Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 คำว่า ตถาคต และ ปาราชิกข้อที่ 4 ห้ามอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
แวะเวียน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 ม.ค. 2006, 12:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หัวข้อ : คำว่า ตถาคต และปาราชิกข้อที่ 4 ห้ามอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน







จากพระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชนของมหามกุฏฯ หน้า 145



คำว่า ตถาคต พระพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 3 คำนี้มีความหมายเดียวกัน คือ เป็นคำที่กำหนดตำแหน่งของผู้ที่ตรัสรู้ธรรมได้ด้วยตนเอง ไม่ได้ไปร่ำเรียนมาจากตถาคตองค์ใด



ท่านเว่ยหลางกล่าวไว้ว่า เราสามารถบรรลุธรรมเข้าถึงจิตเดิมแท้ได้เหมือนพระพุทธเจ้า (ตถาคต พระสัมมาสัมพุทธเจ้า) กล่าวคือเราทุกคนที่ศึกษาปฏิบัติธรรมสามารถบรรลุธรรมและเข้าถึงจิตเดิมแท้กันได้ทุกคน พวกเราสามารถที่จะรู้ได้ เป็นได้ เหมือนดั่งพระพุทธเจ้า เพียงแต่พวกเราไม่สามารถไปบอกใครเขาได้ว่าเราคือผู้ตรัสรู้ธรรมได้ด้วยตนเอง ไม่ได้ไปลอกเลียนแบบมาจากใคร



ผู้ที่กล่าวตู่ว่าตนเองเป็นตถาคตนั้นจะถือว่าผิดได้ก็ต่อเมื่อ ไปศึกษาธรรมจากตถาคตองค์อื่นแล้วมากล่าวตู่โกหกผู้อื่นว่าตนเป็นผู้ตรัสรู้ธรรมด้วยตนเอง คิดธรรมได้ด้วยตนเอง เช่นนี้ถือว่าผิด



หากกล่าวว่าตนเป็นตถาคตเพราะศึกษาธรรมมาจากตถาคตถือได้ว่าไม่ผิด เพราะเขาไม่ได้โกหกผู้อื่นว่า เขานั้นตรัสรู้ คิดธรรมได้ด้วยตนเอง เขาเพียงแต่บอกกล่าวว่าเขานั้นรู้แจ้งธรรมเหมือนตถาคต



ความไม่รู้เป็นเหตุให้รู้ผิด ความผิดพลาดจึงเกิด



หากอวดอ้างเพื่อหวังจะได้ลาภโดยตรงจึงอาจกล่าวได้ว่าผิด



หากอวดอ้างเพราะสำคัญผิดคิดเพ้อเอาเองว่าถูกต้อง และนำไปบอกกล่าวผู้อื่น แต่เจตนาไม่ได้หวังใน ลาภ ยศ สรรเสริญใดๆ ไม่อาจกล่าวว่าผิดได้ เพราะเขาเพียงแต่รู้ผิด



หากอวดอ้างว่าตนเป็นตถาคตที่ศึกษาธรรมมาจากตถาคต และไม่ได้กล่าวว่าตนตรัสรู้ธรรมได้ด้วยตนเอง เพียงแต่กล่าวว่าตนรู้ธรรมเหมือนตถาคต เช่นนี้แล้วไม่อาจกล่าวหาว่าเขาผู้นั้นผิดในข้อกล่าวตู่ว่าตนเป็นตถาคต



ปาราชิกข้อที่ 4 ห้ามอวดคุวิเศษที่ไม่มีในตน



เหตุที่บัญญัติธรรมสิกขาบทข้อนี้ขึ้นมานั้น เนื่องมาจากว่า มีภิกษุกลุ่มหนึ่งไปพูดจาโกหกหลอกลวงชาวบ้าน ไปโอ้อวดคุณวิเศษที่ไม่มีอยู่จริงกับชาวบ้าน เพื่อหวังจะได้ลาภโดยตรง ชาวบ้านที่ได้ฟังเชื่อว่าเป็นจริง เชื่อว่าภิกษุกลุ่มนี้มีคุณวิเศษจริง จึงพากันเลี้ยงดูอาหารแก่พระภิกษุกลุ่มนี้ เมื่อพระพุทธเจ้าทราบเรื่องจึงกล่าวติเตียนและทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามอวดคุณวิเศษที่ไม่มีอยู่จริงในตนเอง ภิกษุใดได้ทราบบัญญัติสิกขาบทนี้แล้ว แต่ยังฝ่าฝืนอวดออกไป โกหกหลอกลวงผู้อื่นว่าตนมีคุณวิเศษ ทั้งๆที่ไม่มีอยู่จริง และกระทำเพื่อหวังลาภ ยศ สรรเสริญ เมื่อครบองค์ประกอบตามนี้แล้ว แม้จะออกตัวสารภาพผิดทีหลัง ก็ต้องอาบัติปาราชิก กลับมาบวชใหม่ไม่ได้อีกแล้ว



ข้อห้ามอวดคุณวิเศษที่ไม่มีอยู่จริงในตนนี้ จะถือว่าไม่ผิดก็ต่อเมื่อ



มีคุณวิเศษอยู่จริง



สำคัญเข้าใจผิดเอาเองว่าตนมีคุณวิเศษและนำไปบอกกล่าวกับภิกษุอื่นโดยมิได้หวังในลาภประการใด



เป็นบ้าหรือมีจิตฟุ้งซ่าน



มีเวทนาแรงกล้าไม่รู้สึกตัว



มีภิกษุอื่นฟังความข้อนี้มาด้วยความคลาดเคลื่อนเข้าใจผิดและนำความเข้าใจผิดนั้นมาบอกเล่าถ่ายทอดต่อให้ฟัง หรือถูกภิกษุอื่นโกหกหลอกลวงให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจผิด เป็นต้น



ผู้ใดมีคุณวิเศษอยู่จริง เชิญทุกท่านเข้าไปขอชมได้เลย เอาให้เห็นกับตาตนเอง ท่านจะได้ศรัทธาจริง เป็นประโยชน์ทั้งในการเผยแพร่พระธรรมและสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่เป็นความจริง



สุดท้ายนี้ พระที่วัดใดมีของดีก็ปลุกเสกมาแจกจ่ายคนใน 3 จังหวัดภาคใต้บ้าง จะเป็นกุศลมากเลยครับ โดยเฉพาะทหารตำรวจ และคนที่อยู่เขตชนบทยากแก่การป้องกัน



 
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 02 ม.ค. 2006, 6:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



ขออนุโมทนา และขอบคุณที่นำความรู้เกี่ยวกับวินัยของพระมาบอกกล่าวกัน คนที่คิดจะบวชอาจจะได้เรียนรู้พระวินัยของสงฆ์ เมื่อบวชจะนำไปใช้ให้ถูกต้อง ไม่ล่วงละเมิดพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ดีแล้ว



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง