Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ธรรมะของพระผู้บำเพ็ญตนอยู่ในศีลวัตรอันงดงาม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
poivang
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224

ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ย.2005, 9:14 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



54095409.jpg


ธรรมะของหลวงปู่หลุยส์ จันทสาโร



วิเวก

เวลานั่งสมาธิ ให้วิเวก ๓อย่าง

กายวิเวก.....นึกว่าเราเกิดในโลกคนเดียว

แม้แก่เจ็บตายคนเดียว.....ใครช่วยไม่ได้

วจีวิเวก.....ไม่พูดจา

มโนวิเวก....คือจิตเปลี่ยว จิตหว้าเหว่

ไล่นิวรณ์ได้ (ละเอียดที่สุด)

ให้นั่งคนเดียวอยู่ ณ ที่นี้

ตัดสินใจลงไปว่า......

เราตายคนเดียว เราเกิดคนเดียว

ใครช่วยไม่ได้ ให้ตัดสินใจถึงขนาดนั้นเทียว

ถึงได้ชื่อว่า...... กายวิเวก......มโนวิเวก......

นั่นคือหัวใจเปลี่ยว หว้าเหว่เปลี่ยว





นิมิต

ถ้ามีแต่สมาธิอย่างเดียว

ต้องมีนิมิตต่างๆหลอกอยู่เรื่อยๆ

......ทำให้เป็นบ้าได้

ถ้าภาวนาเอาวิปัสสนาผสมสมาธิแล้ว

......ย่อมไม่เกิดนิมิตเพราะไตรลักษณ์ล้างอยู่เสมอ

และไม่สำคัญตน ไม่เป็นบ้า เกิดนิมิตทั้งหลายก็รู้เท่าทัน

เมื่อนิมิตเกิด....เราไม่ต้อนรับหนึ่ง นิมิตก็หายไป

เพ่งไตรลักษณ์ล้างอีกที นิมิตก็หายไป

เพราะมันไม่เที่ยง วางเจตนา ก็หายวิตกวิจาร

ถือของนั้นเป็นของดี ทวนกลับเข้าจิตเดิมก็หาย

อย่าอธิษฐานนิมิตนั้นว่าเป็นของดี



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
poivang
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224

ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ย.2005, 9:15 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



77927792.jpg


ธรรมะของสมเด็จพระญาณสังวร



เมตตาธรรม

ธรรมะสำคัญประการหนึ่ง ที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ คือเมตตาธรรม

ใครทั้งหลายก็สรรเสริญบรรดาผู้มีเมตตาธรรม

ในขณะเดียวกันก็มีผู้ต้องเป็นทุกข์เพราะมีเมตตา

ด้วยหลงเข้าใจว่า.....เมื่อมีเมตตา มีความสงสาร

ก็ต้องมีใจไม่เป็นสุข ซึ่งที่จริง....หาถูกต้องไม่

มีเมตตาต่อผู้เป็นทุกข์นั้น....ดีนัก

แต่.....อย่าลืมเมตตาตัวเอง

จนปล่อยให้ใจตัวเองเป็นทุกข์ เพราะเมตตา

เขาไม่มีอำนาจใดจะไปสู้กับอำนาจกรรมของใครได้

เมื่อเชื่อในเรื่องอำนาจกรรมเช่นนี้.....

ใจที่มีเมตตาก็จะเป็นการมีเมตตาอย่างถูกต้อง มีปัญญา

ไม่พาใจตนเองไปสู่ความเร่าร้อน ด้วยเมตตาที่ไม่ถูกต้อง





เหตุแห่งทุกข์

ทุกคนมีความทุกข์

ทุกคนพยายามแก้ไขเพื่อจะให้พ้นทุกข์

แต่น้อยคนที่เริ่มการแก้ไขให้ถูกวิธี

คือ.....เริ่มด้วยการทำตนให้เชื่อเสียก่อน

ว่าความทุกข์นั้นเกิดจากความคิดของตนเอง

.....ไม่ได้เกิดจากอะไรอื่นภายนอก

ขอให้เริ่มเชื่อเสียก่อน ยอมรับเสียก่อน

ว่าความทุกข์ของตนเกิดจาก....

“ความคิด” ของตนเอง

พยายามเตือนตนเองให้เชื่อเช่นนี้ไว้ให้เสมอ

พยายามอย่าลืม....

พยายามอย่าปล่อยใจ.....ให้คิดโทษนั่น โทษนี่

......ว่าเป็นเหตุแห่งความทุกข์ของตน





ทางพ้นทุกข์

เมื่อต้องการจะพ้นจากทางแห่งทุกข์

ฉะนั้น....ต้องยอมรับวิธีที่พระพุทธองค์ทรงรับรองแล้ว

นั่นก็คือต้องยอมรับว่า....

วิธีแก้ทุกข์ที่จะได้ผลจริงนั้น

ต้องแก้ที่ใจตนเองเท่านั้น

ถ้าแก้ทุกข์ที่ใจตนเองสำเร็จแล้ว

จะไม่มีทุกข์อื่นเกิดแก่ตนได้เลย

......ความจริงเป็นเช่นนี้แน่นอน

เมื่อต้องการไม่มีทุกข์.......

ก็ต้องพยายามข่มใจ ข่มความคิด

ข่มใจ....ข่มความคิด ที่ต้องแย้งความจริงนี้ให้สำเร็จ

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
poivang
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224

ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ย.2005, 9:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



62196219.jpg


ธรรมะของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล



วิมุตติ

การเริ่มต้นปฏิบัติวิปัสสนาภาวนานั้น

จะเริ่มต้นด้วยวิธีไหนก็ได้

เพราะผลมันเป็นอันเดียวกันอยู่แล้ว

ที่ท่านสอนแนวปฏิบัติไว้หลายแนวนั้น

เพราะจริตของคนไม่เหมือนกัน

จึงต้องมีวัตถุ สี แสง และคำสำหรับบริกรรม

เช่นพุทโธ อรหัง เป็นต้น

เพื่อหาจุดใดจุดหนึ่งให้จิตรวมอยู่ก่อน

เมื่อจิตรวม สงบแล้ว คำบริกรรมนั้นก็หลุดหายไปเอง

แล้วก็ถึงรอยเดียวกัน รสเดียวกัน

มีวิมุตติ (ความหลุดพ้น) เป็นแก่น มีปัญญา เป็นยิ่ง





อริยสัจแห่งชีวิต

๑.จิตที่ส่งออกนอกเพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้นเป็นสมุทัย

๒.ผลที่เกิดจากจิตส่งออกนอกแล้วหวั่นไหวเป็นทุกข์

๓.จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค

๔.ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นนิโรธ





หลักธรรมที่แท้จริง

หลักธรรมที่แท้จริงนั้นคือ “จิต”

ให้กำหนดดูจิตให้เข้าใจจิตตัวเองให้ลึกซึ้ง

เมื่อเข้าใจจิตตัวเองได้ลึกซึ้งแล้ว

นั่นแหละได้แล้วซึ่งหลักธรรม

กิเลสทั้งหมดเกิดรวมอยู่ที่จิต

ให้เพ่งมองดูที่จิต อันไหนเกิดก่อน ให้ละอันนั้นก่อน

ถ้ามีเวลาสำหรับหายใจ.....ก็ต้องมีเวลาสำหรับภาวนา

ความโกรธ ไม่มีใครตัดให้ขาดได้หรอก

มีแต่รู้ทัน....เมื่อรู้ทันมันก็ดับไปเอง











 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
โจ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ย.2005, 10:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชอบมากมากเรยครับ อนุโมทนาบุญกุศลกับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ แจ่มมาก
 
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ย.2005, 4:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ภัทรภร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ย.2005, 8:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

-ขออนุทนาบุญค่ะขอสิ่งที่ดีดีจงนำเข้าหาผู้ปฏิบัติธรรมด้วยเทอญ
 
มาดู
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 06 พ.ย.2005, 10:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
poivang
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 พ.ย.2005, 2:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอให้เจริญในธรรมโดยถ้วนถึงทุกคนค่ะ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง