจริงๆ



เอาละเมื่อเข้าใจแล้วว่าการเผลอไปนั้นมีอาการอย่างไร

ต่อไปนี้ก็ขอให้ลองใช้ความรู้สึกล้วน ๆ มาเป็นเครื่องช่วย

(ไม่ต้องนึกย้อนหลัง ไม่ต้องนึกไปข้างหน้า ไม่ต้องคอยถามตัวเองตอบตัวเอง)

เพื่อให้เราทราบด้วยความรู้สึกล้วน ๆ จริง ๆ ว่า

เอ๊ะ...เมื่อกี๊นี้เผลอไปอีกแล้ว

โห...เผลอไปตั้งนานแน่ะ



เชื่อไหมว่า การที่เรารู้สึกขึ้นว่าเผลอไปนั้น มันไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไรหรอก

เพราะมันเป็นความรู้สึกที่มีอยู่กับเรามาตั้งนานแล้ว

หากแต่เราแทบไม่เคยสนใจที่จะรับรู้มันเท่านั้น

และหากเราสนใจที่จะรับรู้ความรู้สึกว่าเผลอไปละก็ เราก็จะเห็นมันตำตาอยู่เสมอ ๆ

ทั้งนี้ก็เพราะในระหว่างวัน ความเผลอไปนั้น มันจะเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ

เกิดขึ้นในขณะที่เราต้องทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะอาบน้ำ แปรงฟัน ทานข้าว

ยืน เดิน นั่ง นอน ปากพูด ตาดู หูฟัง คิดนึกถึงเรื่องต่าง ๆ

และไม่เว้นแม้แต่จะอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ



อย่า....อย่าเพิ่งเชื่อหรือไม่เชื่อว่าเราเผลอไปได้บ่อยๆ อย่างที่เล่าให้ฟังตะกี๊เชียวนะ

แต่ต้องรู้อย่างชนิดแจ้งใจของตัวเองซะก่อน แล้วจึงค่อยเชื่อหรือไม่เชื่อ



จึงอยากจะชวนให้พากันมาทำให้แจ้งใจกันจริง ๆ ว่า เราเผลอไปบ่อยจริงหรือไม่

โดยใช้วิธีต่อไปนี้คือ



ให้ตั้งใจตัวเองเอาไว้ว่า....เอาละนับแต่นี้ต่อไป

ไม่ว่าจะทำอะไร ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใด ๆ ในระหว่างวันอยู่ก็ตาม

เราจะหัดตามรู้เพื่อจะได้ให้แจ้งใจว่าเราเผลอไปบ้างหรือไม่



การหัดตามรู้อย่างที่ตั้งใจไว้นี้

ให้หัดไปแบบรู้ก็ช่างไม่รู้ก็ช่าง ไม่ต้องจด ๆ จ้อง ๆ

แล้วก็ไม่ต้องทำเป็นเคร่งขรึมหรอกนะ

แต่ให้หัดตามรู้ไปด้วยจิตใจที่เบาสบาย นุ่มนวล

หรือจะพูดว่าตามรู้แบบหวาน ๆ ก็ได้



ถ้าใครตามรู้อย่างที่บอกไว้กันอย่างจริง ๆ จัง ๆ ละก็

จะแจ้งใจเลยว่า อือ...ระหว่างวันเราเผลอไปได้จริง ๆ

แต่ช่วงแรก ๆ บางคนก็อาจไม่รู้หรอกว่าเราเผลอไป

หรืออาจเพียงรู้ได้ว่าเผลอไปแค่วันละไม่กี่ครั้ง

แล้วก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปเชียวว่า เราไม่เผลอหรอก เราเผลอแค่ครั้งสองครั้งเอง

แต่อยากจะให้ตามรู้ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง เพื่อจะดูว่า

ระหว่างวันเราเผลอไปได้บ่อย ๆ จริงหรือไม่



และหลังจากอ่านย่อหน้านี้เสร็จ ถ้าเป็นไปได้ก็ขออย่าเพิ่งอ่านตอนถัดไป

ซึ่งเป็นตอนที่ ๓ เลยนะ หากจะอ่านต่อก็ขอให้อดใจรอสักหน่อย

หรือถ้ายังอ่านไม่ค่อยเข้าใจ ก็ให้อ่านได้ตั้งแต่ตอนที่ ๑ ซ้ำก็แล้วกัน

แต่อย่าเพิ่งอ่านเกินย่อหน้านี้นะ จนกว่าจะรู้สึกได้อย่างแจ้งใจว่า

ระหว่างวันเราเผลอไปบ่อยจริง ๆ ด้วย แล้วจึงค่อย ๆ อ่านตอนที่ ๓ ต่อไป



 
satima
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 มิ.ย.2004, 7:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บทที่ 3 ทำไงต่อเมื่อเราแจ้งใจแล้วว่าระหว่างวันเราเผลอไปบ่อยจริงๆ



การหัดตามรู้ว่าเผลอไปนั้น

เป็นการหัดเพื่อให้เรารู้ตามความเป็นจริงว่า ระหว่างวันเราจะเผลอไปบ่อย

และเมื่อเราแจ้งใจได้แล้วว่าเราเผลอไปบ่อยจริง ๆ

ต่อไปก็แค่ตามรู้ว่าเผลอไปต่ออีกสักพักหนึ่ง

ตามรู้ไปเหมือนกับที่เคยตามรู้มาก่อนหน้านี้นั่นแหละ

ตามรู้ไปเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับสังเกตดูซิว่า

ในระหว่างวัน กิจกรรมใดที่เราทำแล้วเราเผลอไปได้ง่าย

หรือเผลอไปได้ครั้งละนาน ๆ (รู้สึกตัวได้ยาก)

และสังเกตดูซิว่า กิจกรรมใดที่เราทำแล้วเรามีความรู้สึกตัวได้ง่าย

รู้สึกตัวได้บ่อย หรือเผลอไปครั้งละไม่นาน

เช่น บางคนทำงานบ้านแล้วรู้สึกตัวได้ง่าย บางคนเดินเล่นแล้วรู้สึกตัวได้ง่าย

บางคนนั่งดูทีวีแล้วเผลอไปนาน บางคนคุยหรืออ่านหนังสือแล้วเผลอไปตลอดเลย



แล้วสงสัยกันบ้างหรือเปล่าว่า การตามรู้อย่างนี้มันจะได้อะไร

(ใครสงสัย ตามรู้ได้ไหมว่าเราเผลอไปกับความสงสัยนี้หรือเปล่า)

ขอตอบให้หายสงสัยกันก่อนว่า การตามรู้อย่างนี้

จะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง

ที่จะพาให้เราไปสู่ การรู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวันนั่นเอง



เอาละทีนี้ก็ตามรู้ว่าเผลอไปอีกเรื่อย ๆ สักพัก

ตามรู้เท่านั้นนะ ไม่ใช่ให้พยายามไม่ให้เผลอ ไม่ใช่พยายามจะรู้สึกตัวให้ได้ตลอด







 
satima
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 มิ.ย.2004, 7:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บทที่ 4 ตอนเผลอไปแล้วก็ให้แล้วกันไป



หลังจากที่ตามรู้มาได้ ๒ ตอนแล้ว บางคนคงเริ่มรู้สึกว่า

เอ๊ะ..เผลอไปนี่ไม่ดีนะ รู้สึกตัวดีกว่า

ยิ่งถ้าใครเผลอไปขณะขับรถด้วยละก็ อาจตกใจเลยว่า

โหย..เผลอไปตอนกำลังขับรถนี่น่ากลัวชะมัด ดีไม่ดีรถชนตายเลย

หรือถ้าใครเดินไปเผลอไป ก็อาจเจอเหตุการณ์เกือบถูกรถชน

หรือเดินตกท่อให้อายคนอื่นเอาก็ได้ แล้วก็ยังมีอีกสารพัดอย่าง

ที่ล้วนแต่น่าสะพรึงกลัว ที่อาจเกิดขึ้นเพราะความเผลอไปของเรา



เอาละซิ ทีนี้บางคนก็อาจจะเริ่มกลัวความเผลอไปซะแล้ว

หรือไม่บางคนก็ชักอยากจะรู้ตัวตลอดเวลาซะแล้ว

ใครเป็นอย่างนี้ละก็ (ร้อยละร้อยหรือเฉียดๆร้อยเป็นกันทุกคน)

ไม่ต้องพยายามไม่ให้เผลอไปหรอกนะ เพราะความเผลอไปนั้น

เป็นของคู่กับเรามาแต่ไหนแต่ไรอย่างที่เคยบอกไว้ในตอนที่๒นั่นแหละ

และคนทั่ว ๆ ไปอย่างเรา ๆ ที่ได้ชื่อว่า ปุถุชน

ก็ย่อมต้องเผลอไปบ่อย ๆ เป็นของธรรมดาอยู่แล้ว

ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะสั่งบังคับบัญชาตัวเองว่า ต้องไม่เผลอนะ

หรือจะให้ใครมาขู่มาสั่งว่าอย่าเผลอไปนะ ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน

เพราะฉะนั้น เผลอไปแล้วก็ให้แล้วกันไป ไม่ต้องทำอะไรเพื่อจะไม่ให้เผลออีกก็แล้วกัน



ตามรู้ต่อไปเรื่อย ๆ อีกนะ

ตามรู้ไปจนกว่าจะรู้สึกเฉย ๆ ไม่รู้สึกไม่พอใจ หรือไม่รู้สึกอยากจะไม่ให้เผลอ







 
satima
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 มิ.ย.2004, 8:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บทที่ 5 อีกมุมมองหนึ่งของการรู้ไปว่าเผลอ



การรู้ว่าเผลอไปบ่อย ๆ มองอีกมุมหนึ่งมันก็คือการรู้สึกตัวได้บ่อย ๆ นั่นเอง

จิตใจที่กำลังรู้สึกตัวอยู่นี่แหละ ที่เป็นจิตใจของ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

หากใครสามารถตามรู้ได้บ่อย ๆ ว่า เราเผลอไปแล้ว

เพียงเท่านี้ก็เท่ากับว่า คนนั้นได้หยั่งรากลงสู่วิถีชีวิตใหม่

ที่เป็นวิถีของชีวิตที่ รู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวันนั่นเอง

 
Satami
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 มิ.ย.2004, 7:27 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แล้วคุณ Satima เผลอ วันละกี่หน จ๊ะ
 
สายลม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 มิ.ย.2004, 10:27 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





สาธุ ครับน้า
 
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 25 มิ.ย.2004, 10:38 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มาต่อเลยนะคะ (คุณsatami ปกติ satima ก็มาไม่ประจำค่ะ เผลอวันละหลายๆ)





บทที่ 6 ปรากฏการณ์ขณะกำลังรับรู้สิ่งใดๆ ด้วยความรู้สึกตัว



หลังจากที่เราตามรู้มาจนรู้จักความรู้สึกตัวได้ดีแล้ว

ก็จะมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น

เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองโดยปราศจากการแต่งเติมสร้างสรรค์

เป็นความรู้สึกว่า คราใดที่กำลังรับรู้สิ่งต่างๆด้วยความรู้สึกตัว

สิ่งที่เรากำลังรับรู้อยู่นั้น มันเหมือนปรากฏอยู่ห่างออกไป

หรือปรากฏขึ้นในฐานะของสิ่งๆหนึ่งที่ถูกรู้อยู่

และในขณะเดียวกันก็จะรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างที่คอยรับรู้สิ่งที่กำลังถูกรู้อยู่

ปรากฏการณ์ที่ว่านี้จะปรากฏให้รู้สึกขึ้นได้เพียงแวบสั้นๆ เท่านั้น

ไม่ได้เป็นอยู่นานหรอกนะ หากแต่บางคนก็อาจเป็นบ่อย ๆ ก็ได้



การรับรู้สิ่งใด ๆ ด้วยความรู้สึกตัวนี้ จะเกิดขึ้นได้ทั้งขณะกำลังดูรูปภาพด้วยตา

ขณะกำลังฟังเสียงด้วยหู ขณะกำลังได้กลิ่นด้วยจมูก ขณะกำลังรู้รสด้วยลิ้น

ขณะกำลังรับรู้ความร้อนเย็นอ่อนแข็งด้วยร่างกาย

และแม้แต่ขณะกำลังรับรู้ความรู้สึกด้วยใจ



แรก ๆ ที่ใครพบเจอปรากฏการณ์นี้

ก็อาจรู้สึกเหมือนเป็นปรากฏการณ์ที่แสนน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วปรากฏการณ์ที่ว่านี้

มันเป็นปรากฏการณ์ที่เป็นธรรมชาติอยู่ในตัวของเราเอง

หากแต่มันเป็นปรากฏการณ์ที่ยากจะเข้าใจ

และไม่อาจเกิดขึ้นกับใครๆที่ยังไม่รู้จักความรู้สึกตัว



ส่วนใครที่ยังไม่เห็นปรากฏการณ์ที่ว่านี้

ก็ไม่ต้องพยายามจ้อง ไม่ต้องพยายามดูให้เห็นเชียวละ

หัดตามรู้ต่อไปอีกเถอะ ไม่นานนักหรอกมันก็เห็นเองแหละ



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 25 มิ.ย.2004, 10:39 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บทที่ 7 ทำไมจึงรู้สึกตัวได้ยากนัก (สำหรับหลายๆ คน)



ใครบ้างที่อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว แต่ยังไม่เคยรับรู้ด้วยความรู้สึกล้วน ๆ

(ไม่ใช่คิด ๆ หรือจำ ๆ เอา) ต่อปรากฏการณ์ขณะกำลังรับรู้สิ่งใดๆ

ด้วยความรู้สึกตัวตามที่อ่านในตอนที่แล้ว.....ยกมือขึ้น



ใครที่ยกมือขึ้น ต้องอ่านตอนนี้ต่อไป (ใครที่ไม่ยกมือ ก็ข้ามตอนนี้ไปได้เลย)



ใครที่ยกมือขึ้น เอามือลงได้แล้ว

ถามหน่อยเถอะว่า ที่ยกมือนะ

เป็นเพราะเอาแต่อ่าน ยังไม่ได้หัดตามรู้เลยใช่ไหม

ถ้าใช่ก็กลับไปหัดตามรู้มาก่อน อย่าเพิ่งอ่านต่อเลย

เดี๋ยวจะกลายเป็นความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด



ส่วนใครที่หัดตามรู้มาแล้วทั้งตั้งนานและไม่นาน

แต่ก็ยังต้องยกมือขึ้นเพราะยังไม่ยักกะเจอะเจอปรากฏการณ์ที่เล่าไว้ในตอนที่ ๖

แล้วก็อย่าเพิ่งท้อเสียล่ะ ของอย่างนี้มันไม่ใช่ของหมูๆ สำหรับทุกคนหรอกนะ

ใครที่เขาทำได้เหมือนของหมู ๆ เราก็ยินดีกับเขาไปเถอะ (จะกัดฟันยินดีก็ได้นะ)

ส่วนเราก็ต้องหัดตามรู้ว่าเผลอไปกันต่อไปเรื่อย ๆ

แต่ไม่ใช่หัดตามรู้ด้วยความอยากเต็มเปี่ยมนะ ให้หัดเหมือนที่เคยบอกไว้ว่า

ตามรู้แบบสบาย ๆ แบบนุ่มนวล แบบหวาน ๆ นั่นแหละ



เอ้า..หัดตามรู้ว่าเผลอไปกันต่อ จนกว่าจะรู้ได้เองว่าเผลอไป

จนกว่าจะแจ้งใจได้เองว่าการรับรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยความรู้สึกตัวนั้นเป็นอย่างไร



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 25 มิ.ย.2004, 10:43 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บทที่ 8 ตามรู้สิ่งต่างๆ ระหว่างวันด้วยความรู้สึกตัว



หากใครพอจะทราบชัดแล้วว่า

การรับรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยความรู้สึกตัวเป็นอย่างไร

ก็อย่ามัวรี ๆ รอ ๆ อยู่เลย ให้ตั้งใจขึ้นมาอีกสักครั้งว่า

เราจะตามรู้สิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏให้รับรู้ได้ระหว่างวัน

ด้วยความรู้สึกตัวให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะตามรู้ได้



การตั้งใจเอาไว้อย่างนี้แหละ

ที่จะเป็นแรงส่งให้เราสามารถตามรู้สิ่งต่าง ๆ ระหว่างวันได้บ่อยๆ

แต่อย่าลืมเชียวนะว่า ต้องตามรู้แบบสบายๆ แบบนุ่มนวล แบบหวาน ๆ



ถ้าใครสงสัยใคร่จะถามว่า...แล้วต้องตามรู้อะไรบ้าง

เอ...จะตอบดีไหม

เอางี้ก็แล้วกัน ก่อนตอบก็ช่วยอะไรหน่อย

ช่วยตามรู้ความสงสัยที่ใคร่จะถามหน่อยซิ ตามรู้ทันไหมเอ่ย?

ถ้าไม่ทันก็ช่างมันไปก่อน

อย่าได้ปั้นความสงสัยขึ้นมาใหม่เพื่อจะตามรู้ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว



ทีนี้ก็ตอบคำถามได้แล้วว่า

หากเราไปสนใจใส่ใจจะรับรู้สิ่งใดก็ตาม ก็ให้ตามรู้สิ่งนั้นไป

หรือแม้แต่ไม่สนใจไม่ใส่ใจจะรับรู้สิ่งนั้น แต่จิตใจมันไปรับรู้ของมันเอง

ก็ให้ตามรู้สิ่งนั้นไปโดยไม่ต้องไปกะเกณฑ์หรอกว่า

ฉันจะตามรู้อันนั้น ฉันจะตามรู้อันนี้ หากไปกะเกณฑ์อย่างนี้ละก็

จะกลายเป็นการ ตามดัดจริตรู้ ไม่ใช่ตามรู้หรอกนะ



สิ่งที่ถูกตามรู้ในระหว่างวันก็อย่างเช่น

- เช้าที่อากาศเย็นสบายน่านอน ตื่นแล้ว....อยากนอนต่อจังเลย

ความอยากนอนที่เกิดขึ้นก็สามารถถูกตามรู้ได้



- ตื่นนอน...โอ้ยสายอีกแล้ว ตาลีตาเหลือกวิ่งไปห้องน้ำ

แต่เท้าเจ้ากรรมดันไปเตะเอาขาเก้าอี้เข้าโครมเบ้อเร่อ

แวบนั้นก็รู้สึกโกรธและโวยวายทันทีว่า ใครวะ นั่งแล้วไม่เก็บให้ดี

ความโกรธที่เกิดขึ้นก็สามารถถูกตามรู้ได้เช่นกัน



- เดินออกจากบ้าน...เจอคนที่แอบรักใคร่ชอบพออยู่

แล้วรู้สึกวาบขึ้นมาด้วยความดีใจที่ได้เจอแต่เช้า

ความดีใจที่เกิดขึ้นก็สามารถถูกตามรู้ได้เช่นกัน



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 25 มิ.ย.2004, 10:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บทที่ 9 ต้องตามรู้กันมากแค่ไหน



อย่างเช่นที่ยกตัวอย่างเรื่อง ตื่นนอน...

โอ้ยสายอีกแล้ว ตาลีตาเหลือกวิ่งไปห้องน้ำ

แต่เท้าเจ้ากรรมดันไปเตะเอาขาเก้าอี้เข้าโครมเบ้อเร่อ

แวบนั้นก็รู้สึกโกรธทันที ใครวะ นั่งแล้วไม่เก็บให้ดี ....



จากตัวอย่างเรื่องนี้ บางคนถึงกับมองว่า

โห...อย่างนี้ก็ต้องตามรู้ตั้งแต่ลุกขึ้นวิ่ง เท้าก้าววิ่ง เท้าไปเตะเอาเก้าอี้

ความโกรธเกิดขึ้น พูดโวยวายออกมา

เพียงครู่เดียวก็มีสิ่งต่างๆเกิดปรากฏขึ้นตั้งมากมาย

แล้วจะตามรู้ได้ทั้งหมดได้ยังไงกันละเนี่ย



อยากจะบอกจริง ๆ เลยว่า การหัดตามรู้นี้

เราไม่ต้องไปกะเกณฑ์เอาว่าต้องตามรู้มากขนาดไหนหรอก

ใครมีขีดความสามารถแค่ไหนก็ตามรู้ไปแค่นั้น

สิ่งใดที่ยังตามรู้ไม่ได้ตามรู้ไม่ทัน ก็ช่างมันไว้ก่อน

(ตามรู้ได้ทันแค่ไหนก็ตามรู้แค่นั้นไปก่อน)



อย่างเช่นบางคน ไปรู้ทันเอาตอนโน่น ตอนที่โกรธและพูดโวยวายไปแล้ว

ก็ให้ตามรู้ความโกรธไปก่อน

ไม่ต้องไปพยายามตามรู้ให้ได้ตั้งแต่ลุกขึ้นวิ่งหรอก

การพยายามไปตามรู้ให้ได้ตั้งแต่ลุกขึ้นวิ่งทั้ง ๆ ที่ยังตามรู้ไม่ได้

มันเป็นการตามดัดจริตรู้เอา ไม่ใช่ตามรู้หรอกนะ



เอาละ เป็นอันว่าใครตามรู้ได้แค่ไหนก็ให้ตามรู้แค่นั้นกันไปก่อน

แต่ขอให้ตามรู้ไปเรื่อย ๆ ตามรู้ให้บ่อย ๆ แล้วคอยดูซิว่า

เราสามารถตามรู้ได้เร็วขึ้นไหม สามารถตามรู้ได้บ่อยขึ้นไหม

สามารถตามรู้สิ่งที่เกิดปรากฏขึ้นได้มากขึ้นไหม



หากตามรู้ไปเรื่อย ๆ ตามรู้ให้บ่อยๆ แล้วจะเห็นเองว่า

พัฒนาการของการตามรู้นั้น

ไม่ได้เกิดจากการพยายามรู้ให้ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่

แต่เกิดจากการตามรู้ให้บ่อย ๆ เท่าที่จะรู้ได้

แล้วมันก็จะพัฒนาของมันไปเอง



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 25 มิ.ย.2004, 10:45 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บทที่ 10 บางวันก็ตามรู้ได้ดี บางวันก็ตามรู้ไม่ได้บ้าง จะทำอย่างไรดี



การตามรู้มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ

บางวันก็ตามรู้ได้ดี สบายอกสบายใจ รู้สึกดีใจชอบใจที่ตามรู้ได้ดี

แต่พอรุ่งขึ้นอีกวัน ไหงจึงตามรู้แทบไม่ได้เลย รู้สึกตัวแทบไม่ได้เลย

แทบไม่รู้เลยว่าเผลอไปหรือเปล่า



ใครที่เจอแบบนี้ก็ไม่ต้องเสียอกเสียใจ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวลใจหรอกนะ

เพราะใคร ๆ เขาก็เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้นแหละ

ใครเป็นแล้วก็ยอมรับความจริงซะเถิดว่า มันก็เป็นของมันอย่างนี้เอง

ถ้ายอมรับความจริงได้ ไม่นานก็จะกลับมาตามรู้ได้เหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิมซะอีก



แต่ก็มีหลายคนเหมือนกันที่เจออย่างนี้แล้วเสียรังวัดไปซะนาน

เพราะมันดันไปเกิดอยากให้ตามรู้ได้ดีเหมือนเดิม ทีนี้ก็เลยเหมือนคนถูกตีหัวจนมึน

จะทำยังไงๆ จะพลิกแพลงการตามรู้ไปอีกกี่กระบวนท่า

มันก็กลับมาตามรู้ให้ดีเหมือนเดิมไม่ได้

จนเมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่า

อ๋อ..มันก็เป็นอย่างนี้เอง บางวันก็ดี บางวันก็ไม่ดี ตอนนี้ไม่ดีก็ไม่ดี

ถ้าฉุกคิดขึ้นได้อย่างนี้ละก็ เดี๋ยวก็จะกลับมาตามรู้ได้เหมือนเดิมเองแหละ

แล้วก็อดที่จะมานั่งขำตัวเองไม่ได้ว่า...ฮิ ฮิ โง่อยู่ได้ตั้งนาน



สบายใจละซิที่รู้ว่า บางวันก็ตามรู้ได้ดี บางวันก็ไม่ดี บางวันอาจแย่จนตามรู้ไม่ได้เอาเลย

ทีนี้ก็ไม่ต้องไปตามดัดจริตรู้ให้มันดีทุก ๆ วันอีกละ

ตามรู้ไปเรื่อย ๆ เท่าที่จะตามรู้ได้นั่นแหละดีที่สุดเลย



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 25 มิ.ย.2004, 10:47 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บทที่ 11 ตามรู้สิ่งต่างๆ ระหว่างวันแล้วไปเห็นปรากฏการณ์บางอย่างของจิตใจ



เอ้า...ใครตามรู้สิ่งต่างๆระหว่างวันแล้ว

เกิดไปเห็นปรากฏการณ์บางอย่างของจิตใจบ้าง ยกมือขึ้น



ใครที่ยกมืออยู่ก็เอาลงได้แล้ว เดี๋ยวจะเมื่อย



คราวนี้เห็นทีต้องปรบมือให้คนที่ยกมือเมื่อตะกี๊สักหลาย ๆ แปะ

เพราะนั่นคือเครื่องชี้บอกว่า

การตามรู้มาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ได้มีการพัฒนาไปมากแล้วนั่นเอง



เอ...ว่าแต่ไปเห็นอะไรเข้าล่ะ

ใช่เห็นว่า ขณะกำลังตามรู้อยู่ รู้สึกเหมือนมีจิตใจบางส่วน

วิ่งออกไปทางตาบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง ลิ้นบ้าง กายบ้าง ใจบ้าง หรือเปล่า?

ใช่เห็นว่า หลังจากที่รู้สึกเหมือนมีจิตใจบางส่วนวิ่งออกไปแล้ว

ความรู้สึกตัวจะหายไป หรือเปล่า?

ใช่เห็นว่า คราใดที่ไม่อาจรับรู้สิ่งต่างๆด้วยความรู้สึกตัว

จะรู้สึกว่าจิตใจเป็นทุกข์ หรือเปล่า?



ถ้าไม่ใช่ก็ขอเอาที่ปรบมือให้คืนด้วย

แล้วก็ให้ตามรู้ไปเรื่อย ๆ ตามรู้ให้บ่อย ๆ ต่อไปอีกจนกว่าจะเห็นอย่างที่ถามไว้



ถ้าใช่ก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะนี่เปรียบเสมือนสัญญาณที่บอกว่า

เราตามรู้มาจนเริ่มเห็นปรากฏการณ์ของจิตใจตัวเองในระหว่างวันได้บ้างแล้ว

นี่แหละที่ทำให้เราพอที่จะเป็นผู้รู้ระหว่างวันได้บ้างแล้ว



แล้วก็พอจะรู้สึกไหมว่า

การเผลอไป หรือการที่ไม่รู้สึกตัว มันก็เหมือนกับการฝันทั้งที่ยังลืมตา

แต่พอรู้สึกตัวขึ้น มันก็เหมือนตื่นออกมาจากความฝันนั้น

นี่แหละที่ทำให้เราพอที่จะเป็นผู้ตื่นระหว่างวันได้บ้างแล้ว



และบางคนก็อาจเคยเห็นว่า ขณะที่ตามรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยความรู้สึกตัวอยู่นั้น

จะรู้สึกเหมือนจิตใจมันแผ่กว้างออก ไม่อึดอัดคับแคบเหมือนตอนที่ไม่รู้ตัว

จะรู้สึกเหมือนจิตใจมันเบาสบาย ร่าเริง เบิกบาน

นี่แหละที่ทำให้เราพอที่จะเป็นผู้เบิกบานระหว่างวันได้บ้างแล้ว

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 25 มิ.ย.2004, 10:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บทที่ 12 ตามรู้ไปเรื่อยๆ ตามรู้ไปให้บ่อยๆ ต่อไปอีก เพื่อให้เห็นความจริง



หลังจากตามรู้มาจนถึงตอนนี้ ก็ให้ลองสังเกตดูด้วยความรู้สึกตัวซิว่า

สิ่งต่างๆ ทั้งภายนอกตัวเรา ทั้งภายในตัวเรา ทั้งร่างกาย ทั้งจิตใจทั้ง ความรู้สึกต่างๆ นั้น

มันมีความอยู่ยงคงกระพัน เกิดแล้วไม่เสื่อมไม่หายไปบ้างหรือเปล่า มันเปลี่ยนแปลงได้หรือเปล่า



พอจะเห็นใช่ไหมว่า สิ่งต่างๆนั้น มันเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

มีการเกิดขึ้นมา มีการปรากฏอยู่ แล้วสุดท้ายก็มีการเสื่อมหายไป



แล้วก็ลองสังเกตดูด้วยความรู้สึกตัวอีกนิดนึงว่า

สิ่งต่าง ๆ ทั้งภายนอกตัวเรา ทั้งภายในตัวเรา ทั้งร่างกาย ทั้งจิตใจ ทั้งความรู้สึกต่าง ๆ นั้น

เราสามารถสั่งให้มันเป็นอย่างใจนึกต้องการให้เป็นได้หรือไม่



พอจะเห็นใช่ไหมว่า สิ่งต่าง ๆ นั้น เราไม่สามารถสั่งให้มันเป็นอย่างใจนึกต้องการให้เป็นได้เลย

เช่น ปวดหัวอยู่ก็ลองสั่งดูซิว่า เอ้าจงหายปวดเดี๋ยวนี้เลยนะ

ผลที่จะได้คือไม่หายหรอก ถ้าจะให้หายก็ต้องไปกินยาแก้ปวดเอา สั่งเอาไม่ได้หรอก

หรือหากกำลังเศร้าเสียใจ กลุ้มอกกลุ้มใจอยู่ ก็ลองสั่งดูซิว่า เอ้าจงหายเศร้าหายกลุ้มใจเดี๋ยวนี้เลยนะ

ผลที่จะได้ก็คือไม่หายอีกเหมือนกัน ถ้าจะให้หายก็ต้องไปทำอย่างอื่น

จนกว่าจิตใจมันจะลืมเรื่องเศร้า ๆ เรื่องกลุ้ม ๆ ไปได้



นี่แหละหนาคือความจริงของสิ่งต่างๆ

ใครที่เห็นความจริง ยอมรับความจริงของสิ่งต่าง ๆ ในระหว่างวันได้ด้วยความรู้สึกตัวละก็

ความเป็นผู้รู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวัน ก็จะเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกว่า.....(ขออุบไว้สักเดี๋ยวก่อนแล้วกั

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 25 มิ.ย.2004, 10:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บทที่ 13 จะให้ตามรู้ไปถึงไหน



ตามรู้มาจนเหนื่อยจนล้ากันบ้างหรือยังล่ะ

ถ้าเหนื่อยนักล้านัก ก็พักซะบ้างนะ

ขนาดเครื่องจักรเครื่องยนต์ก็ยังต้องพักเลย เราก็ต้องพักเหมือนกัน

แต่อย่าพักกันจนขี้เกียจตามรู้ไปเสียล่ะ

ไม่งั้นก็จะกลับไปเป็นผู้ไม่รู้-ผู้หลับ-ผู้อึดอัดคับแคบใจระหว่างวันกันอีก

พักกันแต่พอสมควรนะ หายเหนื่อยหายล้าแล้วก็ตามรู้ต่อไปเรื่อย ๆ ตามรู้ให้บ่อย ๆ กันต่อไปอีก



เอ....แล้วจะนึก ๆ กันบ้างไหมว่า จะให้ตามรู้กันไปถึงไหน

(ขอบอกที่อุบเอาไว้ตรงท้าย ๆ ตอนที่แล้ว ในตอนนี้ด้วยเลยว่า)

จะบอกให้ก็ได้ว่า ก็ตามรู้กันไปเรื่อย ๆ จนกว่า....จนกว่าอะไรดีน้า

อ๋อ....จนกว่าความเป็นผู้รู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวัน เติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ

จนเป็นผู้รู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวันได้ตลอดเวลา

จนแม้ไม่ต้องตามรู้ มันก็รู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวันได้ตลอดเวลานั่นเอง



สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา

มีนาคม ๒๕๔๗



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
Satami
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 มิ.ย.2004, 1:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีจังคุณ Satima Satamiชอบคุณตอบจัง
 
วิชัย พุฒแย้ม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 ก.ค.2004, 10:28 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมได้รับหนังสือ "รู้-ตื่น-เบิกบาน ระหว่างวัน" ที่คุณ satima กรุณาส่งไปให้แล้ว ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง ขออนุโมทนาในธรรมทานของท่านผู้เสียสละในครั้งนี้ สาธุ ๆ ๆ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง