Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 มักกะลีผล : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2005, 10:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่อสมัยเป็นเด็ก อาตมาอยู่กับคุณยาย ตอนนั้นอาตมาไม่ได้สนใจเรื่องบุญกุศล และเรื่องพระเวสสันดรแต่ประการใด แต่คุณยายสนใจมากในเรื่องเทศน์คาถาพัน และเทศน์มหาชาติ ฟังจบถือว่าได้บุญมาก

คุณยายนิมนต์พระมา ๓ องค์ องค์หนึ่งเดินพระคาถาพันจบหนึ่งพัน อีกสององค์ปุจฉาวิสัชนา แล้วว่าแหล่ว่าทำนองด้วย ตั้งแต่บ่ายโมงถึงห้าโมงเย็น ทุกรายการจบลงในวันนั้น ปีหนึ่งคุณยานจะต้องมีคาถาพัน ๒ ครั้ง

อาตมาเป็นเด็กก็ไม่เข้าใจ ยายให้ฟังก็คอยรีบวิ่งไปเล่น ยายจึงเอาเชือกผูกขาไว้กับเสาให้จบหนึ่งพัน เลยฟังแย่แลย ฟังส่งเดชไม่รู้เรื่อง ตอนมาบวชจึงได้ทราบข้อเท็จจริง ได้ฟังเรื่องพระเวสสันดรจอมปราชญ์ มีป่าหิมพานต์

พอดีคุณยายมาซักไซ้อาตมา จึงได้บอกกับคุณยายว่า เรื่องพระเวสสันดรโกหก ไม่จริง ไม่ยอมรับและไม่ยอมเชื่อ คุณยายจึงได้เล่าให้ฟังว่า

หลานเอ๋ย ตอนยายเป็นสาวๆ เคยทำปิ่นโตไปส่งหลวงพ่อช้าง หลวงพ่อช้างเคยไปป่าหิมพานต์ ท่านได้สำเร็จญานสมาบัติ เป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดตึกราชา อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ยายไปส่งปิ่นโตทุกวัน ท่านฉันข้าวเวลาเดียวอยู่ในป่าช้า

วันหนึ่งไปพบแขกคนหนึ่งมาจากไหนไม่ทราบ ยายถามหลวงพ่อ ท่านบอกว่า แขกมันเหาะมาจากป่าหิมพานต์มาตกขาแข้งหักไปไม่ได้ ท่านจึงรักษาให้ ยังอยู่ด้วยกันที่นี่ ยายก็รับฟัง เพราะยายยังเป็นรุ่นๆ สาว ไปส่งปิ่นโตแทนยายชวด

ในที่สุดแขกหายแล้วก็เล่าให้หลวงพ่อฟังว่า ตัวเขาเป็นโยคี เหาะมาจากป่าหิมพานต์ เหาะมา ๒ คน คนหนึ่งสำเร็จฌาน แต่แขกคนนี้สำเร็จปรอทจากพระโยคีที่สำเร็จฌาน ทำปรอทให้อม แล้วก็เหาะมาได้ พอดีเกิดมาเถียงกัน เลยปรอทหล่น แขกก็เลยตากขาหัก เชื่อไม่เชื่อไม่เป็นไรนะ

ผลสุดท้ายแขกก็อ้อนวอนหลวงพ่อช้างให้ไปส่งที่ป่าหิมพานต์ และบอกว่าที่ป่าหิมพานต์สนุกสนาน มีผู้หญิง มีทั้งต้นมักกะลีผลอยู่ปากทางที่จะเข้าไปเฝ้าองค์พระเวสสันดรจอมปราชญ์ ผู้มีปัญญา อยู่ที่ป่าหิมพานต์โน้น เลยเขาหิมาลัย ๑๖ โยชน์ แขกเล่าไว้ชัด

หลวงพ่อช้างก็บอกว่าไม่อยากไปรู้ แต่แขกก็อ้อนวอนมาตามลำดับ ก็เสียอ้อนวอนแขกไม่ได้ แขกบอกว่าถ้าหลวงพ่อไปนะ ไปรับประเคนของใคร อย่าฉัน ถ้าฉันจะกลับไม่ได้แน่นอน ถ้าหลวงพ่อสำเร็จแค่ฌานสมาบัติไม่ให้ฉัน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลวงพ่อช้างบอกไม่ไป แขกบอกมีมักกะลีผล แขกก็คิดถึงบ้านในป่าหิมพานต์ของเขา ก็ให้ตำราปรอท ขอให้หลวงพ่อช้างทำปรอทให้ ใส่ปากอมก็เหินไปได้ หลวงพ่อช้างก็บอกว่ายังงั้นได้ ท่านสำเร็จฌานไปได้องค์เดียว แต่เอาแขกใส่ย่ามไปคงไม่ได้

ในที่สุดก็ให้ยายของอาตมาไปซื้อปรอท ซื้อยาซัด อาตมายังได้ตำราไว้ ณ บัดนี้ ซัดปรอทแล้วก็ไปส่งแขกที่ป่าหิมพานต์ ไปพบมักกะลีผลก็มาเล่าให้ยายฟัง ตอนนั้นอาตมายังเป็นเด็ก เวลาต่อมายายอายุ ๙๙ ก็ถึงแก่ความตาย อาตมาก็ฝังใจเรื่องนี้ตลอดมาเคยเห็นรูปที่ เหม เวชกร เขียนไว้ที่ฝาผนังวัดพระปรางค์มุนี เขียนต้นมักกะลีผลเหมือนของจริงด้วย ใบเหมือนใบมะม่วง มีลูกพวงหนึ่ง ๕ ผล แต่อาตมาก็เชื่อแน่ไม่ได้ว่าต้นไม้ออกลูกเป็นคน เสพสังวาสได้เหมือนคนเรา ก็ไม่ยอมเชื่อด้วยประการใด

ในเวลาต่อมา อาตมามาบวช จิตสำนึกเดิมมันยังนึกถึงเรื่องนี้อยู่ เพราะยายเล่าทุกวัน เล่าละเอียดด้วย เพราะมีคาถาพันปีละ ๒ ครั้ง มีพระเทศน์ปุจฉาวิสัชนา ว่าทำนองด้วย ยายว่าได้ครบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ตั้งแต่ทศพรถึงนครกัณฑ์ ยายไม่ค่อยรู้หนังสือแต่ว่าได้ เพราะจำพระเทศน์ได้

ต่อมา พ.ศ. ๑๕๑๕ อาตมามาอยู่วัดอัมพวันแล้ว พอดี หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย กับ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในสมัยนั้น มานิมนต์อาตมาไปประชุมพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกที่ประเทศศรีลังกา ไปตรงกับช่วงวันวิสาขบูชาพอดี

อาตมาก็จดบันทึกหลักฐานว่า ข้าพเจ้าจะไปประเทศศรีลังกานั้นจะไปที่ไหนบ้าง

๑. ข้าพเจ้าฝังใจนัก อยากจะขึ้นไปดูเขาสีคิริยา ที่พวกทมิฬหินชาติจับองค์พระมหากษัตริย์ขังไว้ แล้วฆ่าพระเณรตายหมดทั้งศรีลังกา นอกเหนือจากวงศ์ลังกาที่หนีเข้าป่าไปเท่านั้น พระมหากษัตริย์ก็กลับกูพระนครมาได้ จึงมีศุภราชสารตราส่งมายังกรุงสยามแห่งพระนครศรีอโยธยา ได้ขอพระอุบาลีวงศ์ ไปดำรงตำแหน่งสังฆนายก และเป็นสังฆราชแห่งประเทศศรีลังกา ต่อจากสยามวงศ์ศรีอยุธยา มีพระสังฆราชถึง ๑๕ พระองค์ เรียกว่าสยามวงศ์มาจนทุกวันนี้

๒. ต้องการไปบูชาและนมัสการเวียนเทียนศรีมหาโพธิ์ ที่นางศรีอมิตตาลูกสาวของพระเจ้าอโศกมหาราชเอาไปจากอินเดียต้นเดิม เอามาปลูกไว้ในประเทศศรีลังกา

๓. ต้องการไปทัศนศึกษาเกี่ยวกับวัดกรณีให้จงได้ ทราบข่าวมาว่า สมภารวัดกรณีได้ฆ่านายกรัฐมนตรีตาย นางศิริมาโวจึงได้เป็นนายกรัฐมนตรีแทนสามี

๔. ต้องกาจจะไปนมัสการพระเขี้ยวแก้วในวันวิสาขปุณมีดิถีเพ็ญกลางเดือน ๖ และได้เขาไปโดยอัศจรรย์ดลบันดาลหลายประการ แต่จะไม่ขอเล่าเรื่องนั้น

๕. ต้องการจะพิสูจน์ภาษาไทยจากไทยอาหม เป็นต้น ว่าเขาพูดอย่างไร ใช้หนังสือหลักฐานอย่างไร

ต้องการจะไปพิสูจน์ ๕ รายการก็ได้ครบจบทั้ง ๕ รายการที่ตั้งใจอธิษฐานไปทุกประการ

การเดินทางไปขึ้นเขาสีคิริยา ไปพร้อมกันทั้งรถบัสประมาณ ๓๐ กว่าคน พอถึงตีนเขาสีคิริยา หาคนขึ้นเขาไม่มี อาตมากับแม่เนื่อง อิ่มสมบัติ อดีตเลขาของนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ตอนนั้นอายุ ๗๐ เศษแล้ว


คัดลอกจาก :
หนังสือกฎแห่งกรรม เล่ม 9
http://www.jarun.org/
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง