Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
วิญญาณกรุณา (ท.เลียงพิบูลย์)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ผู้ตั้ง
ข้อความ
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2006, 7:37 am
วิญญาณกรุณา
โดย ท.เลียงพิบูลย์
จากหนังสือกฎแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๒
สิ่งแปลกประหลาดมหัศจรรย์ในโลกมนุษย์ทุกวันนี้ยังมีอีกมากมาย แม้นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนี้ จะสามารถสร้างยานอวกาศ และคำนวณระยะทาง และเวลาที่จะส่งมนุษย์ขึ้นไปโคจรถึงดวงจันทร์ จนสามารถลงไปเหยียบย่ำเดินเล่นบนพื้นดวงจันทร์มาแล้ว จนทำให้ชาวโลกทั้งหลายตื่นเต้นเป็นประวัติยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ที่มนุษย์เราสามารถพิชิตดวงจันทร์ได้ นับแต่โลกอุบัติขึ้นในจักรวาลอันกว้างใหญ่ นับไม่ถ้วนว่ากี่หมื่นพันล้านปีผ่านไปแล้ว
แต่ยังมีสิ่งลึกลับมหัศจรรย์อยู่ในพื้นโลกอีกมากมาย ที่ทางนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย ยังไม่สามารถจะค้นคว้าหาทางพิสูจน์ออกมาให้เห็นแจ่มแจ้งได้ แม้ในยุคปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์ทั้งในและนอกประเทศ ส่วนมากได้รับแล้วว่า เรื่องลี้ลับในทางวิญญาณนั้น ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลเชื่อกันอย่างงมงาย
เช่นสมัยก่อนที่เคยมีผู้แสดงตัวว่าเป็นคนมีความรู้สมัยใหม่ มักชอบหัวเราะเยาะหาว่าพูดในเรื่องที่ไม่มีเหตุผลจะพิสูจน์ได้ว่าวิญญาณมีตัวมีตน แต่ชั้นปัญญาชนที่สูงด้วยปัญญาและความรู้จะนิ่งรับฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้พิจารณาด้วยความสงบ และไม่ยอมวิจารณ์ดูถูกว่า หลงใหลหรืองมงายอย่างใดเลย จะถือเพียงว่ายังเป็นสิ่งลี้ลับ ซึ่งทางวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ และยังต้องใช้เวลาคอยวันหนึ่งข้างหน้า เชื่อแน่ว่า ทางวิทยาศาสตร์คงสามารถค้นคว้าหาเหตุผลออกมาได้อย่างชัดเจนและพิสูจน์ได้ เช่นเดียวกัน
เมื่อสมัยก่อนถ้าใครจะไปพูดและอธิบายว่า ทางวิทยาศาสตร์เขาจะส่งมนุษย์ขึ้นไปเดินเล่นบนดวงจันทร์ ก็มีคนไม่น้อยเขาจะร้องว่า "บ้า" มันไม่มีทางจะเป็นไปได้เลยกลับหาว่าเป็นพวกบ้าๆ บอๆ ปัดความรู้สึกสนใจให้ห่างไกลออกไป แต่ปัญญาชนเขาจะนิ่งฟังและพิจารณา แม้จะยังมองเห็นทางหวังว่าจะสำเร็จได้ เพียงรอคอยเวลาเท่านั้น และบัดนี้มนุษย์ก็พิชิตดวงจันทร์ได้สำเร็จแล้ว เมื่อคืนวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ เวลาย่างเหยียบบนดวงจันทร์ในเวลา ๐๓.๑๗ นี้ ก็มองเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ หากมนุษย์ได้สนใจและพยายาม ความหวังก็จะสำเร็จได้วันหนึ่งข้างหน้าในอนาคต
