Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เปรตนางมัตตา อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
poivang
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224

ตอบตอบเมื่อ: 22 ก.พ.2006, 4:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



เปรตวัดไผ่โรงวัว.jpg


เปรตนางมัตตา


ในเมืองสาวัตถีมีกฎุมพีคนหนึ่งเป็นผู้มีศรัทธา แต่ไปได้ภรรยาที่ไม่มีศรัทธา ทั้งมีนิสัยขี้โกรธชื่อว่า นางมัตตา แต่นางมัตตาไม่มีบุตรสืบตระกูล สามีจึงไปหาภรรยามาอีกคนหนึ่งชื่อ นางติสสา เพราะต้องการบุตรสืบตระกูล นางติสสานั้นเป็นคนมีศรัทธาจึงเป็นที่รักใคร่ของสามีเป็นอันมาก

ต่อมานางติสสาก็มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อว่า ภูตกุมาร นางติสสาจึงได้เป็นใหญ่ในเรือน นางได้ถวายการอุปถัมภ์บำรุงแก่พระภิกษุ ๔ รูปด้วยความเคารพเลื่อมใสศรัทธาตลอดมา ส่วนนางมัตตานั้นด้วยความริษยาก็กลั่นแกล้งนางติสสาด้วยประการต่างๆ เมื่อตายลงไปเกิดเป็นเปรตได้รับทุกขเวทนามาก

วันหนึ่งได้มาแสดงตนให้ปรากฏแก่นางติสสา นางติสสาก็ถามว่า “ท่านเป็นผู้ซูบผอมมีแต่ซี่โครง เปลือยกายมีรูปร่างน่าเกลียด ซูบผอมมีตัวสะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น ท่านเป็นใครจึงมายืนอยู่ที่นี่”

นางเปรตก็ตอบว่า “ เมื่อก่อนนี้ฉันชื่อมัตตาเป็นหญิงร่วมสามีกับท่าน ได้ทำกรรมอันลามกไว้จึงเกิดเป็นเปรต”

นางติสสาก็ถามว่า “ท่านได้ทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกาย วาจา ใจ ด้วยผลแห่งกรรมอะไรท่านจึงไปเกิดเป็นเปรต”

นางเปรตตอบว่า “ฉันเป็นหญิงดุร้าย หยาบคาย มักหึงหวง มีความตระหนี่ เป็นคนโอ้อวด ได้กล่าวคำหยาบคายต่อท่าน ฉันจึงจากโลกนี้ไปสู่เปรตโลก”

นางติสสากล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นความจริง ฉันเองก็รู้ว่าท่านเป็นอย่างนั้น แต่อยากจะถามท่านว่าร่างกายท่านเปื้อนฝุ่นเพราะกรรมอะไร”

นางเปรตตอบว่า “ครั้งหนึ่งท่านกับฉันอาบน้ำแล้ว นุ่งห่มผ้าสะอาด ตบแต่งร่างกายงดงาม แต่ฉันแต่งร่างกายงดงามกว่าท่าน เมื่อฉันเห็นท่านคุยกับสามีฉันก็เกิดโกรธริษยาท่าน จึงกวาดฝุ่นโปรยลงรดท่าน ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ฉันจึงมีสรีระเปื้อนฝุ่น”

นางติสสากล่าวว่า “ความเป็นจริงฉันจำเรื่องนั้นได้”

นางติสสาถามว่า “ท่านเป็นหิดคันไปทั้งตัว เพราะกรรมอะไร”

นางเปรตตอบว่า “เราสองคนไปหายาในป่า ท่านหายามาได้ แต่ฉันกลับนำผลหมามุ้ยมา เมื่อท่านเผลอฉันก็ได้โปรยหมามุ้ยลงบนที่นอนของท่าน ฉันเป็นหิดคันทั้งตัวเพราะวิบากแห่งกรรมนั้น”

นางติสสาก็รับรองว่าเป็นความจริง “ ฉันรู้ว่าท่านโปรยหมามุ้ยลงบนที่นอนของฉัน แต่ว่าท่านเปลือยกายเพราะกรรมอะไร”

นางเปรตตอบว่า “วันหนึ่งมีการประชุมญาติมิตรท่านได้รับเชิญ แต่ฉันไม่มีใครเชิญ เพราะฉะนั้นเมื่อท่านเผลอ ฉันจึงลักผ้าของท่านไปซ่อนเสีย ด้วยผลของกรรมนั้นฉันจึงต้องเปลือยกาย”

นางติสสาก็กล่าวว่า “ฉันรู้ว่าท่านลักผ้าของฉันไปซ่อน แต่ว่าเพราะกรรมอะไรท่านจึงมีกลิ่นกายเหม็นเหมือนคูถ”

นางเปรตก็ตอบว่า “ฉันได้ลักของหอม ดอกไม้ เครื่องลูบไล้อันมีค่ามากของท่าน ทิ้งลงในหลุมคูถด้วยกรรมนั้น ฉันจึงมีกลิ่นกายเหมือนคูถ”

นางติสสาก็กล่าวว่า “เรื่องนี้ฉันก็รู้ว่าเป็นจริง แต่ว่ากรรมอะไรท่านจึงยากจนเพียงนี้”

นางเปรตก็ตอบว่า “สมัยนั้นเราทั้งสองมีทรัพย์เท่าๆ กัน เมื่อไทยธรรมมีอยู่แต่ฉันไม่ได้ทำที่พึ่งแก่ตน ฉันจึงเป็นคนยากจน ส่วนท่านตักเตือนห้ามปราบมิให้ฉันกระทำชั่ว เพราะว่าถ้าทำชั่วแล้วไม่ได้ไปสู่สุคติ แต่ฉันก็ไม่เชื่อฟังท่าน”

นางติสสาจึงกล่าวว่า “ท่านไม่เชื่อเราขอท่านจงดูวิบากกรรมนั้นเถิด เมื่อก่อนนางทาสีและเครื่องอาภรณ์ทั้งหลายมีอยู่ในเรือนของท่านมากมาย แต่เดี๋ยวนี้นางทาสีเหล่านั้นพากันห้อมล้อมคนอื่น โภคะทั้งหลายย่อมไม่มีแก่ท่าน ท่านไม่ได้ใช้โภคะนั้น ขณะนี้บิดาของบุตรของเราไปตลาดอยู่ท่านอย่าเพิ่งกลับไป บางทีเขาอาจจะให้อะไรแก่ท่านบ้าง”

นางเปรตก็ตอบว่า “อย่าให้เขาเห็นฉันซึ่งรูปร่างน่าเกลียด เปลือยกาย มีกลิ่นเหม็นอย่างนี้เลย หญิงทั้งหลายย่อมอาย ไม่อยากให้ใครทั้งหลายเห็นรูปร่างน่าเกลียดนี้”

นางติสสาก็ถามว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยอะไรท่านได้บ้าง จะให้ฉันให้ทานสิ่งไรหรือทำบุญอะไรให้แก่ท่าน ท่านจึงจะได้รับความสุขสำเร็จความปรารถนาทั้งปวง”

นางเปรตตอบว่า “ขอท่านจงนิมนต์ภิกษุ ๔ รูป และจากบุคคล ๔ รูป หมายความว่าให้นิมนต์พระโดยไม่จำเพาะเจาะจง ๔ รูปรวมเป็น ๘ รูป ให้มาฉันภัตตาหาร แล้วอุทิศส่วนบุญให้ฉัน เมื่อท่านทำอย่างนั้นฉันจึงได้รับความสุข สำเร็จความปรารถนาทั้งปวง”

นางติสสาก็ได้ทำตามนั้นคือ นิมนต์ พระ ๘ รูปมาฉันภัตตาหาร ให้ครองจีวร และอุทิศส่วนกุศลไปให้นางเปรต ข้าว น้ำ เครื่องนุ่งห่มอันเป็นวิบากได้เกิดขึ้นในทันใดนั้นเอง นี่ผลแห่งทักษิณา

ในขณะนั้นเอง นางเปรตมีร่างกายสะอาดบริสุทธิ์ นุ่งห่มผ้าอันมีราคามาก ประดับด้วยอาภรณ์อันวิจิตร เข้าไปหานางติสสาหญิงร่วมสามี รวมความว่า นางติสสายังคงเป็นมนุษย์อยู่ แต่นางมัตตาตายไปเกิดใหม่ ๒ ครั้งแล้ว ครั้งแรกเกิดเป็นเปรต เมื่อพ้นจากภพเปรตมาเกิดเป็นเทพธิดา

เพราะฉะนั้น เมื่อนางเทพธิดามาปรากฏแก่นางติสสา นางติสสาจึงไม่รู้จัก ได้ถามว่า

“ดูก่อนนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก ส่องสว่างไปทั่วทิศ สถิตย์อยู่ดุจดาวประกายพฤกษ์ ท่านมีวรรณะงามเช่นนี้ ผลอันน่าพึงในวิมานนี้ ตลอดจนโภคะทุกย่างอันเป็นที่รัก บังเกิดแก่ท่านเพราะกรรมอะไร ดูก่อนนางเทพธิดาฉันขอถามท่าน เมื่อท่านเป็นมนุษย์ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ ท่านจึงมีอานุภาพอย่างนี้”

นางเทพธิดาตอบว่า “เมื่อก่อนฉันชื่อมัตตา เป็นหญิงร่วมสามีกับท่าน ฉันทำความชั่วไว้มากจึงจากโลกนี้ไปสู่เปรตโลก ฉันอนุโมทนาทานที่ท่านให้แล้ว จึงพ้นภัยได้ทิพยสมบัติเช่นนี้ ขอท่านพร้อมด้วยญาติทุกคนจงมีอายุยืนนาน ท่านประพฤติธรรมและให้ทานในโลกนี้แล้วจักเข้าถึงฐานะอันไม่เศร้าโศก ปราศจากธุลี อันเป็นที่อยู่ของท้าววสวดี ท่านกำจัดมลทินคือความตระหนี่ พร้อมด้วยภพแล้วอันใครๆ ไม่ติเตียนได้ จักเข้าถึงโลกสวรรค์”

เป็นอันจบเรื่องนางมัตตาเปรตเพียงเท่านี้

การทำชั่วแม้เพียงเล็กน้อยก็มีผลร้ายแรงมากอย่างนางเปรตที่เล่ามานี้ ในขณะเดียวกันการทำความดีแม้เพียงเล็กน้อยก็ได้ผลมหาศาล อย่างที่นางเปรตได้รับหลังจากอนุโมทนาทานแล้ว ก็ทำให้พ้นจากสภาพเปรต


สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ไม้อ่อน
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2007
ตอบ: 62

ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ค.2007, 11:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนา สาธุ ยิ้ม
 

_________________
Image
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2008, 1:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ขออนุโมทนาครับ
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง