Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 “อีสป” เจ้าแห่งปรัชญาชีวิต อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2005, 10:27 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

“อีสป” เจ้าแห่งปรัชญาชีวิต...บุรุษที่คนทั้งโลกต้องรู้จัก


ในยุคสมัยปัจจุบัน มีความเชื่อของคนในสังคมว่า ขอให้มีความรู้อะไรอย่างจริงใจสักอย่าง เชื่อได้ว่า สามารถเอาตัวรอดอยู่ในสังคมได้อย่างมีหน้ามีตา โดยมีการยกตัวอย่างให้เห็น เช่นเก่งในการดนตรีจริงๆ ก็จะสามารถสร้างชื่อเสียงและเงินทองให้กับตัวเอง เก่งในทางเล่น กอล์ฟอย่างจริงจังแบบ ไทเกอร์ วู๊ด ก็เป็นเศรษฐีได้...

ในยุคโบราณ คนที่เก่งอะไรแบบจริงจังอย่างนี้ เขาก็สามารถเอาตัวรอด และมีชื่อเสียงโด่งดังได้เช่นเดียวกัน ไม้จำเป็นจะต้องเก่งไปเสียทุกอย่าง...

"เก่งอะไรก็ได้ ขอให้เก่งจริงๆ เถอะ" คนที่เราอยากที่จะ "เก็บตกชีวิต" ของเขามาเล่าให้ฟังในที่นี้ ก็คือ คนที่มีความเก่งจริงๆ และเป็นความเก่งกาจที่หลายคนไม่เชื่อเลยว่า เขาจะเอาตัวรอดได้

ความเก่งที่หลายคนไม่เชื่อว่าจะเอาตัวรอดได้นี้คือ เก่งในการเล่านิทาน และบุคคลที่มีความเก่ง ในเรื่องนี้อย่างจริงจังคือนาย "อีสป"

เรื่องราวชีวิตของ "อีสป" เกิดขึ้นมาหลายพันปีแล้ว หากจะเอาตัวเลขเข้ามาเกี่ยวข้อง ชีวิตของอีสปก็คงอยู่ในราว ช่วงเวลา 560-620 ก่อนจะตั้งคริสตศักราช หรือที่เขาพูดกันว่า ก่อนคริสตศักราช 560 ปีนั่นเอง

ในยุคนั้น อีสป มีชีวิตอยู่บนเกาะซามอส ที่เมืองซาร์ดิสของ ประเทศกรีกโบราณ ซึ่งปัจจุบันเกาะนี้ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของประเทศตุรกี นั่นเอง

อีสปในตอนนั้น เขาอยู่ในภาพของทาสคนหนึ่งของชาวกรีก

ในสมัยโบราณทาสที่มีความสามารถทางด้านการต่อสู้ มีเรือนร่างกำยำ มักจะได้รับความสนใจและถูกนำไปใช้งานเกี่ยวกับการต่อสู้ แต่สำหรับอีสป เขาเป็นเพียงชาย พิการ ขี้เหร่ ไม่ค่อยสมประกอบแม้ว่าเขาจะสมัครตัวเป็นทาสรับใช้ผู้ดีมีเงิน เขาก็ยังหาคนรับซื้อเขายาก เพราะเขาแทบจะไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมจะไปเป็นทาสรับใช้คนอื่นเขาเสียเลย (เพราะทาสในสมัย นั้นต้องทำงานแทนนายทุกอย่างจึงต้องการคนแข็งแรง)

อีสปจำเป็นต้องเดินทาง ออกจากถิ่นที่อยู่ เพื่อไปสมัคร หรือขายตัวเป็นทาสยังนอกดินแดนที่เขาเกิด โดยอีสป ได้เดินทางไป กับเพื่อนคนหนึ่งชื่อเอียดมอนที่มีร่างกายกำยำแข็งแรง โดยหวังว่าเมื่อมีผู้มาซื้อเพื่อนของเขาแล้ว จะได้รับเขาเป็นของแถมไปด้วยอีกคน

ความคิดเช่นนี้ของอีสปเริ่มส่อแววให้เห็นถึงอัจฉริยภาพทางสมอง ของเขาว่า เขามีความฉลาดหลักแหลม เข้าใจคิดที่ลึกซึ้ง และมีกลยุทธ์แปลกไปจากคนอื่นๆ

เพราะเขาเป็นคนที่พิการขี้เหร่ไม่แข็งแรงทำให้อีสปหันมาใช้ปัญญาแทนการใช้กำลัง

และปัญญาที่เขานำมาเพื่อเอาชีวิตรอดก็คือ เขาคิด และผูกเรื่องราวต่างๆ ขึ้นเป็นเรื่องเป็นราว มีตัวละครในเรื่องแต่ละตัวที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน โดยอีสปจะแฝงปรัชญาความคิด หรือวิธีดำรงชีวิต สอดแทรกเข้าไปในเรื่องที่เขาแต่งขึ้นด้วย

ปรัชญาความคิดที่เขาแทรกลงไปในเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมานั้น จะเป็นเรื่องราวที่ผู้ฟัง ได้ฟังแล้ว สามารถนำมาประยุกต์กับชีวิตของคนในชีวิตประจำวันได้ หรือมิเช่นนั้นเรื่องราวต่างๆ ของอีสปที่ผูกเป็นเรื่องขึ้นมาก็จะให้คติสอนใจแก่คนฟัง ที่เขาจะนำเอาไปใช้ให้เกิดเป็นประโยชน์ได้

การสร้างแนวคิด การอบรมสั่งสอน ให้คนมีความเชื่ออย่างใด อย่างหนึ่งในสมัยเมื่อสามพันปีที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะนอกจากคนในสมัยนั้นยังมองเห็นโลก ไม่กว้าง ไม่มีเรื่องราวของวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วการที่จะตั้งตัวว่าเป็น ผู้รู้หรือที่เรียกกันว่า เป็น นักปราชญ์ นั้นมีโทษอย่างร้ายแรงทีเดียวเพราะในสมัยนั้น ผู้ที่จะเป็นผู้รู้ได้จะต้องเป็นผู้ที่อยู่ ในศาสนาเท่านั้น หากคนนอกวัดแสดงตัวเป็นผู้รู้ โอกาศที่จะถูกพวกพระ พวกผู้นำทางศาสนากล่าว หาเอาเอาได้ว่า เป็นพวกพ่อมดหมอผีซึ่งมีโทษถึงตายทีเดียว

จะเป็นด้วยเจตนาที่อีสปสร้างเรื่องราว เพื่อสั่งสอนให้คนทำความดี รู้จักตัวเอง มีคุณธรรม แต่เขารู้ว่า เขาจะทำอย่างตรงๆ ไม่ได้เพราะจะมีภัยมาถึงตัว เขาจึงผูกเรื่องเพื่อการสั่งสอนของเขาออกเป็นเรื่องราว และใช้ตัวแสดงในเรื่องราวของเขาเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ เป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้คนฟังเข้าใจว่า เป็นเรื่อง เล่าขานกันเพื่อความสนุกสนานอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับการสั่งสอนใคร

ด้วยเหตุนี้เอง การเล่าเรื่องของอีสป จึงไม่มีใครคิดว่า เขากำลังสั่ง สอนให้คนอยู่ในศีลในธรรม แต่ทุกคนฟังเรื่องราวของเขาเพราะความสนุกสนาน

เรื่องราวของเขาจึงถูกเรียกขานกันในนามว่า "นิทาน"

นิทานของ อีสปได้รับความนิยมอย่างมากจากคนฟัง ชีวิตของเขาจึงทำงานด้วยการเล่านิทานเป็นกิจวัตร จนทำให้ทุกคนในท้องถิ่นที่เขาอยู่รู้จักเขาเป็นอย่างดี และทุกคนต่างก็อยากฟังนิทานของเขาไม่ว่าจะเป็นทั้งเด็กหรือผู้ใหญ่

จนในที่สุดอีสปก็ได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาส แล้วมาเล่า นิทานเลี้ยงตัวเอง

นิทานของอีสปถูกแต่งขึ้นมามากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นคติสอนใจให้ คนฟังนำเอาไปใช้ หรือเกิดสำนึกที่ดี ถึงขนาดว่า ความดีและความสนุกสนานในนิทานของอีสป ได้ ยินไปถึงราชสำนักของกษัตริย์ เครซุสแห่งอานาจักรลิเดีย ของเอเซียไมเนอร์ ซึ่งราชอาณาจักรนี้จะมีผู้รู้และผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมหลายคน

เมื่ออีสปถูกเรียกตัวมาเล่านิทานให้กษัตริย์ และคนในราชสำนักฟัง จึงเท่ากับว่า นิทานของอีสปกำลัง ถูกพิจารณาจากผู้รู้ที่มีความสามารถอย่างสูงในราชสำนัก อย่างที่เรียกได้ว่า อีสป กำลังถูก "ลองของ" ก็คงไม่ผิดนัก

กษัตริย์เครซุส ทรงรับฟังนิทานของอีสปอย่างพอพระทัย และสามารถนำเอาเรื่องราวในนิทานของอีสปไปใช้ประโยชน์ในการปกครองแผ่นดิน เพื่อทำให้พลเมืองมีความสุข มีความสงบได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง กษัตริย์ เครซุส จึงทรงคิดที่จะใช้ประโยชน์จากอีสปให้มากกว่เป็น แค่คนเล่านิทาน พระองค์จึงรับเอาอีสปมาทำงานในราชสำนักแล้ว แต่งตั้งให้อีสป ทำหน้าที่เป็นราชทูต เพื่อไปเจรจาความกับเมืองอื่นๆ เพราะเห็นว่าอีสปเป็นผู้มีจิตวิทยาสูง มีไหวพริบรอบคอบแหลมคม

และอีสปก็ใช้ความสามารถในการสร้างนิทานทำหน้าที่ของเขาได้อย่างดีเยี่ยมส่งผลให้แผ่นดินของกษัตริย์เครซุส มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีในยุคนั้น


มีต่อ >>>>>
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2005, 10:28 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นิทานของอีสปใช้วิธีการเปรียบเทียบ การกระทำของสัตว์ชนิดต่างๆ ให้มาเกี่ยวข้องกับมนุษย์ใช้สุนัขจิ้งจอกเปรียบเป็นเสมือนมนุษย์เจ้าเล่ห์ ใช้กระต่ายเป็นเสมือนผู้ ใสซื่อ ใช้สิงโตเป็นผู้หยิ่งทระนง มีศักดิ์ศรี นิทานของเขาทุกเรื่องจึงกระทบกับจิตใจของคนอยู่ทั่วๆ ไป ชื่อเสียง ความสนุกสนานในนิทานของอีสป กระฉ่อนไปทั่วแผ่นดิน กรีกในยุคนั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง อีสปก็พบกับปัญหาอันยิ่งใหญ่ของชีวิต เมื่อเขาถูกส่งตัวเป็นราชทูต ไปยังเมืองเดลฟิ ซึ่งบ้านเมืองเต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรมของบรรดาข้าราชบริพารในราชสำนัก

อีสป ได้เล่านิทานให้พวกราชสำนักฟัง เล่านิทานให้ประชาชนชาว เมืองเดลฟิฟัง ทำให้เกิดการตื่นตัวของชาวเมืองเดลฟิ ที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับความไม่ยุติธรรม แน่นอนผลจากการเล่านิทานที่เหมือนปลุกระดมให้พลเมืองออกมาต่อสู้ กับเหล่าอธรรมนี่เอง ทำให้ไปขัดกับบรรดานักการเมืองที่ชั่วร้ายในราชสำนัก พวกเขาเหล่านั้นจึงเกิด อาการเคียดแค้น ชิงชังและหาทางที่จะกำจัดอีสป ให้ได้โดยเร็ววันเพราะยิ่งอีสปอยู่ในเมืองและเล่า นิทานให้ประชาชนฟังมากเท่าไร ? กระแสต่อต้านของบรรดาพลเมืองที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ยิ่งมากขึ้น เท่านั้น

แล้วแผนการทำลายอีสปก็เกิดขึ้น โดยบรรดานักการเมืองชั่วร้ายวางแผน เอาขันทองคำของกษัตริย์มายัดเยียดไว้ในกระเป๋าสัมภาระของอีสป แล้วแจ้งความว่าอีสปขโมยสมบัติของกษัตริย์

ผลจากการตัดสิน โดยพวกนักการเมืองชั่วร้ายเหล่านั้น อีสปมีความผิด ในข้อหาลบหลู่และทำลายชาวเดลฟิ อย่างร้ายแรง

เขาถูกตัดสินให้ตายอย่างป่าเถื่อนที่สุด โดยการจับโยนลงมาจากหน้าผาสูง

ชิวิตของอีสปจึงจบสิ้นลง อย่างน่าเสียดายแค่ตรงนั้น แต่นิทานของ อีสปยังถูกกล่าวขานกันอยู่ในหมู่ของผู้คนที่กระจายเพิ่มมากขึ้น จากปากหนึ่งไปสู่อีกปากหนึ่ง

นิทานอีสปจึงไม่ตายไปพร้อมกับตัวของอีสปด้วย

หลังจากที่อีสปตายไปไม่นานชาวเอเธนส์ผู้หนึ่งชื่อลีซิฟัสก็ได้ปั้นรูปของอีสปตั้งไว้ข้างหน้าของอนุสาวรีย์ยอดนักปราชญ์ทั้งเจ็ดของชาว เอเธนส์ซึ่งถือได้ว่าอีสปได้รับการยกย่องเทียบเท่ากับยอดนัก ปราชญ์ผู้โด่งดังของชาวเอเธนส์ในยุคนั้นทีเดียว

นิทานอีสปได้รับการเผยแพรเรื่อยมาตลอดชั่วระยะเวลากว่าสามพันปี ผู้อพยพจากที่หนึ่งไปสู่ที่หนึ่ง จดจำนิทานอีสปไปเล่าขาน เรื่องราวเหล่านั้นจึงกระจายไปทั่วโลกและทุกมุมโลก ทุกคนเมื่อได้ฟังนิทาน ของอีสปแล้ว พวกเขาจะเกิดความรู้สึกสำนึกที่ดี ได้รับบทเรียน ได้รับรู้สิ่งที่ดีงาม และความชั่วร้าย ไปพร้อมๆ กับความสนุกสนาน

นิทานของอีสปจึงกลายเป็นนิทานอมตะ ที่ไม่มีวันตายไปจากโลกนี้ แทบจะบอกได้เลยว่านิทานอีสปนั้นมีอยู่ในทุกประเทศ ทุกหนทุกแห่งในโลกนี้ก็ว่าได้



>>>>> จบ >>>>>



คัดลอกมาจาก:
http://sukumal.brinkster.net/isoppu/isoppustory/isoppu_story01.html
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
UK
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 ธ.ค.2005, 2:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

 
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 08 พ.ย.2006, 8:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เศร้า เศร้า ตกใจ ตกใจ
 

_________________
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 11 เม.ย.2007, 9:10 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คนดีเกินไปก็ลำบาก เพราะคนไม่ดีมีอำนาจน่าเศร้าจังเล้ย
ร้องไห้
 
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 12 มิ.ย.2008, 3:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทโธ คนดีถ้าดีเกินหน้า ก็จะถูกผู้ไม่หวังดีเขม่นเอา และหาทางกำจัด เพื่อที่จะทำให้ตนเองรู้สึกว่าตนเองถูก และยิ่งใหญ่เกินใคร ดูได้ง่ายๆ ว่าคนพวกนี้มักไม่เคยฟังใคร และมันจะทำให้อำนาจของตนอยู่ตลอดไปไม่ว่าจะโดยวิธีใด
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง