คำว่า "เห็นกายเป็นภายใน" และ"เห็นกายเป็นภายนอ

ผู้เยี่ยมชม

ในการเจริญสติปัฏฐานมีคำว่า เห็นกายในกาย เป็นภายนอกบ้าง เห็นกายในกายเป็นภายใน

บ้าง เห็นกายในกายทั้งภายในบ้าง ทั้งภายนอกบ้าง หมายความอย่างไร

หมายความว่าในการเจริญกายานุปัสสนา เช่น อานาปานสติ กายคตาสติ อสุภ อิริยาบถ

ผู้เจริญภาวนาพิจารณาอารมณ์ในองค์ภาวนาด้วยการมีสติสัมปชัญญะอยู่ เรียกว่าเห็น

กาย"เป็นภายนอก" เมื่อผู้เจริญภาวนานั้นมีอินทรีย์เสมอกัน ได้สมาธิ เช่นอุปจารสมาธิ

และพิจารณาอารมณืในองค์ภาวนาเช่นเดิมในอุปจารหรือขณิกสมาธิก็ตาม เรียกว่าเห็น

กาย "เป็นภายใน"

และเมื่อผู้พิจารณานั้นพิจารณาองค์ภาวนาในขณะกำลังเป็นสมาธิเป็นภายในนั้น สมาธิ

ถอนตัวออกมา แต่การพิจารณานันยังมีอยู่เรียกว่าเห็นกายในกายเป็นภายนอก และการ

พิจารณาที่มีอย่างต่อเนื่องนั้น สมาธิเช่นขณิกสมาธิเข้าๆออกๆด้วยการถอนตัวออกบางเข้า

ไปบาง ตามกำลังของผู้เจริญภาวนา เรียกว่าเห็นกายเป็นภายในบ้างเป็นภายนอกบ้าง

ผู้เยี่ยมชม

งงจ้า

ผู้เยี่ยมชม

เหมือนกันและเป็นอย่างเดียวกับที่อธิบายใน พระอภิธรรม เล่ม2 วิภังค์ หรือไม่ ว่า

"[๔] รูปภายใน เป็นไฉน รูปใด ของสัตว์นั้นๆ เอง ซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตน เฉพาะบุคคล

อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่มหาภูตรูป ๔ และอุปาทายรูปที่อาศัยมหา

ภูตรูป ๔ นี้เรียกว่ารูปภายใน

รูปภายนอก เป็นไฉน

รูปใด ของสัตว์อื่นของบุคคลอื่นนั้นๆ ซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตนเฉพาะบุคคล

อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่มหาภูตรูป ๔ และอุปาทายรูปที่อาศัยมหา

ภูตรูป ๔ นี้เรียกว่ารูปภายนอก"

ผู้เยี่ยมชม

ขอบคุณครับเณรน้อย ที่ให้ความกระจ่าง

ผู้เยี่ยมชม

อยากฝากให้ช่วยดู

เวทนาภายใน เวทนาภายนอก

จิตภายใน จิตภายนอก

ธรรมภายใน ธรรมภายนอก

ว่ามีอธิบายในอภิธรรมหรือไม่ด้วยครับ

ผู้เยี่ยมชม

เรียนคุณ อาคันตุก ใจคอจะไม่ยอมอ่านพระอภิธรรมเลยนะ แต่คงเป็นเพราะยังไม่มีเวลามากกว่า เอาเป็นว่าเมื่อท่านขอมา เณรน้อยก็จะจัดให้เอาสั้นๆนะเพราะถ้าคัดลอกมาทั้งหมดมันจะเปลืองเนื้อที่มาก

เวทนาภายใน เวทนาภายนอก

[๑๐] เวทนาภายใน เป็นไฉน เวทนาใด ของสัตว์นั้นๆ เองซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตน เฉพาะบุคคล อันกรรมที่

สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่ สุขเวทนา ทุกขเวทนาอทุกขมสุขเวทนา นี้เรียกว่า

เวทนาภายใน

เวทนาภายนอก เป็นไฉน

เวทนาใด ของสัตว์อื่นของบุคคลอื่นนั้นๆ ซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตน

มีเฉพาะบุคคล อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุข

เวทนา นี้เรียกว่าเวทนาภายนอก

จิตภายใน จิตภายนอก (จิตคือวิญญาณ)

[๒๘] วิญญาณภายใน เป็นไฉน วิญญาณใด ของสัตว์นั้นๆ เองซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตน เฉพาะบุคคล

อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่จักขุวิญญาณ ฯลฯมโนวิญญาณ นี้เรียกว่า

วิญญาณภายใน

วิญญาณภายนอก เป็นไฉน

วิญญาณใด ของสัตว์อื่นของบุคคลอื่นนั้นๆ ซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตน เฉพาะ

บุคคล อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ มโนวิญญาณ นี้

เรียกว่าวิญญาณภายนอก

ธรรมภายใน ธรรมภายนอก (ธรรมคือสัญญาเจตสิกและสังขารเจตสิก )

[๑๖] สัญญาภายใน เป็นไฉน

สัญญาใด ของสัตว์นั้นๆ เอง ซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตนเฉพาะบุคคล อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่จักขุสัมผัสสชาสัญญา ฯลฯ

มโนสัมผัสสชาสัญญา นี้เรียกว่าสัญญาภายใน

สัญญาภายนอก เป็นไฉน

สัญญาใด ของสัตว์อื่นของบุคคลอื่นนั้นๆ ซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตน

เฉพาะบุคคล อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่จักขุสัมผัสสชาสัญญา ฯลฯ

มโนสัมผัสสชาสัญญา นี้เรียกว่าสัญญาภายนอก

[๒๒] สังขารภายใน เป็นไฉน สังขารเหล่าใด ของสัตว์นั้นๆ เอง ซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตนเฉพาะบุคคล

อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่จักขุสัมผัสสชาเจตนา ฯลฯ มโนสัมผัสสชา

เจตนา นี้เรียกว่าสังขารภายใน

สังขารภายนอก เป็นไฉน

สังขารเหล่าใด ของสัตว์อื่นของบุคคลอื่นนั้นๆ ซึ่งมีในตน เฉพาะตนเกิดในตน เฉพาะบุคคล อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่จักขุสัมผัสสชาเจตนา ฯลฯ

มโนสัมผัสสชาเจตนา นี้เรียกว่าสังขารภายนอก

ตอบเมื่อ: 03 ธ.ค.2005, 2:06 pm

มึนคับเจอคำศัพย์บาลี ไม่ค่อยได้ศึกษา