เรื่องที่ข้าพเจ้าจะเล่าต่อไปนี้ ได้เกิดขึ้นเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้มีผู้เดินทางมาจากจังหวัดกาญจนบุรี เที่ยวถามหาทายาทของตระกูล "รัตนกิจ" และบังเอิญเพื่อนของข้าพเจ้าได้เดินทางไปต่างประเทศในระยะหนึ่งยังไม่กลับ ชายผู้นั้นกลับไปเพราะความผิดหวัง ได้ความว่า ชายผู้นั้นมุ่งหวังจะพบกับทายาทเพื่อจะสมนาคุณ และมีเรื่องพิสดารและอัศจรรย์ แล้วชายผู้นั้นได้เล่าเรื่องฝากไว้กับผู้ชอบพอกับเพื่อนข้าพเจ้า จนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าชายผู้นั้นอยู่ที่ตำบลไหน
เมื่อข้าพเจ้าได้ทราบเรื่องแปลกประหลาดก็ไปหาเพื่อน เพื่ออยากทราบเหตุผลของเรื่องนี้ ก็ได้เรื่องมาพิจารณาเรียบเรียงติดต่อกันขึ้น และหลายท่านก็ติดตามอ่านหนังสือในชุด. "กฎแห่งกรรม" หรือ "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" คงจะได้อ่านและจำเรื่องที่ ๖๑ ได้ ในใต้ชื่อเรื่องว่า "มาร้ายไปดี" ซึ่งเรื่องนี้ท่านอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ม.ล.ปิ่น มาลากุล แต่งเป็นบทละคร ให้ชื่อว่า "ลูกสาวเจ้าบ้าน" ข้าพเจ้าก็ได้อ่านแล้วก็รู้สึกว่า ท่านแทรกความแยบคายไว้น่าดูมาก ข้าพเจ้าได้ส่งบทละครไปให้ทายาทของท่านอ่าน ก็ทราบว่าพอใจมาก ทายาทของท่านได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นานนี้ให้ข้าพเจ้าฟังว่า
ท่านเจ้าของบ้านในเรื่องมาร้ายไปดี เมื่อท่านยังมีชีวิต ก็ได้สร้างความดีไว้มากมาย เมื่อท่านเกิดเจ็บไข้ได้ป่วย เมื่อมนุษย์ทุกรูปทุกนามไม่มีใครหนีพ้นได้ เมื่อรู้ตัวว่าใกล้จะจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ได้สั่งภรรยาและบุตรว่า ท่านเองไม่อยากจะมาเกิดเป็นมนุษย์อีก เพราะเกิดเป็นมนุษย์นั้นต้องผจญกับความทุกข์ยากลำบาก หนีไม่พ้น ไม่เคยมีความสุขสบายอันแท้จริงเลย เวลานั้นท่านอยู่รักษาตัวในพระนคร ท่านจึงบอกว่าอยากจะกลับไปตายที่บ้านเมืองกาญจนบุรี
หากว่าท่านได้ตายแล้วขอให้นำศพขึ้นไปฝังไว้บนเขา (ทั้งที่ท่านไม่ใช่คนจีน) เมื่อภรรยาและบุตรทราบความประสงค์ของท่าน หลังจากนั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๔ ท่านได้ถึงแก่กรรมลงที่บ้านจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าภาพก็ได้จัดการตามที่ท่านได้สั่งไว้ทุกประการ คือ สร้างที่ฝังศพไว้บนภูเขาในกิ่งอำเภอบ่อพลอย ขึ้นกับอำเภอพนมทวนในสมัยนั้นเป็นที่เรียบร้อยทุกอย่าง พวกบุตรและภรรยาญาติพี่น้องก็เดินทางเข้ามาอยู่ในพระนคร
ต่อมา ๒ - ๓ ปีนี้ คนทางเมืองกาญจนบุรีได้ส่งข่าวมาให้บุตรหลานของท่านให้ทราบว่า ที่ฝังศพของท่านนั้นมีผู้ไปเคารพมากและเกิดโชคลาภแก่ผู้ที่ไปเคารพบูชา และมีคนใจชั่วร้ายได้ไปขุดทำลายหลุมฝังศพของท่าน หวังว่าจะได้ทรัพย์สมบัติที่ฝังรวมอยู่ในหลุมรวมกับซากของท่าน แต่คนร้ายใจชั่วก็ไม่ได้อะไรที่มีค่าไปเลย ทำให้ที่ฝังศพได้รับความเสียหาย พวกทายาททางพระนครเมื่อได้ทราบ ต่างก็ร้อนใจ อยากจะไปตรวจดูความเสียหายมากน้อยเท่าใด แค่ไหน จะได้จัดการซ่อมแซมบูรณะที่ฝังศพให้ดีขึ้น
(มีต่อ)
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 26 ก.ค.2006, 9:04 pm, ทั้งหมด 3 ครั้ง
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2006, 7:42 am
บุตรสาวท่านได้บอกว่า เมื่อท่านได้ถึงแก่กรรมลง ได้นำแหวนวงหนึ่งเป็นพลอยเมืองกาญจน์ ที่ท่านชอบของท่านมากใส่ลงในปากศพและได้ฝังลงไปพร้อมร่างของท่าน เมื่อพวกลูกหลานได้ตกลงว่า จะเดินทางไปที่ฝังศพบนเขาบ่อพลอยเมืองกาญจนบุรี เพื่อซ่อมแซมบูรณะให้ดี
ทั้งได้ชวนข้าพเจ้าให้เดินทางร่วมไปเที่ยวด้วย แต่บังเอิญข้าพเจ้าหาเวลาว่างไม่ได้จึงไม่ได้ไป เมื่อก่อนบุตรหลานจะออกจากกรุงเทพฯ ท่านได้มาเข้าฝันว่า พวกผู้ร้ายที่มันขุดศพหวังสมบัตินั้นไม่ได้อะไรไปเลย ท่านยังได้บอกว่า แหวนที่ใส่ปากศพนั้นก็ยังอยู่ พวกผู้ร้ายเอาไปไม่ได้ เวลานี้ก็ยังอยู่ข้างหลังซากศพของท่านทับเอาไว้
เมื่อได้ไปถึงพิจารณาและได้จัดช่างมาซ่อมแซมบูรณะที่ฝังให้ดีขึ้นแข็งแรงกว่าเดิม และป้องกันผู้ร้ายที่จะมาขุดต่อไป ก็ปรากฏว่าทุกสิ่งเหมือนดังที่ท่านมาบอกในฝันทุกอย่าง เมื่อได้บูรณะที่ฝังศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกลูกหลานก็ได้สบายใจ พวกชาวบ้านพากันไปขอลาภ เพราะเมื่อสมัย พ.ศ. ๒๔๕๔ ท่านมีชีวิตอยู่ได้ขอพระราชทานประทานบัตรทำเหมืองพลอย ที่กิ่งอำเภอบ่อพลอย อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี
ท่านได้รับการยกย่องสรรเสริญแก่ผู้ที่รู้จักคุ้นเคยต่อไป ว่าเป็นผู้ที่โอบอ้อมอารี มีจิตใจเมตตากรุณาแก่คนทั่วไปในเขตท่านอยู่ และผู้เดินทางทั้งที่รู้จักหรือไม่รู้จักท่านก็ต้อนรับ ให้ได้อาศัยบ้านท่านเป็นที่พักพิง ทั้งเลี้ยงดูข้าวปลาอาหาร ให้ความสะดวกสบายเหมือนศาลาพักร้อนให้ความร่มเย็น
เพราะสมัยก่อนสัตว์ป่าที่ดุร้ายชุกชุมทำอันตรายแก่ผู้เดินทางเสมอ การให้ที่พักอาศัยแรมคืนย่อมเป็นกุศลอันสูงสุด แม้แต่พวกโจรตั้งใจไว้ว่าจะคอยปล้นก็กลับใจเพราะความดีของท่าน เมื่อท่านได้ถึงแก่กรรมลงแล้ว วิญญาณที่มีคุณธรรมสูงก็ยังช่วยพวกชาวบ้านที่ไปขอความช่วยเหลือ ดับความยากจนลงได้ แต่พวกทายาทบุตรหลานก็มิได้สนใจ เพราะบุตรหลานของท่านล้วนมีแต่ฐานะดีด้วยกันทุกคน จึงไม่มีใครสนใจว่าท่านได้ช่วยเหลือดับร้อนแบบไหน
เมื่อต้น พ.ศ. ๒๕๑๒ นี้ เพื่อนข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวตระกูล "รัตนกิจ" นี้ ได้เดินทางไปต่างประเทศเมื่อกลับจากต่างประเทศก็ได้ทราบข่าวว่า ผู้มาติดตามทายาทของครอบครัวตระกูล "รัตนกิจ" ได้พยายามสืบหา เมื่อมีผู้ถามว่ามาติดตามเพราะเหตุใด มีธุระร้อนหรือไม่ ผู้ที่ติดตามสืบหาทายาทของท่านได้ทราบว่า เป็นชาวเมืองกาญจนบุรี เดิมได้ลงทุนทำการขุดพลอยแต่ก็ผิดหวังไม่ได้ผล ไม่พอกับการใช้จ่ายค่าครองชีพ ที่สุดจากจนกำลังจะหมดตัว นึกถึงบนภูเขามีที่ฝังศพ ซึ่งร่างของท่านผู้นี้ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นคนใจบุญ เป็นที่ยกย่องสรรเสริญของบุคคลที่รู้จักทั่วไป
ฉะนั้น เมื่อชายผู้นี้ได้ทราบกิตติศัพท์ ก็ค้นหาสถานที่ฝังศพของท่านบนเขาจนพบ ก็ได้ไปกราบไหว้อ้อนวอนให้ท่านช่วยเพราะเวลานั้นกำลังเข้าตาจน มีชีวิตอยู่ในความยากลำบาก แม้จะพยายามอดทนทำงานเหน็ดเหนื่อยจนสายตัวแทบจะขาด ก็ยังตกอยู่ในความยากจน ตัวก็มิได้เกียจคร้าน มิได้เลือกงานหนักงานเบาก็มิได้อยู่นิ่ง รู้สึกตัวว่าเกิดมาอาภัพ แม้จะขยันขันแข็งอดทนก็ยังเอาตัวไม่รอด ไม่สามารถจะยกฐานะให้พ้นความยากจนไปได้ จึงไปกราบไหว้ที่หลุมฝังศพของท่าน ขอให้วิญญาณช่วยเหลือให้พ้นความจน ความทุกข์ ความยากด้วย
ต่อมาในคืนนั้น ชายผู้นั้นก็ฝันเห็นชายสูงอายุผู้หนึ่งเดินเข้ามาแล้วก็พูดว่า "เอ็งไปขอให้ข้าช่วยเหลือนั้น ข้าก็ไม่ขัดข้อง เพราะเอ็งก็เป็นคนซื่อ ฉะนั้น เอ็งจงฟังข้าและจดจำไว้ให้ดี การที่เอ็งเที่ยวขุดพลอย ที่เอ็งขุดเดี๋ยวนี้น่ะมันเหนื่อยเปล่าไม่มีอะไรหรอก อย่าขุดต่อไปเลย ย้ายขึ้นไปหาที่ใหม่ เอ็งจงเดินขึ้นไปตามลำธารน้ำไหล และที่นั่นเอ็งจะพบต้นไม้ มีเครื่องหมายกากบาทไว้ที่ต้นมะขามป้อมอยู่กลางต้น แล้วเวลาเช้าเงาออกไปสัก ๔ ศอก ข้างลำธารแล้วก็ขุดลงไป พอที่จะแก้ความยากจนของเอ็งได้"
เมื่อชายผู้นั้นตื่นขึ้นก็จำข้อความในฝันได้แม่นยำ และรุ่งขึ้นก็ไม่อยู่รอช้าถือเครื่องมือออกเที่ยวหา กำหนดเวลาที่ท่านผู้นั้นบอกไว้ในฝันอย่างถี่ถ้วน และได้พบกับเหตุการณ์ประหลาด ตรงกับความฝันรู้สึกตื่นเต้นที่สุดในชีวิต น่าอัศจรรย์จริงๆ ไม่มีอะไรผิดหรือเคลื่อนคลาดไปจากคำบอกเล่าของวิญญาณของท่าน
จึงรีบขุดตามที่กำหนดเมื่อเงาต้นไม้ทอด เวลาเช้าพระบิณฑบาตกลับวัดเป็นที่สังเกต ที่สุดก็ขุดลงไปเพียงหน้าดินตื้นๆ ก็ได้พบก้อนหินแร่ประหลาดก้อนหนึ่ง เมื่อได้นำมาให้ผู้ชำนาญได้ตรวจดูก็ปรากฏว่าเป็นพลอยอย่างดี ถ้าเจียระไนแล้วก็ได้พลอยน้ำดีไม่ต่ำกว่ายี่สิบสองกะรัต นับว่าได้พ้นจากความยากจนได้อย่างประหลาด
นี่เป็นเหตุที่ต้องให้ชายผู้นี้เดินทางเข้าพระนคร เพื่อสืบหาผู้เป็นทายาทของท่าน ตั้งใจจะสมนาคุณ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้พบกับทายาทของท่าน นี่ก็แสดงให้เห็นน้ำใจชายที่ยากจน ได้รับความยากลำบาก แต่มีจิตใจซื่อสัตย์สุจริต มีความกตัญญูกตเวที นึกถึงบุญคุณของท่านที่ได้ช่วยให้พ้นจากความยากจน ตนเองก็ยังอยากสนองบุญคุณโดยสืบหาทายาท อุตส่าห์พยายามสืบหาด้วยตนเอง ไม่คิดถึงความยากลำบาก จนไปสืบพบผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกับผู้เกี่ยวดองกับท่านเข้า แต่บังเอิญเดินทางไปต่างประเทศ
ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าเรื่องเช่นนี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ถ้าจะพิจารณาดูเหตุผลให้ซึ้งแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า วิญญาณของท่านได้ตกลงที่จะบอกลาภให้ผู้ใด ก็ย่อมจะเลือกแล้วว่า ผู้นั้นเป็นผู้ซื่อสัตย์หากินสุจริต และมีหลักถือความกตัญญูเป็นที่ตั้งดังได้กล่าวมาแล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดมากเรื่องหนึ่ง หากท่านที่ยังไม่เคยอ่านเรื่องที่ ๖๑ แล้ว โปรดย้อนไปอ่านใน "มาร้ายไปดี" ก็จะเห็นได้ว่า สิ่งประหลาดมหัศจรรย์ยังมีอยู่ในโลกนี้อีกมาก ข้าพเจ้าจึงได้นำมาเขียนขึ้นเพื่อประโยชน์ต่อไป
....................... เอวัง .......................
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 26 ก.ค.2006, 9:07 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2006, 7:43 am
ท่านเป็นวิญญาณที่มีคุณธรรม
ใครมีเคราะห์กรรมยากจนบนกราบไหว้
ต้องเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตใจ
จะบอกลาภผู้ใดดูการกระทำ
เขาเป็นชายนิรนามทำความดี
ชั่วชีวีสร้างกุศลผลยิ่งใหญ่
แก่กรรมเก่าพาให้จนทนเรื่อยไป
เฝ้ากราบไหว้วิญญาณช่วยชี้โชคชัย
ท.เลียงพิบูลย์
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th