Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 บริจาคดวงตาชาติหน้าจะตาบอด^^ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
น้ำใส
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 ธ.ค.2005, 12:08 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บริจาคดวงตาชาติหน้าจะตาบอด



--------------------------------------------------------------------------------



....คัดจากหนังสือหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ตอบปัญหาธรรมะ...



คำถาม

1. ผู้ที่บริจาคดวงตาให้กับโรงพยาบาลมีอานิสงส์ไหม

2. เมื่อบริจาคดวงตา ถ้าเป็นบุญบารมี จะเป็นปัจจัยให้ได้ดวงตาเห็นธรรมได้หรือเปล่า

3. จะเป็นอานิสงส์ให้ได้ถึงฌานสมาบัติได้ไหมสุดท้ายพระนิพพานด้วย

4. สมมติผู้บริจาคมีศรัทธา บริจาคมอบให้โรงพยาบาลแล้ว อยู่มาอีกเป็นสิบปีจึงสิ้นชีวิต ลูกหลานเกิดเบี้ยว

หรือไม่ยอมบอกให้หมอมาเอาดวงตา หรือลูกหลานลืมไม่ได้นึกถึงจึงไม่ได้เรียกหมอมาเอาดวงตา

กรณีเช่นนี้ผู้ตาย หรือผู้บริจาคจะได้บุญ หรืออานิสงส์ไหม

5. มีผู้คนเขาพูดว่าให้ดวงตาเขาไปแล้ว เมื่อไปเกิดชาติหน้าภพหน้าจะเป็นคนพิการ หรือไม่

6. บางคนก็ว่าสละดวงตาไปแล้วเป็นวิญญาณก็ดี หรือเป็นผี และไปเกิดในภพสัมภเวสีจะไม่มีลูกตา

ดวงตา จริงหรือไม่

7. เมื่อหมอเอาดวงตาไปแล้วใส่ให้ผู้อื่นเกิดใช้ไม่ได้ และดวงตานั้นเกิดเสียหาย หรือหมอทำผิดพลาด

ด้วยเหตุใดๆ ก็ดี จนดวงตาที่เอาไปนั้นใช้ไม่ได้ เหตุการณ์เช่นนี้ผู้สละดวงตาจะได้อานิสงส์ไหม

8. ผู้ที่บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาล เพื่อให้บรรดาหมอ และพยาบาลไปเรียนหรือศึกษาจะได้อานิสงส์

ผลบุญหรือไม่อย่างไรเมื่อสิ้นชีวิตแล้ว และชาติเบื้องหน้า

9. เมื่อบริจาคดวงตา และร่างกายให้โรงพยาบาลโดยได้ทำการจดชื่อลงชื่อมอบให้แล้วกลับมาบ้านจะ

นิมนต์พระสงฆ์มาทำบุญบ้าน แล้วกรวดน้ำแผ่ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และสัตว์ผู้บริจาคได้

ทำเอาไว้กับสัตว์นั้นจะได้ หรือไม่ จะถูกต้องหรือไม่

10. ถ้าถูกต้องทำได้ และถ้าทำบุญกรวดน้ำ ที่ได้บริจาคดวงตา หรือร่างกายไปแล้วภายหลังลูกหลานหรือ

หมอโรงพยาบาลเกิดทำผิดพลาด หรือลืมไป ไม่ได้เอาดวงตาร่างกายไปทำประโยชน์ดังที่ผู้บริจาค

ตั้งใจไว้ เมื่อผู้นั้นได้สิ้นชีวิตไปแล้ว เช่นนี้จะเป็นเวรเป็นกรรมเป็นบาปแก่ผู้บริจาค และลูกหลาน

ต่อไปหรือไม่ประการใด เพราะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลแล้ว

11. กระผมอยากทราบว่า สมัยพระพุทธโคดม ท่านยังทรงพระชนม์อยู่พระอรหันต์ที่เป็นภิกษุณีองค์

แรกคือใคร มีพระนามว่ากระไรครับ





คำตอบ

1. ผู้บริจาคดวงตาให้กับโรงพยาบาล มีอานิสงส์มาก

2. เมื่อบริจาคดวงตาแล้วจะได้กุศลเป็นส่วนไหนนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับผู้ปรารถนานายกอุทาหรณ์ เช่น

นางอุบลวรรณถวายดอกบัวต่อพระปัจเจกฯ แล้วก็ปรารถนาว่า ข้าพเจ้าเกิดมาในภพใดชาติใด

ขอให้สีกายเหมือนดอกบัว และก็ได้รับผลอย่างนั้นจริง จนได้ชื่อว่าอุบลวรรณานั่นเอง

คำว่าอุบลแปลว่าดอกบัว คำว่าวรรณาแปลว่าผิพรรณ สีกายเหมือนดอกบัวอยู่ห้าร้อยชาติติดๆ กัน ดังนี้

ส่วนที่จะได้ดวงตาเห็นธรรม หรือไม่นั้นก็ต้องอธิษฐานว่า " ขอให้ข้าพเจ้าได้ดวงตาเห็น

ธรรม " อย่างนี้ก็จะได้จริงสมคำดังปรารถนาดังผลทาน

3. จะเป็นอานิสงส์ให้ได้ถึงฌาน หรือไม่นั้น มันก็ขึ้นกับคำปรารถนาดังกล่าวแล้วนั้นเองตลอดทั้ง

พระนิพพานด้วย

4. ในกรณีที่ตกลงบริจาคไว้แล้วไม่ได้พลิกคืนก็เท่ากับว่าบริจาคแล้ว ก็ต้องได้บุญซิ

5. ให้ดวงตาเขาไปแล้ว เกิดชาติหน้าไม่พิการ เพราะเชื่อผลศีลผลทาน เพราะผลศีลผลทานไม่ทำให้คน

มีรูปขี้เหร่

6. และผู้ที่ไปเกิดไม่มีดวงตานั้น เป็นผู้มีบุพกรรมแต่ชาติก่อนเป็นต้นว่าได้ทำตาให้เขาบอดเป็นต้น

เช่นพระจักขุบาลเป็นพระอรหันต์ตาบอด เพราะได้ไปวางยาให้เขาตาบอด เพราะโกรธว่าเขา

ไม่ให้ค่ารักษา ที่เรารักษาตาให้หายแล้ว อันนี้พูดย่อเต็มที ในชีวประวัติของพระจักขุบาลยืดยาวนัก

7. เมื่อหมอเอาตาไปแล้วใส่ให้ผู้อื่นเกิดใช้ไม่ได้ หรือดวงนั้นเกิดเสียหาย หรือหมอทำผิดพลาดใดๆ

ก็ดีจนดวงตาที่เอาไปนั้นใช้ไม่ได้ เหตุการณ์เช่นนี้ผู้สละดวงตาก็ได้ผลตามเดิม เพราะจิตใจไม่ได้

พลิกคืนว่าจะไม่ให้

8. ผู้ที่ทานร่างกายให้โรงพยาบาลเพื่อให้บรรดาหมอ และพยาบาลไปเรียน หรือศึกษาก็ต้องได้บุญ

เต็มส่วนของเจตนานั้นๆ

9. เมื่อบริจาคดวงตา และร่างกายให้โรงพยาบาลโดยไปทำการจดชื่อลงชื่อมอบให้แล้วมาบ้าน

นิมนต์พระมาทำบุญ แล้วกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร และสัตว์ที่ผู้บริจาคได้ทำเอาไว้กับ

สัตว์ จะได้หรือไม่นั้นก็ยังเป็นปัญหาอยู่มาก เขาจะได้รับ หรือไม่ได้รับก็เป็นการเสี่ยงบุญ

เพราะเขาเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ถ้าหากว่าเขาเป็นเปรตสัมภเวสีเขาจึงจะได้รับ ส่วนเขาจะได้รับ

หรือไม่นั้นผลของบุญมาหาเราตามเดิม ถึงแม้เขาจะจองเวรเราอยู่ก็ตามผลบุญส่วนนั้น

ก็ต้องมาหาเราอยู่ ในบาลีจึงยืนยันว่า " ปัตติทานมัย " บุญสำเร็จด้วยการให้บุญ ดังนี้…

10. ถ้าเราบริจาคแล้ว ผู้อยู่ข้างหลังไม่ทำตามคำสั่งเสีย ก็เป็นความผิดของเขา แต่เราได้บุญตามเดิมอยู่

ผู้เขาลืมเขาก็ต้องเป็นบาปบ้าง

11. นางภิกษุณี องค์แรก คือนางปชาบดีโคตมี เป็นพะอรหันต์ก่อนเพื่อน

ที่มาhttp://www.geocities.com/pralaah/otherA16.htm

__________________
http://www.palungjit.com/board/showthread.php?p=150560#post150560
 
I am
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 ธ.ค.2005, 8:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

...ใครหนอในโลกนี้ ถูกขอทรัพย์อันน่าปลื้มใจแล้ว แม้จะเป็นของพิเศษ แม้จะเป็นของที่รักอย่างดีของตน จะไม่พึงให้ เราขอเตือนท่านทั้งหลายผู้เป็นชาวแคว้นสีพีทุกๆ คน ที่มาประชุมกัน จงดูดวงตาทั้งสองอันเป็นทิพย์ของเราในวันนี้



ตาทิพย์ของเราเห็นได้ทะลุภายนอกฝา ภายนอกกำแพง และภูเขาตลอด ๑๐๐ โยชน์โดยรอบ ในโลกอันเป็นที่อยู่ของสัตว์ทั้งหลายนี้ ไม่มีอะไรที่จะยิ่งไปกว่าการบริจาคทาน เราได้ให้จักษุที่เป็นของมนุษย์แล้ว กลับได้จักษุทิพย์



ดูก่อนชาวแคว้นสีพีทั้งหลาย ท่านทั้งหลายได้เห็นจักษุทิพย์ที่เราได้นี้แล้ว จงให้ทานเสียก่อน จึงค่อยบริโภคเถิด บุคคลผู้ให้ทานและบริโภคแล้วตามอานุภาพของตน ไม่มีใครจะติเตียนได้ ย่อมเข้าถึงสุคติสถานดังนี้....


http://84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=272066



โมทนากับคุณน้ำใสด้วยนะครับ สาธุ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง