Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 กรรมแต่หนหลัง อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
สายลม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2004, 2:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรรมแต่หนหลัง

.............



           กรรมก่อเกิดจากการกระทำ ถึงแม้ว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น แต่ตัวเราเองทั้งรู้ทั้งเห็น กลายเป็นจุดหนึ่งที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราเองที่ต้องนึกถึง เหมือนเป็นการย้ำเตือน ถึงแม้ว่ากาลเวลาผ่านได้ผ่านไปยาวนาน และสิ่งนั้นทำให้เราเกิดความทุกข์ จิตใต้สำนึกบางส่วน จะคอยย้ำเตือน แต่อีกส่วนหนึ่งจะคอยขัดแย้งกันเองขึ้นในห้วงความคิด และนี่แหละคือคำว่าบาปและกรรมดั่งคำที่ผู้ใหญ่เคยพูดให้ฟังเสมอๆว่า “สวรรค์ในอก นรกในใจ “ นี่แหละคือจุดด่างในใจที่เรากระทำเอาไว้และเจ้าสิ่งนั้นก็คือตัวกรรมนั้นเ อง

นายอังคารชายหนุ่มอายุ ๒๕ ปี มีอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆหลายๆจังหวัด เขาได้พบหญิงสาวสวยผู้หนึ่ง อยู่ในจังหวัดราชบุรี เธอเป็นหญิงสาวภายในหมู่บ้านที่นายอังคารได้ไปรับเหมาก่อสร้างโรงเรียน ทั้งสองคนเกิดชอบรักกันและได้เสียกันในเวลาอันรวดเร็ว หญิงสาวผู้นั้นชื่อ เทียนหอม อายุ ๑๙ ปี กำลังสวยสดไปด้วยวัยสาว ทั้งสองได้เสียกันจนเทียนหอมเกิดตั้งท้องอ่อนๆ เทียนจึงบอกกับนายอังคารทำให้นายอังคารตกใจ เพราะไม่ได้ตั้งใจที่จะเลี้ยงดูเทียนหอมเป็นภรรยา สาเหตุเพราะนายอังคารมีคู่หมั้นอยู่แล้วและกำหนดจะแต่งงานกันภายในปีหน้า นายอังคารจึงให้เทียนหอมไปทำแท้งแต่เทียนหอมไม่ยอม เพราะรักลูกและต้องการให้นายอังคารรับว่าเธอเป็นภรรยา และนายอังคารจึงรีบบอกความจริงกับเทียนหอม ทำให้เทียนหอมกลัดกลุ้ม กลัวพ่อของเธอจะรู้เรื่อง วันเวลาผ่านไป

การก่อสร้างก็ใกล้จะเสร็จเรียบร้อย ส่วนนายอังคารก็หลบหน้าเทียนหอมอยู่ตลอดเวลาทำให้เทียนหอมมีแต่ความทุกข์ เพราะท้องก็กำลังจะโตขึ้นมาฟ้องต่องสายตาชาวบ้านทำให้เธอได้อายและถูกคราห น้าว่า “ท้องไม่มีพ่อ” และในเย็นวันนั้นเป็นวันเสาร์ ในขณะนั้นเป็นเวลา ๓ ทุ่ม นายอังคารจ่ายเงินลูกน้องแล้วจึงกลับบ้านพัก เขาอยู่ในอาการมึนๆ เพราะแวะดื่มเหล้ากับเพื่อนที่อยู่ในจังหวัด เทียนหอมมาดักรออยู่ภายในบ้าน นายอังคารไขกุญแจกำลังจะเปิดประตู เทียนหอมก็รีบเดินเข้าไปหาโดยกอดทางด้านหลังใบหน้านองไปด้วยน้ำตา เธอพูดอ้อนวอนขอให้อังคารยอมรับเป็นภรรยาเพราะท้องที่กำลังจะโตขึ้นมาฟ้อง ต่อสายตาของชาวบ้าน อังคารดึงมือเทียนหอมเข้าไปในห้อง ต่อมาทั้งสองมีปากมีเสียงกันถึงแม้จะเสียงดัง แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน เพราะอยู่ห่างไกลผู้คนที่จะมาพบเห็น จนถึงขนาดตบตีกันอังคารพลั้งมือหนักเกินไป ทำให้เทียนหอมล้มถึงกับตกเลือดอังคารไม่สนใจ ใช้เท้าถีบตกบันไดลงมาอยู่ข้างล่าง ทำให้เทียนหอมได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เลือดสดๆไหลนองมาเป็นทาง และในที่สุดเธอก็หมดสติ นายอังคารตกใจรีบนำร่างของเทียนหอมอุ้มขี้นรถปิ๊กอัพสีน้ำเงิน ขับออกไปจากที่นั่น ท่ามกลางความมืดของราตรีกาลอันเงียบสงบ ไม่มีใครเดาถูกว่าเขาจะไปที่ใด นายอังคารจอดรถเข้าข้างทางที่ตรงนั้นเป็นไร่ข้าวโพดที่สูงท่วมหัว ประกอบเวลานั้นเป็นเวลาดึกสงัดจึงไปมีผู้ใดมาพบเห็น เขาจัดการอุ้มร่างของเทียนหอมที่อ่อนปวกเปียกลงจากรถ เขาหยิบเอาถังน้ำมันราดลงไปบนร่างของเทียนหอม เพราะคิดว่าเธอได้ตายไปแล้ว เขาเผาเธอทั้งเป็น ช่างโหดร้ายสิ้นดี ความร้อนของเปลวไฟที่แลบเลียทำให้เธอรู้สึกตัวแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว และในที่สุดเธอก็ต้องสิ้นชีวิตไปพร้อมกับก้อนเลือดในท้องที่กำลังจะมีชีวิ ต นายอังคารกลับที่พักอย่างลอยนวลทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



           วันเวลาผ่านไป ในที่สุดนายอังคารก็กลับกรุงเทพ โดยไม่สนใจว่าเขาทำอะไรไว้เบื้องหลังและเรื่องทั้งหมดก็เงียบหายไปเหมือนค ลื่นกระทบฝั่ง ส่วนพ่อแม่ของเทียนหอมคิดว่าลูกสาวถูกหลอกไปขายจนเวลาผ่านไป อังคารแต่งงานกับคู่หมั้นสาวชื่อพิมพร และพิมพรตั้งท้องได้สองเดือน ทั้งสองอยู่กินกันอย่างมีความสุข นายอังคารลืมเรื่องทั้งหมดเสียสิ้น และเหมือนเป็นวาระของกฎแห่งกรรมที่ติดตามเหมือนเงาตามตัว เขาได้รับเหมาไปสร้างหมู่บ้านที่ราชบุรี โดยพิมพรขอตามไปอยู่ด้วย และขณะที่พิมพรท้องได้สี่เดือน เย็นวันจันทร์พิมพรได้ออกไปจ่ายตลาดที่ตัวจังหวัดราชบุรี ในขณะที่เธอกำลังเดินข้ามถนน มีรถปิ๊กอัพวิ่งมาด้วยความเร็ว พุ่งเข้าชนร่างของพิมพรกลิ้งไปบนถนน เธอขาดใจตายทันที เลือดสดๆ ไหลนองพื้นถนน ส่วนรถปื๊กอัพขับหนีไปตามระเบียบอย่างรวดเร็ว ศพของพิมพรถูกรถของมูลนิธิปอเต๊กตึ้งนำไปไวี่โรงพยาบาล ดวงตะวันคล้อยต่ำอังคารรู้สึกจิตใจร้อนรุ่มกระวนกระวาย เขากลับบ้านพักเอาเวลาทุ่มครึ่ง บ้านทั้งหลังมืดสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่ เขารีบเดินขึ้นมองหาพิมพร เงียบไม่มีแม้เงา เขาเดินดูรอบบ้านพร้อมกับร้องเรียก “พิม...พิม...ไปไหน” ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ นอกจากเสียงร้องของตัวเองเท่านั้นที่ดังก้อง ชั่วเวลาหนึ่งกว่าๆ ตุ้มลูกน้องคนสนิท ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าบ้าน “คุณอังคาร คุณอังคาร” อังคารรีบเดินออกมา เพราะรู้สึกว่าน้ำเสียงของตุ้มร้อนรน “มีอะไร หรือตุ้ม” ตุ้มรีบล่าเหตุการณ์ทั้งหมดอังคารใจหาย เขาตกใจแทบช็อค และรีบไปดูศพที่โรงพยาบาล ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ร่างของหญิงสาว ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาลืมโพลงเท่านั้นเอง อังคารพูดได้ออกมาคำเดียว “พิมพร” ลำคอตีบตัน ความเศร้าเสียใจประดังเข้ามา และภาพเมื่อหนหลังเริ่มหวลคืนเข้าสู้จิตใต้สำนึกของเขาอย่างขมขื่นสุดที่จ ะบรรยาย และเริ่มสำนึกบาปกรรมที่เขาเองได้ทำขึ้นกับเทียนหอม คงเป็นกรรมที่เขาได้กระทำขึ้นมาหลายสิบปีก่อนอย่างแน่นอน เพราะพิมพรมาตายใกล้ๆกับไร่ข้าวโพด ห่างกันแค่ไม่ถึงหนึ่งกิโล เขาเริ่มสำนึกบาปกรรมนั้นมีจริง และมันตอบสนองเขาอย่างสาสมที่สุด เขาต้องเสียทั้งลูกและเมียที่เขารัก และผูกพันที่สุดในชีวิต นี้แหละหนาที่เขาเรียกว่า กรรมตามทัน ถึงแม้ว่าไม่มีใครรู้ว่าในอดีตเขาทำความเลวอะไรไว้บ้าง แต่กงล้อกรรมก็หมุนเวียนมาถึงเขาอยู่ในขณะนี้ เหมือนถูกเผาด้วยไฟนรก อังคารจัดการศพของพิมพรเรียบร้อยแล้ว เขาหันหน้าเข้าวัด โดยบวชตั้งใจอุทิศส่วนกุศลไปให้เทียนหอมและลูกที่เขาฆ่าตายไปกับมือของเขา เอง และพิมพรกับลูกในท้องต้องมารับผลกรรมที่เขาได้ก่อขึ้น โดยที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย กรรมช่างตามทันและตกทอดสู่พิมพรผู้น่าสงสาร ต้องมาตายพร้อมกับลูกที่ยังไม่ทันจะลืมตามาดูโลกเสียด้วยซ้ำ



           อนิจจานี่แหละหนากฎแห่งกรรมที่ไม่มีการละเว้นใดๆ ใครสร้างกรรมใดก็ต้องชดใช้อย่างสาสมและสาหัสที่สุด มันสมควรแล้ว วันเวลาผ่านเลยไปอีกยาวนาน เวลานี้อังคาร อายุ ๓๐ กว่าๆ แต่บาปในใจตัวเขามันยังเผาผลาญความรู้สึกของเขาอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเขาจะบวชเพื่อล้างบาป แต่บาปกับบุญนั้นไม่สามารถจะลบล้างกันได้มันเดินสวนทางกัน บาปก็ส่วนบาปที่ต้องชดใช้ทั้งชาตินี้และชาติหน้า บุญก็ส่วนบุญ ในคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ ไฟฟ้าเกิดดับทั้งวัด จะต้องใช้ตะเกียงน้ำมันจุดแทนแสงสว่างจากไฟฟ้า คืนนั้นพระอังคารรู้สึกง่วงผิดปรกติ กรรมเริ่มย้อนรอยมาอีก คราวนี้เขาลืมดับตะเกียงจุดเอาไว้บนโต๊ะข้างๆเตียงนอน เขาหลับไม่รู้ตัว เผลอเอามือไปปัดถูกตะเกียงน้ำมันหล่นลงมา น้ำมันจากตะเกียงไหลนองพื้น ไฟลุกพรึบขึ้นอย่างรวดเร็ว มันไหม้ลามมาถึงและเปลวไฟได้เผาผลาญร่างของพระอังคารที่หลับสนิท กว่าจะมีใครมาดับทัน ร่างของพระอังคารก็มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ไม่เหลืออะไรไว้อีกเลยนอกจากความดีและความชั่วเท่านั้นที่ทิ้งไว้เบื้องหล ัง พระอังคารต้องมาตายทั้งๆที่ยังครองผ้าเหลือง นี่แหละเขาเรียกว่าตายเพราะกรรมแท้ๆ และเขาตายในสภาพเดียวกับเทียนหอมก็คือตายเพราะไฟ “เผาผลาญร่างกายและทุกสิ่งทุกอย่าง ให้มอดไหม้เป็นฝุ่นละอองและผงธุลี”



รวบรวมโดย อ.ดวงอมร กฤษนำพก



.............

ข้อมูลจาก
http://thaipost.com/lawyer/index.php?action=vtopic&forum=2



 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง