Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ไม่จำนนต่อกรรมเก่า (พระไพศาล วิสาโล) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2005, 1:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ไม่จำนนต่อกรรมเก่า
โดย พระไพศาล วิสาโล


จักรชัยมีภรรยาที่ขยันและใส่ใจในงานบ้าน เมื่อเขากลับจากที่ทำงานก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะภรรยาดูแลกิจธุระต่างๆ ในบ้านให้หมด แต่แล้ววันหนึ่งภรรยาได้ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งขั้นสุดท้าย มิหนำซ้ำแม่ยายซึ่งเป็นโรคอัลไซเมอร์ก็มีอาการรุนแรงขึ้น ทั้งสองคนช่วยตัวเองแทบไม่ได้เลย

จักรชัยซึ่งเคยมีชีวิตที่สบาย ต้องหันมาดูแลทั้งภรรยาและแม่ยาย แม้จะจ้างคนมาช่วย แต่เมื่อเขากลับจากที่ทำงาน ก็ต้องมาช่วยป้อนข้าว อาบน้ำ เช็ดตัว เช็ดอุจจาระ ให้ผู้ป่วย เพื่อนบ้านเห็นวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของจักรชัย ก็สรุปว่าเขากำลังใช้กรรม ชาติที่แล้วเขาคงจะทำอะไรไม่ดีกับภรรยาและแม่ยายเอาไว้ ชาตินี้จึงต้องมารับผลกรรมดังกล่าว

แต่จริงหรือที่จักรชัยกำลังชดใช้กรรมเก่า ที่จริงน่าจะมองว่าเขากำลังทำกรรมใหม่ที่ดีงาม เพราะแทนที่เขาจะทิ้งภรรยา หรือนิ่งดูดายกับอาการของแม่ยายอย่างที่ผู้ชายจำนวนมากนิยมทำ เขากลับช่วยพยาบาลบุคคลทั้งสองอย่างไม่มีความรังเกียจ นี่คือการกระทำที่เสียสละและเปี่ยมด้วยเมตตา เป็นการทำดีที่เขาเป็นฝ่ายเลือกเอง ทั้งๆ ที่มีทางเลี่ยง

พูดเช่นนี้ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องกรรมเก่า เป็นไปได้ว่าการที่ชีวิตครอบครัวของจักรชัยต้องมาประสบปัญหาเช่นนี้ อาจเป็นเพราะกรรมเก่าของเขาก็ได้ (ส่วนจะเก่าแค่ไหน ย้อนไปถึงชาติที่แล้วหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) แต่การที่เขาตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับปัญหาดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องของกรรมเก่าอย่างแน่นอน เพราะเขาสามารถเลือกได้ว่าจะรับมือกับปัญหาหรือเพิกเฉยหลบหนี และเมื่อเขาตัดสินใจรับมือกับปัญหาด้วยการดูแลรับผิดชอบกับภรรยาและแม่ยาย นั่นคือกรรมใหม่หรือกรรมปัจจุบันที่ดีงาม อันสาธุชนควรสรรเสริญและเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หาควรไม่ที่จะซ้ำเติมด้วยการอ้างกฎแห่งกรรม ซึ่งทำให้ความดีของเขากลายเป็นสิ่งไร้ค่า มีสภาพไม่ต่างจากการใช้โทษอย่างสาสม

กฎแห่งกรรมนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เราตระหนักว่า ชีวิตของเรานั้นสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการกระทำของเราเอง มิใช่ด้วยการดลบันดาลของเทพยดาหรือพระเจ้า กล่าวอีกนัยหนึ่งกฎแห่งกรรมช่วยให้เราเห็นคุณค่าของความเพียร แต่ทุกวันนี้กฎแห่งกรรมถูกใช้เพื่อสะกดให้ผู้คนยอมจำนนกับปัญหา โดยไม่คิดที่จะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเองหรือสถานการณ์

เมื่อภรรยาถูกสามีทุบตีหรือข่มเหงทั้งกายและใจ คำแนะนำที่มักจะให้แก่ฝ่ายหญิงก็คือให้ยอมทนไปเรื่อยๆ เพราะนี้เป็นผลของกรรมเก่า (หรือวิบาก) ที่ต้องชดใช้ นี่คือตัวอย่างการใช้กฎแห่งกรรมที่ทำให้ผู้คนยอมจำนนต่อปัญหา อีกทั้งยังเป็นการกล่าวโทษฝ่ายหญิงแต่ฝ่ายเดียว จริงอยู่การเลือกผู้ชายเช่นนี้มาเป็นสามีย่อมเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายหญิง ดังนั้น เมื่อถูกเขาข่มเหงจึงถือได้ว่าเป็นผลจากกรรมเก่าของเธอด้วยส่วนหนึ่ง แต่การทนให้เขาทำร้ายนั้น ไม่ใช่เรื่องของกรรมเก่าหรือการชดใช้กรรมแล้ว แต่เป็นการสร้างกรรมใหม่ และกรรมใหม่ที่ผู้หญิงเลือกที่จะทนให้ผู้ชายมากระทำย่ำยีนี้เอง ที่เป็นตัวการทำให้เธอต้องระทมทุกข์ พูดอีกอย่างก็คือ ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับฝ่ายหญิงส่วนหนึ่งเป็นผลจากการกระทำในปัจจุบันของเธอเอง ไม่ใช่เป็นเพราะกรรมเก่าในอดีต (ไม่ว่าในชาตินี้หรือชาติที่แล้ว)

กฎแห่งกรรมนั้นเน้นที่การสร้างกรรมใหม่หรือกรรมในปัจจุบัน เพราะกรรมใหม่อยู่ในวิสัยที่เราจะควบคุมได้ (แม้จะไม่ทั้งหมด เพราะการกระทำอะไรก็ตามย่อมอยู่ภายใต้เงื่อนไขหรือเหตุปัจจัยที่จำกัดเสมอ) กรรมใหม่นั้นเราสามารถเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร ทั้งหมดนี้อยู่ที่การตัดสินใจของเรา ในขณะที่กรรมเก่านั้นเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เพราะกลายเป็นอดีตไปแล้ว การที่กฎแห่งกรรมพูดถึงกรรมเก่านั้น ก็เพื่อให้เรารับผิดชอบกับการกระทำในอดีตของตนเอง จะได้ไม่โทษผู้อื่นหรือเทวดาฟ้าดินว่าเป็นตัวการทำให้เราทุกข์

แต่อีกด้านหนึ่งของกฎแห่งกรรมซึ่งเป็นจุดเน้นที่สำคัญของพุทธศาสนา ก็คือการสร้างกรรมใหม่ในปัจจุบันเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนให้เป็นไปในทางที่ดีงาม แต่ความเข้าใจในปัจจุบันกลับไปเน้นที่กรรมเก่าและการยอมจำนนต่อกรรมเก่า

ทุกวันนี้ชาวพุทธจำนวนไม่น้อยมีความเข้าใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตนเองทั้งหมดล้วนเป็นเพราะกรรมเก่า ความคิดเช่นนี้แท้จริงแล้วขัดกับหลักการทางพุทธศาสนา พระพุทธองค์ได้เคยตรัสไว้ว่า 1 ใน 3 ของลัทธินอกพุทธศาสนา ได้แก่ ลัทธิกรรมเก่า (ปุพเพกตเหตุวาท) คือความเชื่อที่ว่าสิ่งใดก็ตามที่ได้ประสบ จะเป็นสุขก็ตามทุกข์ก็ตาม มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ก็ตาม ล้วนเป็นเพราะกรรมที่ได้ทำไว้ในปางก่อน ใช่แต่เท่านั้นพระองค์ยังทรงเตือนว่า "เมื่อบุคคลมายึดเอากรรมที่ทำไว้ในปางก่อนเป็นสาระ ฉันทะก็ดี ความพยายามก็ดี ว่าสิ่งนี้ควรทำ สิ่งนี้ไม่ควรทำ ก็ย่อมไม่มี"

อดีตกับปัจจุบันนั้นไม่อาจแยกขาดจากกันได้ฉันใด การกระทำในอดีตก็ย่อมส่งผลถึงปัจจุบันฉันนั้น แต่ปัจจุบันก็หาใช่เป็นทาสของอดีตไม่ เพราะเราสามารถเลือกได้ว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่สืบเนื่องจากอดีต รวมทั้งสามารถเอาผลจากกรรมเก่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่เราได้ด้วย เช่น ความเจ็บป่วย อันที่จริงเหตุปัจจัยแห่งความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นมีหลายอย่าง ไม่ได้เกิดจากกรรมเก่าเท่านั้น หากยังเป็นผลจากดินฟ้าอากาศ (อุตุนิยาม) หรือกรรมพันธุ์ (พีชนิยาม) แต่ไม่ว่าจะเกิดจากอะไรก็ตาม ก็ใช่ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกความเจ็บป่วยมากระทำเท่านั้น หากเรายังสามารถใช้ความเจ็บป่วยให้เกิดประโยชน์ได้ด้วย ตรงนี้แหละเป็นเรื่องของการสร้างกรรมใหม่หรือกรรมในปัจจุบัน

มีคนจำนวนไม่น้อยเมื่อเจ็บป่วยแล้วแทนที่จะคร่ำครวญหรือเป็นทุกข์ กลับสามารถทำใจให้เป็นปกติได้ ยิ่งกว่านั้นก็คือกลับมีคุณภาพจิตที่ดีขึ้น เพราะได้อาศัยความเจ็บป่วยนั้นมาช่วยให้เกิดปัญญาจนแลเห็นความไม่เที่ยงของชีวิต ปล่อยวางจากทรัพย์สมบัติที่เคยยึดถือ และหันมาให้ความสนใจกับการพัฒนาจิตใจ ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังจากล้มเจ็บ ทำให้หลายคนบอกว่า "โชคดีที่เป็นมะเร็ง"

แน่นอนว่านอกจากความเจ็บป่วยแล้ว ยังมีสิ่งไม่พึงประสงค์อีกมากมายที่อาจเกิดจากการกระทำในอดีต เช่น ความพลัดพรากสูญเสีย หรือการถูกประทุษร้าย แม้เราจะหลีกหนีมันไม่พ้น แต่เราก็สามารถที่จะเอามันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ พูดอีกอย่างคือ แทนที่เราจะถูกกรรมเก่ามากระทำย่ำยี เราสามารถใช้กรรมเก่านั้นให้เกิดประโยชน์ได้

พระนางสามาวดีซึ่งเป็นมเหสีของพระเจ้าอุเทนเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในเรื่องนี้ พระนางและบริวารเป็นผู้ใฝ่ในธรรมอย่างยิ่ง แต่กลับถูกไฟคลอกตายด้วยอุบายของมเหสีอีกองค์หนึ่งของพระเจ้าอุเทน ในคัมภีร์อรรถกถาอธิบายว่า พระนางสามาวดีและบริวารนั้นในอดีตชาติเคยทำกรรมหนักด้วยการจุดไฟคลอกและเผาทำลายสรีระของพระปัจเจกพุทธเจ้า ผลจากกรรมดังกล่าวทำให้พระนางและบริวารต้องมีอันเป็นไปในลักษณะเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เรื่องไม่ได้มีแค่นี้ เพราะในขณะที่ไฟกำลังลุกท่วมปราสาทนั้น พระนางสามาวดีมีสติมั่นคง หาได้ตื่นตกใจไม่ กลับแนะให้บริวารกำหนดจิตบำเพ็ญภาวนา โดยถือเอาทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นมาเป็นอารมณ์กรรมฐาน บริวารทั้งหมดได้ทำตามคำแนะนำจนหมดลม ผลก็คือทั้งหมดได้บรรลุธรรม บ้างเป็นโสดาบัน บ้างเป็นสกทาคามี บ้างเป็นอนาคามี

พระพุทธองค์ได้กล่าวถึงทั้งหมดในเวลาต่อมาว่า "อุบาสิกาเหล่านั้น ทำกาละ (ตาย) อย่างไม่ไร้ผล"

จากเนื้อเรื่องดังกล่าวจะเห็นได้ว่า พระนางสามาวดีและบริวารแม้จะหนีกรรมเก่าไม่พ้น แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้กรรมเก่ามากระทำฝ่ายเดียว หากยังใช้ประโยชน์จากกรรมเก่าด้วยการนำเหตุร้ายที่เกิดขึ้นมาเป็นอุปกรณ์ในการยกระดับจิต จนเข้าสู่อริยภูมิขั้นสูง ถ้าหากว่ากรณีดังกล่าวคือการใช้กรรม ก็เป็นการใช้กรรมที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ นั่นคือใช้กรรมเก่าให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาจิต มิใช่ยอมจำนนต่อกรรมเก่าอย่างคนจนตรอก

นี้คือท่าทีต่อกรรมเก่าที่ชาวพุทธควรใส่ใจให้มาก



...................................................................

คัดลอกมาจาก ::
หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน
คอลัมน์ มองอย่างพุทธ
วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 10025
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เพียรพุทธ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 24 ส.ค. 2005, 6:51 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

 
หนูนิด
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2005, 2:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุเจ้าค่ะ...
กำลังใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสอยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ
 
มาดู
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2005, 12:41 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบอนุโมทนาค่ะ
 
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2006, 12:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาบุญนะคะ...คุณเว็ปมาสเตอร์

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 03 ส.ค. 2006, 4:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เข้าใจ และจะพยามยามน้อมไปปฏิบัติ เพื่อให้ธรรมทานนี้มีผลยิ่ง ๆ ขึ้นไป อนุโมทนา สา ....ธุ
 

_________________
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
ผู้อยากรู้
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2006, 9:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ อนุโมทนาสาธุด้วยนะค่ะ
 
jean
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2006, 10:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ แลบลิ้น
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง