เบนซ์ทองหล่อทุ่มเงินล้าน เปิดอบรมวิปัสสนากรรมฐานฟรี

ตอบเมื่อ: 11 ก.ย. 2005, 1:06 am

นายวสันต์ โพธิพิมพานนท์

เบนซ์ทองหล่อทุ่มเงินล้าน เปิดอบรมวิปัสสนากรรมฐานฟรี

“ผมจัดอบรมวิปัสสนาแล้วทำให้สบายใจ เพราะการทำให้ใจสบายนั้น ทำยากเหมือนกัน อยากกินข้าว อยากนอนหลับก็ยังพอบรรเทาได้เพราะมีคนช่วย แต่ใจไม่สบายใครก็ช่วยไม่ได้ จุดนี้ของการอบรมทุกครั้งก็อยากให้ทุกคนได้รู้จักการกำหนดจิตให้มีสติ” นี่เป็นเหตุผลของการจัดอบรมวิปัสสนาฟรีของ นายวสันต์ โพธิพิมพานนท์ ประธานกรรมการบริษัทกลุ่มเบนซ์ทองหล่อ

นายวสันต์ โพธิพิมพานนท์ เปิดเผยว่า โครงการอบรมวิปัสสนากรรมฐานของทางบริษัทได้จัดขึ้นทุกปี ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือสังคมได้เรียนรู้ให้รู้จักการทำบุญ คนที่ใจร้อนเมื่อผ่านโครงการนี้จะทำให้จิตใจเย็นลง ทำให้คนเรามีสติ ซึ่งถือเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เพราะการโวยวายอารมณ์ร้อนใครอยู่ด้วยก็เป็นทุกข์ ส่วนคนที่มีสติก็จะรู้ด้วยตัวเองตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไร แต่มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ทำอะไรแล้วไม่รู้ตัวนั่นก็เป็นคนที่ขาดสติ การมาเข้าฝึกอบรมวิปัสสนากรรมฐาน จึงเป็นการฝึกให้รู้จักการเดิน การกิน การนอนอย่างมีสติ

อย่างไรก็ตาม หลายคนหลงลืมไปว่า การกำหนดจิตนั้นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน โดยใครก็ตามที่ได้ผ่านการอบรมวิปัสสนาแล้ว จะรู้ว่าการกำหนดจิตที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งการอบรมที่ผ่านมาไม่ได้หวังอะไรมากเพียงต้องการให้ทุกคนได้รู้จักกำหนดจิต ลืมอดีต ไม่ไปหาอนาคต แต่ต้องการให้ทุกคนได้อยู่กับความเป็นจริง เพราะคนที่อยู่กับปัจจุบันได้ก็คือคนที่มีสตินั่นเอง

“มีจำนวนไม่น้อยที่เข้ามามีอารมณ์ฉุนเฉียว อารมณ์ร้อน ไม่ค่อยยอมฟังใคร ผมดีใจเหมือนกันว่าเราเป็นนักธุรกิจ แต่ได้ทำโครงการนี้แล้วช่วยให้คนได้เปลี่ยนนิสัยจากดำเป็นขาว เพื่อให้เขาปรับตัวอยู่กับสังคมบนโลกแห่งความเป็นจริงได้ การทำบุญทำทานอย่างเดียวไม่พอ การสอนให้พวกเขาได้ปฏิบัติจึงเป็นเรื่องที่ดีของศีลภาวนา ผมคิดว่าการอบรมหลายคนได้ผล และเชื่อว่าพวกเขาจะไปต่อยอดสอนคนอื่นให้เหมือนกับเขา เช่นเดียวกับตัวเขาได้รับการฝึกมา” นี่คือผลที่ได้รับจากการถือศีลภาวนา

ในแต่ละปีจะใช้เงินประมาณหนึ่งล้านบาทจัดอบรมวิปัสสนาให้กับประชาชนทั่วไป โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ เลย โดยสถานที่อบรมจะเป็น โรงแรมแฟลิกซ์ ริเวอร์แควธานี จ.กาญจนบุรี เป็นสถานที่ในการอบรม 7 วัน 7 คืน ซึ่งทางโรงแรมจะปิดโรงแรมส่วนหนึ่งให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมทั้งหมด เนื่องจากหากสถานที่ไม่เงียบการฝึกอบรมก็จะไม่ได้ผล สิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องปฏิบัติให้เหมือนกันคือ ห้ามพูดจากัน แม้กินข้าวยังไม่ได้ยินเสียงช้อนเลย

เขายังให้มุมมองเกี่ยวกับพระเครื่องว่า เป็นสัญลักษณ์สร้างศรัทธาย้ำเตือนให้ทุกคนได้กระทำแต่ความดี ปาฏิหาริย์จากความศรัทธาเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องพิสูจน์อะไรมากนักว่า ทำดีย่อมได้ดี ทุกอย่างต้องเริ่มจากเหตุจึงจะมาเป็นผล เช่น อยากกินข้าวก็ต้องปลูกข้าว อยากเรียนจบปริญญาตรีก็ต้องตั้งใจเรียน

พระเครื่องจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ทุกคนได้รู้จักกระทำความดี ก็จะเป็นเหตุปัจจุบันที่จะไปรอรับกันในวันข้างหน้า หากวันใดเราได้รับผลที่ทำเมื่อไรก็จะทำให้จิตใจสบาย และยิ่งคนเรารู้จักทำความดีให้ได้อย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลให้ชีวิตของทุกคนพบเจอแต่ความสุข ส่วนบางคนไม่รู้จักการทำดีกลับขอพรจากพระเครื่องขอให้โชคดีร่ำรวยเงินทอง ถ้าเป็นเหตุในลักษณะเช่นนี้คงจะเห็นผลในเชิงปฏิบัติได้ยาก แต่อย่างน้อยก็เป็นการสร้างศรัทธาให้เขาส่วนหนึ่งแล้ว

นายวสันต์ โพธิพิมพานนท์ เจ้าของเบนซ์ทองหล่อ ยังบอกด้วยว่า “ผมจัดอบรมวิปัสสนาก็มีความสุขทางใจ ทำแล้วก็สบายใจ ผมคิดว่ามีเพื่อนคือธรรมะติดตัว การเบียดเบียนคนอื่นก็จะไม่มี คนที่เข้าอบรมอย่างน้อยเขาก็ถือศีล ไม่พูดด่าทอใคร ไม่ลักไม่ขโมยสิ่งของใคร ไม่ขี้เหล้าเมายา สิ่งเหล่านี้คนที่อบรมจะได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน เมื่อทุกคนมีความสุขทางใจมากเท่าไร ผมก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น”

ทางด้าน นางสาวยุวดี คำเทศ พนักงานฝ่ายเลขานุการ กล่าวเสริมว่า ครั้งแรกที่เข้าไปฝึกอบรมวิปัสสนาเรียกได้ว่ายากเหมือนกัน เนื่องจากชีวิตประจำวันต้องพบกับลูกค้าเป็นจำนวนมาก ปัญหาสังคมที่ต้องเร่งรีบกับการทำงานทำให้ไม่มีเวลาที่จะทบทวนการกระทำของตัวเอง กระทั่งบางครั้งมีความรู้สึกว่า ชีวิตน่าจะมีอะไรที่ดีกว่านี้ หรือมีอะไรทำให้ชีวิตมีความสุขได้มากกว่าการทำงานประจำ และแล้วก็ได้ค้นพบสิ่งที่ว่านั้นก็คือสตินั่นเอง

“เป็นอะไรที่อึดอัดมากเหมือนกันระหว่างฝึกอบรมวิปัสสนาในระยะแรกๆ ไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ แต่พอเวลาเข้าสู่วันที่สองจิตใจก็เริ่มมีความสุขดีขึ้น สภาพร่างกายเริ่มปรับตัวได้ และสิ่งที่เห็นได้ชันเจนมากที่สุดทำให้เรามีสติสัมปชัญญะ กลับมาทำงานก็มีความรู้สึกว่าเหมือนเป็นคนใหม่ ตัดสินใจอะไรก็รอบคอบมากขึ้น” เธอบอกถึงความรู้สึกที่ได้เข้าอบรมวิปัสสนา

อย่างไรก็ตาม ลูกค้าหรือประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าอบรมโครงการวิปัสสนาของทางกลุ่มเบนซ์ทองหล่อ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แต่รับจำนวนจำกัด 100 คน สอบถามรายละเอียดได้ที่โชว์รูมทองหล่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ปากซอยทองหล่อ 18 ถนนสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โทร. 0-2391-3114, 0-2714-8888, 0-2714-9133

หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก - 26 พ.ย.46
เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง, ภาพ วันชัย ไกรศรขจิต