Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ไม่เคยสมหวังในความรัก อกหักทั้งปี ต้องทำอย่างไรถึงจะสมหวังสั อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
anaconda
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 14 ต.ค. 2005
ตอบ: 1

ตอบตอบเมื่อ: 14 ต.ค.2005, 6:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่เคยสมหวังในความรัก อกหักทั้งปี ต้องทำอย่างไรถึงจะสมหวังสักที และต้องเจ็บปวดร้องไห้แทบตาย คิดมาก เครียด เศ้รา ไม่อยากมีชีวิตต่อ ดูชีวิตนี้มันช่างสิ้นหวังเหลือเกิน ไม่ทราบว่าต้องแก้ไข อย่างไรบางถึงจะหลุดพ้นจากความทุกข์นี้ อยู่คนเดียวก็ทุกข์ มีแฟนก็ทุกข์ ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิด และจิตนาการของตนเองเสมอ พยายามหยุด แต่ลำบากมาก ยิ่งในวันพระจันทร์เต็มดวงทีไร ต้องร้องไห้และคิดมากทุกที มีวิธีไหนบ้าง ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
 

_________________
เจ็บซ้ำ อยากให้ช่วย
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
อ.สมภพ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 ต.ค.2005, 12:56 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอให้เข้าไปที่www.thammajak.com มีวิธีทำให้ได้คู่แบบง่ายแต่แน่นอน100%ถ้าตั้งใจทำมากๆ.
 
P
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 ต.ค.2005, 7:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ

ผมขอเสนอวิธีแก้ครับ

ลองมาพิจารณาดูว่าสาเหตุของความทุกข์คืออะไร ทำไมเราถึงได้รับทุกข์ ตามกฎแห่งกรรม คุณก็เคยทำไม่ดีมา (นั่นคือทำผิดศีล) ผลจึงได้รับทุกข์รับโทษ



แต่ตอนนี้สิ่งนั้นมันก็ผ่านไปแล้ว กลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว มีแต่ทำปัจจุบันให้ดี



ถ้าคุณอยากได้คู่ครองที่ดี ตัวคุณก็ต้องดีก่อน คนดีก็ต้องพบกับคนดี คนไม่ดีก็จะพบกับคนไม่ดี ลองพิจารณาดูว่าจริงหรือไม่



อันดับแรก ขอเสนอให้รักษาศีล 5 ให้ดีก่อนโดยการสมาทานศีลทุกเช้าค่ำ

คำสมาทานศีลแบบย่อ

พุทโธ ธัมโม สังโฆ ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ ศีลข้อ 2 ไม่ลักทรัพย์ ศีลข้อ 3 ไม่ประพฤติผิดในกาม ศีลข้อ 4 ไม่พูดเท็จ ศีลข้อ 5 ไม่ดื่มสุราของมึนเมา

บัดนี้ข้าพเจ้า.....ได้ตั้งใจรักษาศีล

บัดนี้ข้าพเจ้า.....เป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยศีล

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระอริยสังฆคุณ และผู้มีพระคุณทั้งหลาย ได้โปรดแผ่มาปกป้องคุ้มครอง ขอให้ข้าพเจ้า........



สมาทานทุกเช้าค่ำ ระหว่างวัน ก่อนนอน ตื่นนอน ก่อนที่จะเข้านอนก็มาตรวจดูว่าวันนี้ผิดศีลมั้ย ถ้าผิดก็้สมาทานตั้งใจรักษาใหม่ หรือระหว่างวันถ้าทำผิดก็สมาทานใหม่ทันที



แล้วชีวิตของคุณก็จะดีขึ้น



อันดับที่สอง พิจารณาว่าสาเหตุที่ทุกข์เพราะเราเคยเบียดเบียนเขา เราก็ขอยอมรับในความผิดอันนั้น แล้วก็ขออโหสิกรรมกับคู่กรณี(แฟนของคุณ)



เมื่อทำความดีก็ให้นึกถึงความดีนั้นแล้วก็ขอแผ่ให้กับคู่กรณีของคุณแล้วก็ ขออโหสิๆๆ

พร้อมทั้งให้อโสิกรรมทั้งหลายที่เขาได้ทำให้คุณทุกข์ ให้อโหสิๆๆ



ทำไปเรื่อยๆ แล้ววิบากกรรมที่รับอยู่ก็จะเบาลง

ถ้าแฟนของคุณให้อโหสิกรรมแก่คุณ วิบากกรรมก็จะเบาลงอีก



ผมขอยืนยันในวิธีที่ได้เสนอมาแล้วว่าสามารถช่วยให้ความทุกข์เบาลงได้



ถ้ามีปัญหาสงสัยก็ถามได้ครับ



ขอให้ตั้งใจปฏิบัตินะครับ ขอให้มีความสุข



โมทนาสาธุ โมทนาสาธุ โมทนาสาธุ
 
คนเคยเป็น
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 ต.ค.2005, 6:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคยเป็นแบบนี้ คือทุกข์ใจ ไม่แน่ใจว่าแฟนเรามีคนอื่น ก็สวดมนต์ทุกวัน อุทิศกุศลกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร รวมทั้งเขา ไม่นาน ความจริงที่เราอยากรู้ก็ปรากฏ เขามีคนอื่น เสียใจ 1 วันกว่า ๆ เมื่อสวดมนต์และแผ่เมตตาทุกวัน ความทุกข์เบาบางลง จึงเกิดปัญญามองเห็นว่า เมื่อมีเขา เราทุกข์มากกว่าสุข เมื่ออยู่คนเดียว เราสุขจากความสงบมากกว่าทุกข์ จึงคิดได้ว่า เราหxxxรรมที่มีกับผู้ชายคนนั้นแล้ว เราจึงไม่ทุกข์เพราะเขาอีก ถ้าความรักทำให้คุณทุกข์มากกว่าสุข เมื่อใดที่ความรักนั้นจากคุณไป แสดงว่าคุณหxxxรรม
 
นายประแจ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 ต.ค.2005, 11:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณไม่ได้รักเขาจริง ๆ หรอก คุณรักตัวคุณเองมากกว่า คุณถึงมานั่งร้องไห้สงสารตัวเองอยู่นี่ไง รักตัวเองให้น้อยลง ความทุกข์ก็จะน้อยลงเอง



จะรักต้องรักให้เป็น รักคนอื่นให้มาก ๆ รักตัวเองให้น้อย ๆ จะพบความสุขจากความรัก



คุณรักเขาจริงหรือ คุณกำลังใช้เขาเป็นเครื่องมือในการรักตัวเองมากกว่า พิจารณาตรงนี้ให้ดี



การให้ความรักก็เหมือนการทำบุญ ทำบุญต้องไม่หวังผลตอบแทนจึงจะได้บุญ การให้ความรักก็ต้องไม่หวังรักตอบจึงจะมีความสุข



สรุป รักตัวเองให้น้อยที่สุด จะมีความสุขในชีวิต



 
P
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 ต.ค.2005, 8:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความรัก คือ ความเมตตา เมตตาใครก่อนละ ก็เมตตาตัวเองไง นั่นหมายความว่าให้รักตัวเอง ไม่ทำให้ตัวเองทุกข์ ทำอย่างไรที่จะไม่ทำให้ตัวเองทุกข์ ก็ไม่ทำผิดยังไงละ เพราะจะได้ไม่รับทุกข์รับโทษ อันดับแรก้รักษาศีล ปิดอบาย



พอรักตัวเองเป็น รักที่จะไม่ทำให้เกิดทุกข์ รักที่จพทำความดี ็้จะรักคนอื่นเป็น

ตัวเองต้องรักตัวเองก่อน



กามมันให้สุขก็จริง แต่มันมีผลข้างเคียง คือความทุกข์มหาศาล ลองพิจารณาดูนะครับ
 
jr_m
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 17 ต.ค.2005, 4:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่เคยสมหวังในความรัก อกหักทั้งปี ต้องทำอย่างไรถึงจะสมหวังสักที และต้องเจ็บปวดร้องไห้แทบตาย คิดมาก เครียด เศ้รา ไม่อยากมีชีวิตต่อ ดูชีวิตนี้มันช่างสิ้นหวังเหลือเกิน ไม่ทราบว่าต้องแก้ไข อย่างไรบางถึงจะหลุดพ้นจากความทุกข์นี้ อยู่คนเดียวก็ทุกข์ มีแฟนก็ทุกข์ ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิด และจิตนาการของตนเองเสมอ พยายามหยุด แต่ลำบากมาก ยิ่งในวันพระจันทร์เต็มดวงทีไร ต้องร้องไห้และคิดมากทุกที มีวิธีไหนบ้าง ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ



...เฮ้อ...

ต้องร้องเฮ้อ ก่อน..ความรักนี่หนอ...โดยเฉพาะวันพระจันทร์เต็มดวง...โห..ทำยังกะนิยายลึกลับ พอพระจันทร์ขึ้น ขนเริ่มยาว เขี้ยว เริ่มงอก...

....อยากจะบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนเป็นทุกข์ทั้งนั้นแหละท่านเอย ไม่มีอะไรที่เรียกได้สุข คำว่าสุข เป็นเพียงสมมุตินาม ให้กับความมีทุกข์น้อยๆ ที่เกิดขึ้น ถ้ามีมาก ก็เรียกว่า ทุกข์ เต็มๆไปเลย....."..อกหักทั้งปี...ทำอย่างอย่างไรจึงจะสมหวังสักที...."....



อะไรคือ "สมหวัง"....สมหวังที่ได้มา เป็นสมบัติ เรียกได้ว่า นั่นของฉัน นี่ของฉัน เธอเป็นของฉัน...อย่างนั้นหรือ ขนาดตัวของตัวเอง ยังสั่งไม่ได้เลย ยังเก็บไว้เป็นสมบัติของใครไม่ได้เลย แล้วคุณจะเอา ของนอกกาย มาเป็นสมบัติของตัวเองได้อย่างไร พูดอย่างนี้มันอาจลึกไปหน่อย ต้องทำความเข้าใจกันอีกมาก เอาเป็นว่า.....คุณต้องรู้จักว่าอะไรคือ ความรัก อะไรที่เรียกว่า...ความรัก



ความรัก...คือการให้.....ไม่ใช่การไขว่คว้า ให้โดยมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ให้โดยไม่ต้องการรับตอบแทน ให้แล้วเรา เปนสุขใจว่า เราเป็นผู้ให้ เราห่วงหาอาทร เขาเจ็บ เราใส่ใจดูแลเขาสุข เราดีใจยิ้มให้ เขาทุกข์ เราห่วงหาอาทร อย่ามองที่ตัวเอง อย่าเอาอารมณ์ความต้องการของตัวเองเป็นตัวกำหนด เพราะถ้ากำหนดตามความต้องการตัวเองเมื่อไหร่ นั่นไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความเห็นแก่ตัว ....ฉันต้องได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ....เมื่อไม่ได้ ....ฉันร้องไห้กระวนกระวาย ตีอก ชกหัว แล้วเราสุขหรือ ความสุขอยู่ตรงไหน นี่คิดแบบ ปุถุชนนะ ไม่ใช่ โลกุตตระชน



ถ้าจะให้บอกกล่าวแบบแนะนำ ถึงเรื่องความสุขตามโลกีย์วิสัย ความเป็นไปตามโลกธาตุ คุณต้องมองที่ตัวเองก่อน ว่า มีอะไรพร้อมหรือยัง? มีดี ให้คนอื่นชื่นชมหรือยัง? มีอะไรในตัวให้คนอื่นชอบหรือยัง? มองให้ทั่วทั้งร่างกาย แลจิตใจ มองด้วยใจเป็นกลาง มองด้วยความเป็นจริง อย่ามองแบบเข้าข้างตัวเอง โดยความเป็นจริงของมนุษย์ ทุกคน ย่อมมีความ ดิบ..เถื่อน..อยู่ในตัวเองทั้งสิ้น (ถ้าใครบอกว่าไม่มี...แสดงว่า ดัดจริตล้นเหลือ) แต่เมื่อเรามีสังคมมีการอยู่ร่วมกัน ก็ย่อมมีกฏ กติกา พึงสำรวม พึงระวัง....(เดี๋ยวจะลึกเกินไป เอาเรื่องคืนพระจันทร์เต็มดวงละกันนะครับ)



คุณเคยเป็นผุ้ให้หรือยัง ไม่ได้หมายถึงให้ในเรื่อง เซ็กซ์นะ หมายถึงความรัก ความปรารถนาดี ความห่วงหาอาทร ถ้าคุณ ให้เขา หมดทุกอย่างตามที่คุณอยากจะให้ แต่เขา ก็ยังไม่สนใจใยดีคุณ ก็บอกได้อย่างเดียว....อย่าเหนี่ยวไว้..... เพราะคุณ....ให้....หมดแล้วจงแหงนมองดูดวงจันทร์ที่เต็มดวง แล้วคุณจะเห็นว่า ดวงจันทร์ไม่ได้เต็มดวงทุกวัน ดวงจันทร์ไม่ได้มาให้คุณเห็นทุกวัน คุณเองถึงอยากจะเหนี่ยวรั้ง ให้ดวงจันทร์อยุ่เป็นเพื่อนคุณตลอดทั้งคืน คุณยังทำไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับ ฅน ที่มีจิตวิญญาน คุณจะเหนี่ยวรั้งได้สิ่งเดียวที่คุณจะเหนี่ยวได้ คือใจ คุณเอง........เหนี่ยวได้มั้ย

 
หนูฝิ่น
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 ต.ค.2005, 10:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสสอนพวกเราไว้แล้วว่า การเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นทุกข์ การสูญเสียสิ่งที่เป็นที่รักที่พอใจเป็นทุกข์ และการประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักที่พอใจเป็นทุกข์ สรุปการเกิดเป็นทุกข์ ท่านจึงสอนให้พวกเรากระทำที่สุดแห่งทุกข์ให้บังเกิดขึ้นกับตน



อีกเรื่องที่เราทุกรูป-นาม ควรเข้าใจให้มากคือ พระไตรลักษณ์ - อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา - สรรพสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ตั้งอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ เมื่อเข้าใจให้มาก อะไรเกิดขึ้นเราจะไม่เสียใจมาก เพราะเราเข้าใจกฏแห่งการเปลี่ยนแปลง



อย่าเศร้าโศกเสียใจมากไปเลยคะ เพราะจิตเราจะเศร้าหมอง
 
มานนท์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 24 ต.ค.2005, 3:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออธิบายเรื่องราวความรัก ภายหลังการเข้าสู่การปฎิบัติธรรมแล้วว่า :



1. ความรักเป็นสิ่งดีงาม หากความรักนั้น เป็นความรักเพื่อการให้

2. เรื่องราวกฎแห่งกรรม มีจริงอยู่เสมอ ต้องเข้าใจว่า บางครั้งต้องมาใช้ให้กับเจ้ากรรมนายเวร อันนี้ต้องทำใจ แม้คนปฎิบัติได้มากเกินฌาน 4 ก็ยังหนีไม่พ้นก็มีเยอะไป นับประสาอะไรกะคนธรรมดาๆ ที่ยังนั่งสมาธิได้แค่ 1-2 ชั่วโมง ได้แค่ปวดหนอ ปวดหนอ อยู่อย่างนั้น

3. กรรมเวรแต่ละคนไม่เท่าไรกัน

4. พวกนักปฎิบัติธรรมที่ผ่านประสบการณ์บางแล้ว บางคนยังจะต้องไปพบกับ Soul Mate อีก จะบอกให้

5. การได้พบพระพุทธศาสนา เป็นความโชคดีมากอันหนึ่งแล้ว

6. เวบนี้มีหน้าตาค่อนข้างสวยดี สงสัยคนทำ อาจเป็งผู้หญิง ที่ละเอียด ปราณีต (แล้วมันเกี่ยวอะไรกะกระทู้ละเนี่ย หุๆ)

7. เอาธรรมะเข้าข่มน่ะครับ ดีที่สุด หากหมดเวรกรรม ก็คงได้ไปเจอคู่ที่ดี หรือหากได้ธรรมสูง อาจหลุดพ้น ไม่ต้องมาเจอกรรมเวรเรื่องคู่ครองอีก (ต้องได้สมาบัติขั้นสูงๆ นะครับ) ตัดเรื่องคู่ครองได้ เรื่อง * ได้ รับรองไปโลด





 
chitladda
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2005
ตอบ: 3

ตอบตอบเมื่อ: 24 ต.ค.2005, 7:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทุกอย่างเป็นอนัตตา อย่าคิดมากค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
nonsoul
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 20 ส.ค. 2005
ตอบ: 9

ตอบตอบเมื่อ: 26 ต.ค.2005, 8:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมก็เป็นคนนึงที่เป็นเช่นนี้...แต่จะเป็นลักษณะไม่สมหวังในรัก มีภรรยา...มีลูกสาว1...แยกกับภรรยามา15ปี....เลี้ยงลูกเอง ช่วงเวลา15ปีที่ผ่านมาก็มีผู้หญิงผ่านมาในชีวิตบ้าง2-3ครั้งแต่ก็ไม่สมหวังดั่งตั้งใจ ด้วยเหตุและปัจจัยต่างๆอันไม่เกื้อกูลฯ

พิจารณาแล้วพิจารณาอีกในชีวิตตนเอง....ก็มีอยู่เหตุเดียวคือ...ตนมีกรรมเป็นผู้ให้ผล..............(เราเองทั้งนั้น)

ทุกวันนี้ก็คิดเพียงแต่ทำหน้าที่ที่มีให้ดีคือทำหน้าที่พ่อ......อยู่ในศีลในธรรม น้อมนำมาใช้กับชีวิตปัจจุบัน รู้เท่าทันความเป็นจริง

พอเป็นอุทธาหรณ์เล็กๆน้อยๆน่ะครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง