Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 มนุษย์เกิดมามีบุญจริงหรือไม่ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 21 พ.ย.2005, 10:07 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก่อนอื่นเราต้องแตกประเด็นนี้ออกเป็น 2 ประเด็นด้วยกัน ประเด็นแรกมนุษย์โดยปกติ ถ้าเป็นมนุษย์โดยทั่วไปแล้ว เมื่อก่อนที่ผมจะมาลงมือปฏิบัติสมาธิภาวนา ผมคิดว่าการเกิดเป็นมนุษย์มีบุญมากแล้วถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ หลังจากทมี่ผมปฏิบัติสมาธิจนแตกฉานได้พอสมควรแล้ว ผมกลับมาคิดว่า หารเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้มีบุญมากที่สุดแต่กลับมีกรรมมากที่สุดต่างหาก โดยเฉพาะมนุษย์ยุคปัจจุบัน เพราะมนุษย์ยุคปัจจุบันเกิดมาผจญทุกข์ภัยมากมายที่มีรุนแรงมากขึ้น อารมณ์เช่นว่าได้แก่ ความโกรธ ความถือตัว ความเห็นแก่ตัว ฯลฯ อีกส่วนคือมีโรคภัยไข้เจ็บใหม่ ๆ เช่นไข้หวัดนก โรคเอดส์ โรคซาร์ ฯลฯ อีกส่วนคือภัยพิบัติธรรมชาติที่มากขึ้น เช่นสึนามิ น้ำท่วม อากาศวิปริตผิดธรรมชาติ และยังมีความยากจน ความอดอยาก การก่อการร้าย เป็นของแถมอีกต่างหาก



ดังนั้นมนุษย์ผูเจริญทั้งหลาย อย่านึกว่าเกิดมาแล้วมีบุญมากกันอยู่เลย หากเราคิดกันเช่นนี้ทุกคน ก็จะไม่มีใครคิดสำรวจข้อบกพร่องของตนเอง เพราะธรรมชาติของมนุษย์ พูดสิ่งใดออกมาตัวเรามักจะเป็นในสิ่งตรงกันข้ามกับที่เราเป็น เช่นผมเป็นคนโลภมาก พอเราพูดเช่นนี้บ่อย ๆ มันจะเกิดกระบวนการที่ทำให้เราระมัดระวังตัวมากขึ้น และการที่เราระมัดระวังตัวอยู่เช่นนี้ก็จะนำเราไปแก้ไขสภาวะแห่งความโลภที่เรามีได้ในที่สุด แต่ในขณะเดียวกันถ้าคนที่พูดว่า ผมเป็นคนไม่โลภ พอพูดมาก ๆ เข้าก็ไม่เกิดกระบวนการแก้ไข เพราะเมือตนคิดเช่นนั้นแล้วจึงเป็นการพอกพูนความโลภให้เกิดขึ้นกับตนเองทุกขณะ



มองอีกแง่หนึ่ง มนุษย์ถ้าเกิดมาแล้วจะเป็นผู้มีบุญมาก คือผู้ที่เกิดมาแล้วปฏิบัติสมาธิภาวนาให้เกิดผลขึ้นกับตนเอง แล้วยิ่งสามารถอธิบายผลจากการปฏิบัติที่ตนได้รับ ก็จะถือว่าเป็นผู้มีบุญอย่างแท้จริง เพราะการปฏิบัติสมาธิภาวนาในขณะที่อยู่ในร่างมนุษย์ การบำเพ็ญเพียรของเราก็จะเร็วกว่าตอนที่เราเป็นจิตวิญญาณ หรือเป็นเทวดาหลายเท่า ทั้งนี้เพราะมนุษย์มีภาระกิจในการดำเนินชีวิตมาก อย่างน้อยสุด การทำความสะอาดร่างกาย การรับประทานอาหาร พวกเราต้องทำกันทุกวันเป็นกิจวัตร แต่พวกจิตวิญญาณและเทวดาไม่ต้องทำในสิ่งเหล่านี้ นี่ยังไม่นับว่า ต้องไปประกอบอาชีพ ไปเรียนหนังสือ อีกนะครับ ย่อหน้านี้จึงเป็นคำตอบที่บอกว่ายากจนแล้วจะมาปฏิบัติสมาธิได้อย่างไร คำตอบคือเมื่อเราลงมือปฏิบัติสมาธิด้วยความอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เช่นคนพิการอย่างผมขยันปฏิบัติสมาธิภาวนามาก ๆ ตัวคุณของผมจะมากกว่าคนปกติ ทำให้การปฏิบัติสมาธิภาวนาจนสำเร็จมรรคผลจะยิ่งทำได้เร็วและง่ายกว่าคนปกติอีกนะครับ
 

_________________
ไม่มีเรื่องส่วนตัวนะครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
วรากร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 พ.ย.2005, 11:18 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มนุษย์เกิดมามีบุญจริงหรือไม่

ตอบ

"มีบุญ" คำว่ามีบุญนี้คือ

1.ได้เกิดมาดีกว่าภพอื่น เช่น สัตว์ เปรต นรก เพราะพวกเขาต้องทุกข์ทรมานในด้านร่างกาย และจิตมากกว่าการเกิดเป็นคน หากต้องการเกิดเป็นคนก็ต้องรอให้หxxxรรมก่อน

2. สามารถพัฒนาตนให้เป็น เทพ เทวดา พรหม พระพุทธเจ้าได้

3. สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระ กิน นอน และอีกหลายๆอย่าง



จิตที่สามารถจะเกิดมาเป็นมนุษย์ได้ ต้องถื่อว่ามีบุญ เพราะลองคำนวณดูง่ายว่าโลกเรามีสัตว์เท่าไร แล้วมีมนุษย์เราตอนนี้มีเท่าไร หากเทียบแล้วเรายังมีน้อยกว่าสัตว์มาก แล้วที่ยังติดอยู่ในนรกอีกไม่รู้เท่าไร แค่คิดนับว่ามนุษย์เกิดมามีบุญจริง



แต่คนเรามักจะบอกว่าเกิดมามีบุญต้องเกิดมารวยซิ อันนี้มันเป็นของใครของมัน และมันก็ใช้ได้ไม่นาน บุญก็เหมือนเงิน หากไม่รู้จักเก็บรู้จักใช้ ก็หมด



การเกิดมาเป็นคน ไม่ควรถามว่ามีบุญจริงหรือ ควรถามว่าเราจะนิพพานในภพนี้ได้ไหม

อย่างน้อยก็อย่าได้เกิดในภพที่ต่ำกว่า อย่างน้อยขอให้เกิดในศาสนาที่สอนไม่พบนิพพาน



ทุกข์สุขมนุษย์สร้างขึ้นเอง บาปบุญเหมือนเงาตามตัว (โอวาทของพระอรหันต์จี้กง)







 
วรากร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 พ.ย.2005, 11:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แก้ไขคำผิด

อย่างน้อยขอให้เกิดในศาสนาที่สอนไม่พบนิพพาน เป็น

"อย่างน้อยขอให้เกิดในศาสนาที่สอนไห้พบนิพพาน"
 
ความหลงนำเข้ามา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 พ.ย.2005, 12:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความคิดส่วนตัวยังไม่รู้เหมือนกันครับว่าตนเองก็เป็นมนุษย์มีบุญหรือเปล่าเพราะมันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายสลับกันไปอยู่เรื่อยมา แต่มั่นใจว่ามีกรรมติดมากับตัวเองอยู่แน่นอนและก็คงไม่เว้นเราเราท่านท่านที่อยู่ร่วมกันในที่นี่ทุกคนด้วย ที่แตกต่างกันคงมีแต่จิตใครจิตมันที่จะสามารถดำรงค์ได้อยู่บนผลของกรรมตัวเองโดยไม่โลภโกรธหลงให้ทุกข์หรือสุขจนเสียความบริสุทธิ์ของจิตได้นานหรือมากน้อยแค่ไหน
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ย.2005, 1:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดีครูบาอาจารย์ที่เคารพทุกท่าน



มนุษย์เกิดมามีบุญจริงหรือไม่....หลักพระพุทธศาสนา พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสอยู่แล้วว่าการได้เป็นมนุษย์เป็นการยาก หมายถึงการเกิดเป็นมนุษย์อย่างนี้เป็นการยาก ไม่ใช่หมายความว่าเกิดยาก เกิดนั้นเกิดง่าย แต่ว่าบุคคลที่จะมาเกิด มาเกิดได้ยาก เพราะอย่างน้อยเราต้องสร้างกุศลกรรมคือจะต้องประกอบแต่กรรมดีมาก่อน กุศลแห่งกรรมดีที่ได้สั่งสมมานั้นเป็นส่วนที่ช่วยสนับสนุนให้เราได้มีอัตตภาพร่างกายเกิดมาเป็นมนุษย์อย่างนี้ ก็ถือว่าเป็นบุญ



เพราะสัตว์อื่นที่นอกไปจากมนุษย์ก็มีอยู่ ซึ่งมีอยู่มากมายและก็ไปเกิดกันเยอะแยะ นี่แสดงให้เห็นว่าวิญญาณของสัตว์เหล่านี้ขาดการอบรมสร้างสรรค์ในเรื่องบุญกุศลและคุณงามความดีมาก่อน ก็หมดโอกาสที่จะได้อัตตภาพร่างกายเป็นมนุษย์เหมือนอย่างเราๆ มนุษย์ถือเป็นสัตว์โลกที่ประเสริฐประเภทหนึ่ง เพราะมนุษย์รู้จักสร้างสรรค์ความสุขให้เกิดขึ้น รู้จักกระทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความสุขในชีวิต



การเกิดเป็นมนุษย์นับว่าเป็นบุญ แต่อย่าคิดว่าเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็แล้วกัน เพราะการเป็นมนุษย์ที่ดีนั้นก็เป็นการยากอีก ชีวิตนี้เป็นเรื่องยาก ยิ่งมนุษย์ที่เกิดมาในบวรพุทธศาสนาก็ยิ่งนับว่าเป็นบุญใหญ่ เพราะฉะนั้นเราควรสนใจศึกษาเพื่อให้ชีวิตของเราไปสู่ความสวัสดี




...ทุกข์ไม่เหมือนมนุษย์ สัจธรรมจะเด่นชัด...



ธรรมะสวัสดี



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
กระทะ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ย.2005, 3:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มนุษย์เกิดมามีบุญจริงหรือไม่



คำว่า มนุษย์เกิดมามีบุญจริงหรือไม่ นั้น ผมว่ามนุษย์ทุกๆคนนั้น มีบุญที่ได้เกิดมา แต่เมื่อเกิดมาได้เป็นมนุษย์นั้น ได้สะสมบุญกันมากน้อยแค่ไหน ขอแสดงความคิดเห็นเท่านี้ครับ

ขอให้เจริญในธรรมทุกๆคนครับ
 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ย.2005, 9:18 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อันนี้เป็นปรัชญาครับ คือที่ผมไม่ได้เขียนเพิ่มไปอีกหน่อย คือเกิดเป็นมนุษย์สามารถผลิตเจตนาได้ดีกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น โอกาสที่จะทำบาปย่อมมีมากกว่าสัตว์ประเภทอื่น แต่ต้องยอมรับว่าคนสมัยนี้มีกรรมมากกว่าคนสมัยก่อนโดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 100000 เท่า ดังนั้นโอกาสที่จะท่ำทั้งบุญและทั้งบาปได้ดีกว่าสัตว์ประเภทอื่น แต่ผมว่าอย่ามองว่าเราเกิดมาแล้วมีบุญเลยครับ เพราะการคิดเช่นนั้นจะทำให้เราหลงตนและไม่สำนึกในบาปกรรม แล้วสร้างบาปกรรมให้แก่ตนมากขึ้น คือถ้าดูด้านบนผมก็ยกตัวอย่างตอนตั้งกระทู้นั่นแหล่ะครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ย.2005, 6:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคยได้ยินครูบาอาจารย์ท่านประมาณโอกาสที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ว่า ยังน้อยกว่าที่เต่าตาบอด ตัวหนึ่ง ซึ่งลอยคออยู่กลางมหาสมุทรจะได้พบกับแผ่นดิน

บุญแท้หนอ ที่ชาตินี้ได้อัตภาพอันสามารถเลือกประกอบคุณงามความดีได้

คิดแล้วเป็นกำลังใจให้ตั้งอยู่ในความพยายามละชั่ว ทำดี ทำจิตให้บริสุทธิ์



คนโบราณมีบุญที่ได้อยู่กับธรรมชาติ คนสมัยใหม่ก็พอมีโชคบ้างกับเทคโนโลยี

ก็ดีทั้งนั้น คิดมาก ชั่งตวงวัด จะวุ่นวายใจเปล่าไหม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง