Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 โมโหโกรธา อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ไวษรี
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2006
ตอบ: 8

ตอบตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2006, 3:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สมมติว่าเรารู้ตัวว่าใกล้จะโกรธ เราจะมีวิธีทำอย่างไรไม่ให้โกรธคะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
อิคิว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2006, 7:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ใกล้จะโกรธ น่าจะหมายถึงมีความไม่พอใจเกิดขึ้น แต่ยังไม่มีอาการโทสะ

ท่านว่า ควรแผ่เมตตา ที่เรียกว่าพรหมวิหาร4 ได้แก่

เมตตา ๑ กรุณา ๑ มุทิตา ๑ อุเบกขา ๑

อย่าให้จิตใจจดจ่ออยู่กับเรื่องหรือสิ่งที่ทำให้ไม่พอใจ อย่ายึดติดมัน ปล่อยวางเสีย

แล้วเริ่มแผ่เมตตา แต่ดูจะเริ่มช้าไปที่ถูกแล้วควรจะฝึกแผ่เมตตาก่อนที่จะโกรธ โดยให้มีสติอยู่กับการให้ความรัก ความเป็นมิตร ความสงสาร ความพลอยยินดี และอนุโมทนา ความมีอุเบกขา ให้กับทุกๆคน ทุกสิ่ง อยู่เสมอตลอดเวลาปกติของเรา มีสติเมื่อไรก็แผ่เมตตาทันที ทำอย่างนี้จนเป็นนิสัย เป็นจิตใต้สำนึก แล้วสิ่งนี้ก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้เรามีจิตกุศล เมื่อไรที่เราเริ่มไม่พอใจ สติเกิด จิตกุศลก็จะเกิดเป็นการแผ่เมตตาแทนที่ความไม่พอใจทันที

เป็นวิธีง่ายๆแต่เป็นเหตุเป็นผล ถ้าเราไม่เคยเมตตาสงสารใคร ไม่ยินดีกับผู้อื่น แล้วอยู่ๆจะแผ่เมตตาสิ่งนี้มันจะเกิดได้อย่างไรเพราะมันไม่มีปัจจัยอะไรที่จะให้เกิดได้ ดังนั้นขอท่านจงแผ่เมตตาเนืองๆ เป็นประจำ ทำให้มากๆ ทำตามปกติในชีวิตประจำวันไม่ต้องใช้ท่านั่งสมาธิเพราะจะได้เหมือนสภาพจริงๆในเวลาที่เราไม่พอใจ
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2006, 8:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดี คุณไวษรี



ไม่ว่าจะเป็นกิเลสตัวใด โมหะ โทสะ โลภะ ราคะ มันก็เกิดจากความปรุงแต่งขึ้นในจิตใจทั้งสิ้น มันตรึกมันนึกมันสร้างสรรค์มันผลิตขึ้นมาเมื่อใด ก็เกิดทุกข์เกิดโทษเกิดภัยเกิดความเดือดร้อนราคะโทสะโมหะ อะไรขึ้นมา ลองย้อนกลับไปดูไปรู้ให้ทันตรงอารมณ์ ความรู้สึกที่เกิดขณะนั้น เข้าไปให้ตรงจุดก็คือตรงจิตนั่นเอง ที่มันกำลังปรุงแต่งอยู่



ท่านผู้ปฏิบัติก็จะทราบได้ด้วยตนเองว่า ความปรุงแต่งให้เกิดอารมณ์ ความรู้สึกที่ว่าโกรธ เ กลียด อาฆาต พยาบาท โลภ หลง มันได้คลายตัวลง และสลายไปในที่สุด ปรุงขึ้นมาก็รู้ทัน มีสติตามรู้ทันก็สลายไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น เกิดก็รู้ คลายก็รู้ เบาก็รู้ จางก็รู้ มีสติสัมปชัญญะที่คมกล้าจริง ๆ มันก็สามารถจะแสดงความดับทันทีให้เห็น



เฝ้าดู เฝ้ารู้ เฝ้าติดตาม ไม่มีการหยุดยั้งต้องรู้เรื่อยไป รู้เรื่อยไป จนเป็นปกติ ก็จะเป็นปัจจุบันอยู่เรื่อยๆ เมื่อรู้ปัจจุบันได้ดีได้ต่อเนื่อง มีความปล่อยวางอยู่เป็นปกติ ปัจจุบันขณะจิตก็จะมีความสุขมีความสงบมีความรู้ตื่นตลอด ไม่หลงไปตามอารมณ์ต่างๆในที่สุด



เจริญในธรรม



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง