Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ขอความเห็นครับ
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลีลา
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 25 ก.ย. 2005
ตอบ: 6
ตอบเมื่อ: 03 ต.ค.2005, 9:08 pm
เมื่อเจอความทุกข์หนึ่งครั้ง หากไม่รู้จักปล่อยวางละทิ้งแต่กลับเก็บมาคิดเป็นความคิดซ้ำซากทำร้ายตัวเองเรื่อยมา จริงๆแล้วคนอื่นก่อทุกข์ให้เราเพียงครั้งเดียวในเรื่องนั้นๆ หากเราไม่ปล่อยวางไม่สละความทุกข์นั้นออกไปจากใจตนเอง เราจะกลับมาทุกข์เพราะเรื่องนั้นอึกอย่างไม่รู้จบ ซึ่งครั้งหลังเป็นความทุกข์ที่เกิดเพราะตัวเราเอง เพราะใจและจิตและความคิดของเราเอง(แล้ววิธีปล่อยวางต้องทำอย่างไงครับมันทำยากยิ่งถ้าเป็นความทุกข์ที่มากกว่าความทุกข์ปกติบางทีคิดว่าตัวเองวางได้แล้วแต่บางอารมณ์ก็กลับคิดถึงมันอีก)
(แล้ววิธีปล่อยวางต้องทำอย่างไวครับมันทำยากยิ่งถ้าเป็นความทุกข์ที่มากกว่าความทุกข์ปกติบางทีคิดว่าตัวเองวางได้แล้วแต่บางอารมณ์ก็กลับคิดถึงมันอีก)
ปิงปอง ม.ราม
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2005, 12:11 am
ผมคิดว่าความทุกข์ของคุณเกิดขึ้นเพราะว่าคุณบังคับจิตใจของตนเองไม่ได้ เรื่องที่เกิดไปแล้วก็ควรจะลืมมันไป ลองนั่งสมาธิดูสิครับเพราะเป็นการบังคับจิตใจโดยตรง ผมก็เคยเป็นเหมือนกันมีความทุกข์มากไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะไปเสียที แต่สุดท้ายมันก็ไปจากชีวิตผมไป ปัจจุบันมีความสุขดี เพราะนั่งสมาธิเป็นประจำ แผ่เมตตาบ้าง(อันนี้ขอแนะนำเพราะจะทำให้คุณอภัยแก่คนที่ทำร้ายคุณได้ง่ายขึ้น)และขอให้คุณตักบาตรเป็นประจำ แต่ละอย่างนั้นล้วนแต่นำความสุขมาให้จิตใจทั้งนั้น ที่แนะนำอย่างนี้เพราะตัวเองปฏิบัติแล้วได้ผล ลองทำดูนะครับ
I am
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2005, 9:55 am
คนอื่นแทงเราด้วยมีดครั้งเดียว
แต่เราเองกลับเอามีดนั้นแทงตัวเองอีกนับครั้งไม่ถ้วน
====
วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ
ปรกตินั้น เมื่อโกรธก็มักจะไปเพ่งโทษคนอื่น ว่าเป็นเหตุให้ความโกรธเกิดขึ้น คือมักจะไปคิดว่าผู้อื่นนั้นพูดเช่นนั้น ทำเช่นนั้นที่กระทบกระเทือนถึงผู้โกรธ การเพ่งโทษผู้อื่นเช่นนี้ ไม่ใช่การทำให้จิตใจตัวเองสบาย ตรงกันข้าม กลับเป็นการเพิ่มความไม่สบายให้ยิ่งขึ้น ยิ่งเพ่งเห็นโทษคนอื่นมากขึ้นเพียงใด ใจตัวเองก็ยิ่งจะไม่สบายยิ่งขึ้นเท่านั้น
แต่ถ้าหยุดเพ่งโทษผู้อื่นเสีย เขาจะพูดจะทำอะไรก็ตาม ที่เป็นการกระทบกระเทือนถึงตนเองจริงหรือไม่ก็ตาม อย่าไปเพ่งดู ให้ย้อนเขามาเพ่งดูใจตนเอง ว่ากำลังมีสุขทุกข์อย่างไร มีอารมณ์อย่างไร ใจจะสบายขึ้นได้ด้วยการเพ่งนั้น
กล่าวสั้น ๆ การเพ่งโทษผู้อื่นทำให้ตัวเองไม่เป็นสุข แต่การเพ่งดูใจตนเองทำให้เป็นสุขได้ แม้กำลังโกรธมาก หากเพ่งดูใจตัวเองให้เห็นว่ากำลังโกรธมาก ความโกรธก็จะลดลง หากเพ่งดูใจตัวเองให้เห็นว่ากำลังโกรธน้อย ความโกรธก็จะหมดไป
จึงกล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะมีอารมณ์ใดก็ตาม โลภ หรือโกรธ หรือหลงก็ตาม หากเพ่งดูใจให้เห็นอารมณ์นั้นแล้ว อารมณ์นั้นจะหมดไป ได้ความสุขมาแทนที่ ทำให้มีใจสบาย
วิเคราะห์สาเหตุของความโกรธ
บัดนี้มาลองแยกความโกรธที่เกิดจากรูปไม่ถูกตา เห็นหน้าตาท่าทางคนนั้นคนนี้แล้วขัดตา ดูไม่ได้กวนโทโส บางคนบ่นตำหนิการแต่งกายของเด็กสาวสมัยใหม่ว่าไม่น่าดู เห็นแล้วเกิดโทสะ เป็นลูกเป็นหลานก็อยากตีอยากว่า บางคนดูภาพตามหนังสือพิมพ์แล้วส่ายหน้า ตำหนิว่าดูไม่ได้น่ารังเกียจ ยังมีรูปไม่ถูกตาอีกหลายประการ
เช่นเดียวกับเสียงที่ไม่ถูกหูเพราะเหตุผลเดียวกัน คือทุกคนที่เป็นปุถุชน ย่อมจะมีรูปไม่ถูกตาของตนอยู่ด้วยกันทั้งนั้น และไม่ตรงกันก็มีเป็นอันมาก ดังตัวอย่าง บางคนโดยเฉพาะเด็กหนุ่ม ๆ สาว ๆ เห็นผมทรงสมัยใหม่ของพวกเขาน่าดูที่สุด บางคนดูภาพตามหนังสือต่าง ๆ แล้วถึงกับต้องเก็บรวบรวมไว้เพื่อดูแล้วดูอีก เพราะชอบมาก ขณะที่ดังกล่าวแล้ว บางคนตำหนิภาพเหล่านั้นรุนแรงว่าน่ารังเกียจไม่น่าให้ผ่านสายตา
พิจารณาตามตัวอย่างที่ยกมานี้ ก็จะเห็นเหมือนเมื่อพิจารณาตัอย่างเสียงที่ไม่ถูกหูที่กล่าวไว้แล้ว คือจะเห็นว่าสาเหตุเดียวกันแต่ก่อให้เกิดผลไม่เหมือนกัน คนหนึ่งชอบคนหนึ่งไม่ชอบ
สาเหตุที่แท้จริงอยู่ที่การปรุงของใจ มิใช่อยู่ที่อะไรอื่น จะโลภก็เพราะใจปรุงให้โลภ จะโกรธก็เพราะใจปรุงให้โกรธ จะหลงก็เพราะใจปรุงให้หลง หรือจะสุขก็เพราะใจปรุงให้สุข จะทุกข์ก็เพราะใจปรุงให้ทุกข์ ดังนั้นสิ่งที่ควรระมัดระวังที่สุด คือ การปรุงของใจตนเองนี้แหละมิใช่การกระทำของคนอื่น คนอื่นจะทำอะไรอย่างไร ถ้าเราระวังการปรุงของใจของเราเองให้ถูกต้องแล้ว ความทุกข์ของเราจะไม่เกิด เพราะการกระทำของเขาเลย
เมื่อพิจารณามาถึงตรงนี้ คือตรงผู้โกรธเท่านั้นที่เป็นทุกข์ พิจารณาจนเห็นจริงว่า ผู้โกรธเท่านั้นที่เป็นทุกข์จริง ๆ ซึ่งจะต้องเห็น แม้จะเห็นเพียงครู่ยามแล้วลืมก็จะต้องเห็น เพราะตนเองเป็นทุกข์อยู่เพราะความโกรธจริง ๆ
เมื่อเห็นแล้วว่าผู้โกรธเท่นนั้นที่เป็นทุกข์ ให้พิจารณาย้อนไปอีกว่าความโกรธเกิดเพราะความปรุงเช่นใด ก็จะเห็นว่าตนได้คิดปรุงไปเช่นใด เมื่อจะแก้ไม่ให้เกิดความโกรธ ก็จะ ต้องไม่คิดปรุงเช่นนั้น จะต้องเปลี่ยนวิธีปรุงคิดเสียใหม่
..สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก..
signup
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2005, 10:28 am
คงเพราะรู้ไม่ทันความทุกข์กระมังค่ะ
คราวหน้าเกิดความรู้สึกที่ว่า "ทุกข์"
ก็รู้ให้ทันนะค่ะ ว่าหน้าตามันเป็นไง ทำให้เกิดความรู้สึกแบบไหน
ถ้ารู้ไม่ทัน มัน จะเก็บเป็นอารมณ์ค้าง ต้อง คิดถึงซ้ำซากอยู่อย่างนั้นอีกหล่ะค่ะ
ทีหน้า เกิดความรู้สึกอะไร ก็รู้จักมันไว้นะค่ะ ว่าดีหรือไม่ดี
ถ้าไม่ดี เราจะได้ดับมันได้ทัน ไม่ต้องเก็บกลับมาคั่งค้าง
ให้ต้องคิดซ้ำๆ
อืออ หวัดดีค่ะ
เจียง
บัวใต้น้ำ
เข้าร่วม: 04 ต.ค. 2004
ตอบ: 118
ตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2005, 2:48 pm
อสรี
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2005, 3:18 pm
อ่านดูเหมือนรู้ตัวตลอดเวลาที่คิดถึงทุกข์เก่าๆ...ลองวิธีนี้ดูนะ...เมื่อรู้ว่าคิดอีกแล้ว ให้ดีดหูตัวเองแรง ๆ ทั้งสองข้าง แล้วเดินไปดูว่าหูแดงหรือเปล่า...
หรือที่เรียกกันว่า เปลี่ยนอริยะบทน่ะ...ทำบ่อย ๆ ก็จะค่อยหายไปเอง ต้องใจเย็น ๆ...
"ทุกข์" นั้นคล้ายโรคมะเร็ง คือเป็นโรคที่เราสร้างมันขึ้นมาเอง แล้วก็ฉลาดเหมือนเรา คิดอะไร มันก็รู้เหมือนเรา เพราะมันคือเรา...ฉะนั้นเมื่อเราคิดและมันรู้ว่าจะทำลายมัน มันก็ย้ายไปอยู่ที่ส่วนอื่นก่อนที่จะทำลายด้วยซ้ำ ... และเมื่อไล่ทำลายมันจนจนมุม มันก็ย้ายเข้าสู่จุดสำคัญของร่างกาย เพื่อทำลายตัวเอง... ชีวิตเราก็จบลง...
วิธีรักษาทุกข์กับมะเร็งก็คล้ายกัน... ต้องอยู่กับมันอย่างเพื่อน...ศึกษามัน...อดทน แก้ไข รักษามัน...และใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาของทุกข์นั้น อย่างค่อยเป็นค่อยไป...ตามหน้าบุญ...เพื่อดูหน้ากรรม...ทำให้ดีที่สุด...ทุกข์นั้นก็จะค่อยคลายไป...
อย่าลืมว่า เราใช้เวลานานแค่ไหนในการสะสมทุกข์นี้ขึ้นมา ฉะนั้น เมื่อเวลาจะรักษาก็ต้องให้เวลาแก่การรักษาบ้าง...ใจเย็นๆ แล้วค่อยเป็นค่อยไป...ขอให้โชคดี
usnlee
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2005, 3:03 pm
ปล่อยวางนั้นไม่ยากหลอก อยู่ที่ใจท่านถึงแม้กายท่านจะร้อนรุ้มทำใจให้สงบไม่นึกถึงสิ่งใดๆ ไม่ยึดติดในสิ่งใดๆ (สมาธินั้นเอง) การที่เราจะทำใจให้สงบ ปล่อยวางทุกอย่างเหมือนยากแต่ถ้าเราพยายามจะสำเร็จได้ไม่อยาก
itim
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 05 ก.ย. 2005
ตอบ: 4
ตอบเมื่อ: 09 ต.ค.2005, 1:39 am
อยากให้ลองอ่าน วิปัสสนานุบาล ครับ เล่มเล็กๆ แต่ช่วยได้เยอะ
(ในบางเวลา)
http://www.dungtrin.com/
ลุงเผือก
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 28 ต.ค.2005, 11:18 pm
ธรรมชาติ คนเราห้ามไม่ให้คิดไม่ได้
แต่คิดอย่างไรจึงจะมีความสุขและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนนั่นแหละทำไปเลย
ลองวิธีนี้ดูนะ
กำหนดนิมิตและพิจารณาดังนี้
"หัวมันตั้งอยู่บนเครื่องชั่ง"
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th