Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 หิริโอตัปปะธรรม จากหลวงปู่เหรียญครับ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
nattaphon
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ย. 2005, 8:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หลวงปู่ท่านกรุณาเทศน์ที่หอประชุมรามฯหลายปีมาแล้วครับ ถอดเทปผิดพลาดตรงไหนได้โปรดอภัยให้ด้วยนะครับ



นั่งๆๆๆ ให้เป็นระเบียบสักหน่อยเว่ย เอาผืนสาดให้เป็นแถว ขยับมาๆๆๆ แต่ละคนให้ครึ่งผืนสาด ให้ครึ่งเสื่อ ถ้าภาคอีสานเขาเรียกว่าสาด หึ หึ จำได้ไม๊ ภาคอีสาน เรียกว่าสาดนี้น่ะ ภาคกลางเรียกว่าเสื่อ เอ้อ เอ้านั่งๆให้พอดี พอดีกับผืนสาดนะ อย่าไปนั่งเอียงๆสิ น่ะมันจึงค่อยพอดีกัน นั่งให้เต็มผืนสาดให้พอดี น่ะว่างๆอยู่ เร้ว น่ะ เร็วหน่อย ก็ทยอยกันมา ทยอยกันมา แล้วมันก็จะเต็ม

ผู้ใดอาราธนาธรรมเป็นมั่ง เอ้าๆ อาราธนา

(อาราธนาธรรม)

เราเป็นชาวพุทธนะ ต่อไปพิธีกรรมต่างๆ เค้าก็ทำกันมา ถ้าพ่อแม่ผู้ใหญ่ล่วงลับไปแล้ว เราก็เป็นผู้ใหญ่แทน แล้วเราก็จะได้ทำศาสนพิธี น่ะ ทำแทนพ่อแม่ของเรา งั้นเราก็ต้องเตรียมตัวไว้

(นะโม...)



แล้วบัดนี้จะได้แสดงพระธรรมเทศนา อันเป็นโอวาทคำสั่งสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อฉลองศรัทธา ความเชื่อ ความเลื่อมใสของพวกเราที่เป็นพุทธมามกะ เรียกว่า ผู้นับถือพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งทางจิตใจของเรา เราจำเป็นจะต้องรู้ว่าที่พึ่งนั้นคืออะไร ทำอย่างไร เราจะได้ที่พึ่ง เพราะเหตุใดพระพุทธเจ้าจึงสอนให้คนเรามีที่พึ่ง ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่เราต้องคิดกัน



ในโลกนี้เราก็รู้กันอยู่ทุกคนแล้ว อัตภาพร่างกายนี้น่ะเต็มไปด้วยภัยวิบัติ อันตรายที่อยู่รอบด้าน xxxที่เรายังไม่ล้มไม่ตาย ไม่มีภัยอันตรายใดใดมาเบียดเบียนอยู่นี่ ก็เนื่องมาแต่เพราะมีบุญ บุญรักษาเราไว้ ขอให้เข้าใจ คนมีกรรมมีเวร ได้สร้างความชั่ว ได้เบียดเบียนคนอื่นๆ ฆ่าคนอื่นมาแต่ก่อน xxxกรรมเวรก็ติดตามมา เกิดมาในชาตินี้ก็ถูกเขาฆ่าตายเยอะแยะ เลยชีวิตไม่ไปถึงไหนแล้ว สำหรับพวกเราที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีภัยอันตรายใดๆ ก็เพราะเหตุว่ามีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอยู่ในใจ มีคุณพระธรรมและคำตรัส เราประพฤติถูกธรรม พระธรรมย่อมรักษาเรา เราก็ย่อมอยู่เย็นเป็นสุขสบายดี เหมือนอย่างที่พระพุทธภาษิตที่ยกขึ้นเบื้องต้นว่า



“ธัมโม หเว รักขติ ธรรมมจาริง พระธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว

ธัมโม สุจินโน สุขมาวาหาติ ธรรมที่ผู้ประพฤติดีแล้วย่อมนำสุขมาให้ ดังนี้”

พระพุทธเจ้าทรงตรัสสรรเสริญคุณของพระธรรมไว้อย่างนี้นะ พวกเราขอให้ฟังกันให้ดี



พระธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ไม่ให้ตกไปยังที่ชั่ว อันนี้ พระธรรมคืออะไร พระธรรมคือคุณความดี คุณความดีนี้มีอยู่หลายอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ แต่ในที่นี้ก็จะยกมาสู่ฟัง พอเป็นแนวทางปฏิบัติ คือพระธรรมที่ตามรักษาคนเรานั้น หิริโอตัปปะธรรม ความละอายต่อการกระทำความชั่ว ทั้งที่ต่อหน้าคนหมู่มากก็ดี ลับหลังคนหมู่มากก็ดี เราไม่ทำความชั่ว เราจะทำแต่ความดีนี่ เมื่อบุคคลใดมี หิริ ความละอายแก่ใจอย่างนี้แล้ว เช่นอย่างว่า ไม่ฆ่าแฟนยังหนุ่มยังสาวอย่างนี้ แล้วก็ไม่ไปคบชู้สู่ชายที่อื่นๆ ในที่สาธารณชนไปแสดงความรักความไคร่ ประเจิดประเจ้อ เดินไปลับหลังคนก็ไม่แสดงมารยาสาไถ รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ไม่ลุอำนาจแก่ราคะตัณหา เมื่อรักษาตัวได้อย่างนี้ คนผู้นั้นก็เป็นคนดี เป็นคนดีไปได้ การศึกษาเล่าเรียนก็ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อเรียนจบวิชาความรู้แล้ว เช่นนี้ มีหน้าที่มีงานทำอะไรเข้าไปแล้ว เอ้าสมควรจะแต่งงงแต่งงานก็จึงค่อยแต่งกัน เรียกว่าเราแต่งมีหลักมีเกณฑ์ น่ะ มีระเบียบมีธรรมเนียม มีวัฒนธรรม ไม่เป็นคนประพฤติโลเล ลุอำนาจแก่ตัณหาเสียผู้เสียคน มีมาเยอะแยะ ทุกคนก็พอได้ฟังวิทยุ ได้อ่านหนังสือพิมพ์ บางคนก็ถูกเขาหลอกไป ไปแล้วไปข่มขืน ข่มขืนแล้วฆ่า มีอยู่ถมไปน่ะ อันนี้ก็ขอให้พากันรู้ไว้ นี้แหละความเป็นผู้ไม่มีความละอายต่อความชั่ว ไม่มีความละอายต่อบาป ไม่กลัวบาปนั้นมันจะตามสนอง แล้วประพฤติไปตามอำนาจแห่งราคะ ตัณหา อันนี้ไม่ดีจริงๆนะ ลูกหลานทั้งหลายให้พากันสำนึกไว้ ห้ามใจตัวเองให้ได้ อย่าพากันล่วงเกินคำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าเราไปล่วงเกินเข้าแล้ว เราก็จะกลายเป็นคนชั่วไป เป็นคนไม่ดียังงั้น ถ้าผู้ใดเป็นคนประพฤติตามคำสอนพระพุทธเจ้า เป็นคนดีแน่นอนเลย เอ้า เข้าตามตรอก ออกตามประตูที่ท่านโบราณได้กล่าวไว้ว่าเรียกว่า แต่งงงแต่งงานกันก็ให้มีเถ้ามีแก่มีสักขีพยาน ไม่ใช่จูงแขนกันขึ้นที่ว่าการอำเภอโดยพ่อแม่ไม่รู้จักก็มี อย่างนี้ไม่ถูกต้องเลยซะงั้น เพราะฉะนั้นxxxความชั่วเหล่านี้น่ะไม่สามารถทำให้คนเจริญรุ่งเรืองได้



พระธรรมในที่นี้หมายถึง เป็นผู้มีหิริความละอายแก่ใจ ไม่ทำชั่วต่อหน้าคนหมู่มากและลับหลังคนก็ไม่ทำ รักษาความดี รักษาจรรยามารยาทของตนไว้ทุกเวลานาที xxxตัณหามีทุกคน ความรักความไคร่มีทุกคน แต่ว่าเมื่อเรานึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า เราก็อดกลั้น ทนทาน เราไม่ลุอำนาจแก่ตัณหา เราสอนใจของเราให้มีสติ มีปัญญา สอนใจว่าราคะ ตัณหานี้มันทำให้คนเสียคน ทำให้คนทำความชั่วหลายอย่างหลายประการ ทำให้เป็นคนดีไม่ได้ เราเตือนตนเสมอๆอย่างนี้ ครูบาอาจารย์ก็สั่งสอน พ่อแม่ก็สอน เราไม่ควรจะทำตนเป็นคนชั่วหน่ะ เมื่อเรารักษาตัวให้ดีอย่างนี้แล้ว น่ะ เมื่อมีหิริโอตัปปะธรรมอยู่ในใจอย่างนี้แล้ว ผู้นั้นก็ไม่ทำความชั่ว เมื่อไม่ทำความชั่วแล้วตัวก็ไม่ตกต่ำ เป็นนักศึกษาเล่าเรียน ก็เป็นนักศึกษาเล่าเรียนดีๆ มีจรรยามารยาท ไม่ลุแก่อำนาจแก่ตัณหา ไม่ลุอำนาจแก่ความโกรธ พูดจาปราศรัยอ่อนโยน นิ่มนวล ให้เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่นอย่างนี้ แล้วคนทั้งหลายเห็นเขาก็ชอบอกชอบใจ ถ้าผู้ชายเห็นผู้หญิงเช่นนั้นก็พอใจอยากได้เป็นคู่ครอง ถ้าผู้หญิงเห็นผู้ชายประพฤติดีมีหิริโอตัปปะธรรมอย่างว่านั้นแล้วผู้หญิงก็ชอบใจอยากเอาเป็นเพื่อนร่วมสุขร่วมทุกข์ สร้างบ้านสร้างเรือนสร้างบุญบารมีร่วมไปในสงสารอย่างนั้น



ขึ้นชื่อว่าความดีแล้วมันมีกลิ่นหอม หอมยิ่งกว่าดอกไม้ในโลกนี้ หอมทวนลมไปทุกแห่งทุกหน น่ะ หอมไปถึงชั้นฟ้าเทวดาอินทร์พรหม เทวดามีจิตตคหบดีเป็นอนาคามีคนหนึ่ง เป็นข้างพระพุทธเจ้า เพื่อนบำรุงวัดวาศาสนามาก สละเงินทอง เครื่องของสร้างวัดสร้างวา บำรุงพระเจ้า พระสงฆ์ ทำบุญมากมาย ที่นี้เมื่อเวลาเพื่อนเจ็บหนักลง เทวดา 6 ชั้นฟ้าพากันเอารถทิพย์ลงมาลอยอยู่บนอากาศไม่สูงเกินไปพอมองเห็นได้ มาเชื้อเชิญให้คหบดีคนนั้นไปเกิดในพิภพของตน คฤหบดีก็จึงบอกแก่เทวดาว่า รอก่อน รอก่อน เหล่านั้น บัดนี้บรรดาลูกหลานไม่รู้จักคำพูดของตา เค้าบอก ตาพูดนั้นไม่มีคนอยู่ ไม่มีคนฟัง มีคนอยู่ห่างๆ แล้วบัดนี้บรรดาลูกหลานก็เลยเข้าใจว่าตาของตนเพ้อเจ้อ พูดเหลวไหล เอ่อ ทำไม๊ คุณตาจึงพูดเหลวไหล ลืมสติแล้วหรือ ขอให้คุณตาตั้งสติให้ดี คุณตาบอกว่า ไม่ ไม่ได้เผลอสติ ไม่ได้ลืมตัวอะไรเลย เทวดา 6 ชั้นฟ้า นั้นน่ะเค้าเอารถทิพย์ลงมา เชื้อเชิญให้เราไปเกิดในพิภพของเขา เพราะเขาเห็นว่าเราเป็นคนดี แต่ว่าเราบอกเขา เราบอกเขาว่าให้เขารอก่อน ยังไม่ถึงเวลา เราบอกเขาอย่างนี้ ไม่ใช่เราเผลอตัวอะไร ลูกหลานก็ยังไม่ค่อยเชื่อ อ่ะ เมื่อไม่เชื่อ เอ้า เอาพวงมาลัยดอกไม้มา บัดนี้ลูกหลานก็ไปหาพวงมาลัยดอกไม้มาพวง คฤหบดีก็อธิษฐานโยนดอกไม้ขึ้นไปบนอากาศ อธิษฐานว่าขอให้พวงมาลัยดอกไม้นี้ไปคล้องอยู่งอนของรถเทวดา พวงมาลัยดอกไม้ไปห้อยอยู่งอนของรถเทวดา ไม่ตกลงมาสู่พื้นดิน ลูกหลานจึงได้เชื่อ แต่ว่าลูกหลานไม่เห็นดอกรถทิพย์เทวดา เห็นได้แต่คหบดีผู้เดียว เห็นก็แต่พวงมาลัยดอกไม้ลอยไปลอยมาอยู่ในอากาศเท่านั้น เอ้อ นี้แหละ ให้พากันคิดดูให้ดี คนเราเมื่อทำคุณงามความดีมากๆเข้าไปแล้ว เทวดาก็นับถือเลื่อมใส แม้มีภัยอันตรายใดๆเกิดขึ้น เราอธิษฐานถึงบุญกุศล คุณงามความดีของเรา คุณความดีบุญกุศลนั้นก็จะไปดลใจเทวดาหรือพระยาอินทร์ให้ล่วงรู้ เทวดาหรือว่าพระยาอินทร์ เล็งทิพยเนตรลงมาก็มองเห็น อ๋อ คนผู้นี้เค้าเป็นคนบุญนะ เค้ามีบุญ แต่ว่าเค้าประสพความขัดข้องอันใดอันหนึ่ง ให้จำเป็นเราจะต้องลงไปช่วยเหลือ พระยาอินทร์ก็ลงมา ลงมาช่วยเหลือผู้นั้นให้พ้นจากภัยพิบัติอันตรายนั้นๆได้ น่ะเป็นอย่างนี้ ขอให้พากันเข้าใจ ไม่ใช่ว่าเมื่อมีภัยอันตรายใดๆเกิดขึ้นมา แล้วเรียกร้องอ้อนวอนเทวดาอินทร์พรหมขอให้มาช่วยตน แล้วตนไม่ได้ทำบุญคุณงามความดีให้มากพอสมควร คุณงามความดีของตนไม่มากพอ แม้จะเรียกร้องถึงเทวดาสักกี่ครั้งเทวดาไม่ได้ยินเลย พระยาอินทร์ก็ไม่ได้ยินน่ะ เพราะว่าบุญตัวน้อย ขอให้เข้าใจอย่างนี้นะ ถ้าผู้ใดมีบุญมากแล้ว ไม่ต้องไปเรียกร้องหาเทวดา หาพระยาอินทร์ อธิษฐานแต่บุญกุศลของเราเท่านั้นแหละ ด้วยอำนาจบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำบำเพ็ญมานี้ หากมีจริงแล้ว ก็ขอให้ภัยพิบัติอันตรายต่างๆนี้ จงระงับดับไป อย่างนี้นะ อธิษฐานอย่างนี้ ไม่ต้องไปอ้อนวอนเทวดาอินทร์พรหมนะ อธิษฐานถึงแต่บุญแต่คุณงามความดีของเรานี่แหละ แล้วบุญคุณความดีเหล่านี้ หากจะไปดลจิตดลใจของเทวดาให้ได้รับรู้ นี่เป็นอย่างนี้นะ ขอให้เข้าใจ คนทั้งหลายไม่รู้พอมีภัยอันตรายเกิดขึ้นมา สาธุเน้อ เทวดาอินทร์พรหม เอ่อ ขอให้มาช่วยข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้ากำลังประสพภัยพิบัติ อะไรต่ออะไรอยู่เงี่ยไปนู้น ไปอ้อนวอนเทวดาทันทีเลยนะ งั้นไม่ถูกต้องนะไม่ถูก ขอให้นึกถึงความดีของเรา เราทำกุศลความดีมา อย่างไรต้องนึกถึงความดี นึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นึกถึงทานการกุศลที่เราได้บริจาค นึกถึงศีลที่เราได้รักษาน่ะ มาเป็นอารมย์ ถ้าหากว่าคุณความดีเหล่านี้ ข้าพเจ้าได้ทำจริง ได้บำเพ็ญ ได้เกิดให้มีขึ้นในจิตใจจริง ก็ขอให้ภัยพิบัติอันตรายเหล่านี้ จงหมดสิ้นไป จากกายวาจาจิตของข้าพเจ้า อธิษฐานอย่างนี้ ถ้าบุญของเรามีนะ บุญนั้นก็จะมาดลบันดาลให้ภัยพิบัติอันตรายต่างๆนั้นระงับดับไปจะไม่มาเบียดเบียนเรา เป็นอย่างนั้น



นี้จะพูดถึงเรื่องหลวงปู่ให้ฟัง หลวงปู่นั้นเป็นพระธุดงค์ เที่ยวธุดงค์ไปทั่ว เข้าป่าเข้ารกไปทั่วอย่างนี้ อ่า ไปอยู่หลังเขา บ้านแม้วชาวเขา เขตอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ คืนหนึ่งนั่งภาวนาอยู่ เอ้ามันก็บอกขึ้นในจิตว่า คืนนี้เสือใหญ่จะมานะ ระวังให้ดี ระวังตัวให้ดีว่างั้น เสือใหญ่จะมา โดยที่เราไม่ได้คิด ไปนึกอะไรมัน มันเกิดขึ้นเอง มันเกิดขึ้นในความรู้สึกเอง ตอนนี้เอ๊ะ มันจะเป็นความจรึงรึไงนอ ไปพักอยู่ด้วยกัน 2 องค์ แต่อยู่คนละแห่งกัน บัดนี้เราก็นึกในใจ เอ่อถ้ากรรมเวรมี หากได้เบียดเบียนกันมาในชาติก่อนหนหลัง ก็เอาไปกินซะ ถ้ากรรมเวรแต่ก่อนไม่มี ข้าพเจ้าไม่ได้เบียดเบียนใครมาแต่ก่อน ขอให้ปลอดภัย ด้วยอำนาจคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยอำนาจศีล วินัยที่ข้าพเจ้ารักษามานี้ ก็ขอให้ตลอดปลอดภัย ถ้าไม่ได้มีกรรมมีเวร ถ้ามีกรรมมีเวรแต่หนหลังละก็เอา ไม่มี ไม่มีอะไรจะต้านทานกรรมเวรได้ เอาไปเลย พออธิษฐานใจได้ก็นั่งภาวนาฟัง ว่าเสือมันจะมาอย่างไร มันจะแสดงบทบาทอย่างไร นั่งฟังอยู่ก็เงียบ ไม่มีเสียงอะไรเลย นั่งอยู่จนดึกจนดื่น เอ๊ะ มันก็ปวดแข้งปวดขาแล้วบัดเนี้ยะ ไม่ไหวละ เอาละนอนละ กินก็กิน นอนลงไปแล้วมันจะเอาไปกินก็เอาซะ นอนลงไปมันไม่กลัวนิ ไม่กลัวมันก็นอนหลับได้ นอนหลับ ตื่นขึ้นมาลุกนั่งฟัง มันก็เงียบอยู่ ไม่มีอะไร พอรุ่งเช้ามาก็ไปปรนนิบัติหลวงปู่ชอบ แล้วก็ไปเรียนถามท่าน เมื่อคืนนี้ท่านอาจารย์ได้เหตุอะไรบ้างไม๊ เอ้าได้ซี่ ว่างั้น เมื่อไหว้พระเมื่อภาวนาแล้วประมาณซัก 4 ทุ่มก็จำวัดน่ะ นอนน่ะ นอนลงไปพอเคลิ้มเนี่ย มีตาปะขาวคนหนึ่งมายืนอยู่ปลายเท้า แล้วก็มาบอกว่าคืนนี้เสือใหญ่มานะ ระวังให้ดีนะ อย่าประมาท ว่างั้น เอ่อ ท่านก็ลุกขึ้นมาเลยละ ว่างั้นลุกขึ้นมาเตรียมตัวภาวนาเรื่อยไป เอ๊ะทำไมมันเหมือนกันเลยล่ะ แต่ว่าไม่เหมือนกันบางอย่าง แต่ผมนั่งภาวนาอยู่ มันบอกขึ้นในจิตนี้ว่าคืนนี้เสือใหญ่จะมาระวังให้ดี อย่าประมาท ท่านอาจารย์ได้นิมิตว่ามีคนมายืนอยู่ปลายเท้าแล้วบอกให้ทราบแล้วนิมิตเหล่านี้มันจะโกหกหรือไม่ล่ะ ก็คิดได้ ของหลังเขานั้นมีป่าหญ้าแฝกท่วมหัวนู่นน่ะ นั่นน่ะแหละ บุกเข้าไปในป่าหญ้าแฝกนั่นข้างๆที่นอนหลวงปู่ชอบน่ะ เข้าไปประมาณ 2-3 วา เห็นเป็นหลุม เป็นหลุมไป เสือมันตะกุยดินเป็นหลุม เป็นหลุมไป อ้าว ท่านอาจารย์ นิมนต์ๆมาดูนี่ ว่างั้นนะ นิมนต์มาดูนี่ ท่านก็บุกป่าหญ้าแฝกเข้าไป เข้าไปแล้วก็ โอ้โห มันมานั่งเฝ้าเราอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อใดหนอ ว่างั้น พอคิดอย่างนี้แล้วก็ห่มผ้า สะพายบาตรแล้วก็เดินตามทางไปบิณฑบาต xxxบ้านแม้วเค้าปลูกฝิ่นนะ ทางประมาณ 4 กิโล ขึ้นลงๆ ไปxxxรอยเสือตัวนั้น มันก็เดินตามทางนั้นไป เสือใหญ่ลงไปธารน้ำ น้ำก็ไม่ลึกเท่าไร พอเพียงพอท่วมหลังเท้า รอยได้ น้ำยังขุ่นๆอยู่ มันข้ามไปเมื่อตะกี้นี้ ก็เดินตามหลังเสือไป ไปๆ ไปถึงป่าแห่งหนึ่งมันก็กระโดดเข้าป่าไปเลยนี้ (...หมดเทปครับ)



.....ที่ได้บำเพ็ญมานี้แหละ ให้พากันเข้าในว่าชีวิตของคนเรานั้นมีภัยอยู่รอบด้าน ภัยอันหนึ่งเกิดจากความไม่สำรวมในความประพฤติ อยากพูดอะไรก็พูดไป อยากทำอะไรก็ทำไป ไม่สำรวมจรรยามารยาท ไปกระทบกระทั่งกับคนอื่น คนอื่นไม่พอใจ อ้าวไม่พอใจก็ต่อว่าต่อขานกันเข้าไป ก็ทะเลาะกัน หน่อยหนึ่งก็เกิดทุบกันตีกัน ฆ่ากันตาย พวกนี้นะ เกิดจากความเป็นผู้ไม่มีคุณธรรมอยู่ในใจ และขอให้ลูกหลานทุกคนพากันรักษาตัวให้ดี อย่าๆไปปล่อยตนให้เสียคนไปเปล่าๆ เพราะว่ากว่าเราจะได้เกิดมาเป็นคนไม่ใช่ของง่าย เรามีบุญ เราได้ทำบุญทำทานมาแต่ชาติก่อน เราได้ทำความดีหลายอย่าง มาในชาติก่อนนู้น อ่าพอ อ้าวบาปน่ะไม่ได้ทำหรือ บางทีมันก็ได้ทำอยู่นั่นแหละ บาปจากชาติก่อน แต่เมื่อเสวยผลแห่งบาปนั้นหมดแล้ว มานี้ บุญนำมาเกิด มานี้นะ บุญนำเรามาเกิดเป็นคนขึ้นมา ก็จึงได้มีอวัยวะร่างกายสมบูรณ์ บริบูรณ์ไม่ขากตกบกพร่อง และจิตใจก็ดี เนื่องจากเราได้สมาคมกับคนดีมาแต่ก่อน นี้แหละการที่เราจะเป็นคนดีได้ นี้มันจะต้องเป็นผู้ทำความดี ฝึกตนมาแต่ชาติก่อนหนหลังให้เข้าใจไว้ xxxคนที่เป็นคนชั่วในโลกนี้น่ะ แต่ชาติก่อนมันก็เป็นคนชั่ว มันไม่ได้ฝึกตน ไม่ได้ฟังคำสั่งสอนของนักปราชญ์ ถ้าเป็นนักศึกษาก็เป็นนักศึกษาที่ดื้อด้าน ไม่ฟังคำสั่งของครูของอาจารย์ เช่นนี้ นิสัยดื้อด้านสันดานหยาบมันติดตามมา เมื่อเกิดมาในชาตินี้มันก็เลยเกเรอยู่เหมือนเดิม นั้นแหละมันก็เกิดรบราฆ่าฟันกัน ฆ่ากัน ตีกัน ตายกันบ่อยๆอยู่ เนื่องจากคนสันดานหยาบนั่นเอง ไม่ได้ฝึกตนให้เป็นคนดีมาแต่ก่อนเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้น เมื่อเราได้ทำคุณงามความดี ได้ฝึกตนมาแต่ก่อน ได้เคารพนอบน้อมต่อพ่อแม่ ต่อครูบาอาจารย์ ได้กราบได้ไหว้ต่อท่านผู้ทรงคุณวุฒิมาแต่ชาติก่อน เกิดมาชาตินี้บุญคุณเหล่านั้นก็ตามรักษาเรา ให้เราเป็นคนดีให้เราเป็นคนมีจิตใจมู่ทู่อ่อนหวาน ไม่เป็นคนเกเร ไม่เป็นคนหยาบโลน ต่างๆนาๆ อันนี้นะ ท่านเรียกว่าพระธรรมตามรักษาผู้ประพฤติธรรม ไม่ให้ตกลงไปในที่ชั่ว



พระธรรมที่ยกมาอธิบายให้ฟังน่ะหิริโอตัปปะธรรมน่ะจำไว้นะ หิริโอตัปปะธรรม หิริความละอาย ละอาย คนเราต้องรู้จักละอายให้เป็น คนใดไม่รู้จักละอายเป็นคนไม่ดีแน่นอนน่ะเป็นยังงั้น ละอายทั้งต่อหน้าคน ทั้งลับหลังคน ไม่กล้าทำความชั่วเลยน่ะนี้อยู่ในคนหมู่มากนี้ เราจะพูดอะไรออกไปก็ระมัดระวังคำพูด อย่าให้มันไป คำพูดหยาบคาย อย่ามันไปกระทบกระทั่งคนอื่นให้เจ็บอกเจ็บใจ เราจะแสดงกิริยามารยาทอะไรออกไปก็แสดงกิริยามารยาทที่อ่อนละมุนละไม ไม่แข็งกระด้างต่อใครน่ะอย่างนี้ละ จึงเรียกว่าเป็นผู้มีหิริโอตัปปะธรรมอยู่ในใจ แล้วพระธรรมเหล่านี้ก็ตามรักษาเรา ไม่ให้ตกไปในที่ต่ำ แล้วเมื่อธรรมที่เราประพฤติดี ทำดี ประพฤติให้เกิดมีขึ้นในตนอย่างว่านี้แล้ว ผลที่เราจะได้รับก็คือความสุขความสบาย เวรภัยทั้งหลายก็ไม่มีน่ะ โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่เบียดเบียน ก็มีความสุขกายมีพลานามัย กำลังกายก็ดี อย่างนี้ แล้วก็อย่าไปเข้าเสพของให้โทษต่างๆ นับแต่บุหรี่เป็นต้นไป บุหรี่ สุรา กัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน ยาบ้า ที่เขาว่ากันในหนังสือพิมพ์นะ จะเป็นยาอะไรก็ไม่รู้นะ ยาบ้า ยาบ้านี้เข้าใจว่ากินเข้าไปแล้วทีไรเป็นบ้า มันเป็นบ้าประสาทหลอน ไปที่ไหนก็กลัวแต่คนมาฆ่ามาตี เลยไปจับเด็กจับเล็กมาเป็นตัวประกัน ไม่ให้เขามาฆ่าตน อันนี้น่ะเขาเป็นบ้า เพราะฉะนั้นเราต้องละเว้นสิ่งเหล่านี้ ให้พากันไหว้พระภาวนา หาหนังสือมาเรียนมาท่องยามเอา คำไหว้พระ ภาวนาให้ได้ แล้วเราก็จะจะเอาคำสอน เอาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ได้แล้วเราก็ไหว้ทุกวัน เมตตาตน เมตตาสัตว์ มีอยู่ในตัวเรา ให้พากันท่องเอา เมตตาตนนี้ก็หมายความว่าปรารถนาขอให้ตนเป็นสุข อย่าให้มีเวรมีภัย นี้แหละคำแปลออกไปแหละ เอ่อ เมตตาสัตว์ก็ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน จงมีความสุข อย่ามีเวรต่อกันและกันเลย อย่างนี้นะที่เมี่อแปลเป็นภาษาไทยออกไปแล้ว เป็นอย่างนั้น เมื่อเราประพฤติปฏิบัติอยู่เนี่ย คุณธรรมความดีต่างๆ จะรักษาเราให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกชีวาวัน ดังแสดงมา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

(กรวดน้ำ)

 
ลูกโป่ง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ย. 2005, 10:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ คุณnattaphon



 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง