Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การกลับมาแห่งภาพมายา อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2005, 7:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



68046804.jpg


จัดพิมพ์โดย ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ บ้านวังเมือง

กระทรวงศึกษาธิการ



คำนำ



เคยได้ยินบ่อยๆว่า ต้องนิ่งก่อนสิ คนเราต้องนิ่งก่อนสิ ต้องรู้จักตัวเอง ต้องชนะใจตัวเองให้ได้



ทุกคนเลยดิ้นรน ไขว่คว้าหาตัวเอง ด้วยวิธีต่างๆ โดยไม่รู้เลยว่า การที่เราจะรู้จักตัวเองได้นั้น ไม่ต้องวิ่งออกไปหาข้างนอก เพราะตัวเองก็อยู่ภายในตัวเอง



เพียงเรากลับมารู้สึกภายใน รู้ว่าฐานจิตอยู่ที่ไหน รู้จักตามรักษาจิตไปเนืองๆ กลับมานิ่งอยู่กับความรู้สึกภายใน นี่แหละ เราจึงจะรู้จักตัวเองได้ เมื่อนิ่งอยู่ภายใน จึงเห็นสรรพสิ่งว่า สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นก็ดับไปเป็นธรรมดา .... เหตุการณ์ข้างนอก ล้วนมีการเกิดขึ้นและดับไปเป็นธรรมดา



เมื่อเราสามารถนิ่งเห็นเหตุการณ์ได้ ชื่อว่า พ้นจาก

ภาพมายา นี่แหละ ... ชนะตนเอง เมื่อชนะตนเองได้ ชื่อว่า ชนะทุกสิ่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2005, 8:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สารบัญ



แสงสว่างแห่งธรรม



การให้



ทางพ้นทุกข์



การริเริ่ม



การเขียน



การมา



จากกัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2005, 8:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การให้...



การบังเกิดของสรรพสิ่ง



การบังเกิดของสรรสิ่ง ล้วนมีการปรุงแต่งที่มนุษย์มิอาจล่วงรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นได้เลย เพราะมนุษย์ยังมีความโลภ โกรธ หลงอยู่



ความคิดนั้นย่อมสละได้ โดยการกลับมารู้สึกภายในเท่านั้น เมื่อรู้สึกภายในบ่อยๆ ย่อมจะเห็น ความคิด ผ่านมา แล้วผ่านไป เมื่อจิตภายในกล้าขึ้น ย่อมปล่อยได้ด้วยตัวของมันเอง



" เมื่อปล่อย จิตย่อมหลุด จิตหลุดเพราะปล่อย"

สันทิฏฐิโก (บรรลุแล้วเห็นเอง)



เมื่อถึงเวลาก็ต้องมา

เพราะสรรพสิ่งและอนาคต

ล้วนไม่แน่นอนด้วยตัวของมันเอง

และในที่สุดก็ต้องจากไป

เพราะว่ามัน ย่อมดับ

ด้วยตัวของมันเอง



การปฏิบัติธรรมนั้น ต้องตามรักษาจิตอยู่ภายใน แล้วบุคคลภายนอก ปุถุชนธรรมดา ใครเล่าจะเห็นจิตได้ รู้สึกได้ รู้สึกภายในได้ เพราะมันยาก



กระแสทางโลก คือ ความโลภ โกรธ หลง ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด บุคคลใดตามรักษาจิตภายในได้ บุคคลนั้นชื่อว่า เป็นผู้หลุดพ้นออกจากวัฏสงสาร คื่อการเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง...
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2005, 8:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

1

สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลก ล้วนมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา และเสื่อมไปเป็นธรรมดา



บุคคลทั้งหลายในโลก ล้วนไม่มีใครรู้เลยว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร มาทำอะไร มาได้อย่างไร...



บุคคลั้งหลายในโลก ล้วนมีความประมาทเป็นธรรมดา ผู้ใดตามรักษาจิตอยู่ทุกขณะ ชื่อว่าเป็น ผู้ไม่ประมาท



เมื่อทุกคนกลับมารู้สึกภายใน แจ่มแจ้งได้ด้วยญาณปัญญาภายใน ย่อมเห็นแจ้งชัดว่า ทุกคนล้วนเกิดมาสร้างบารมี มาทำตนเองให้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร บอกผู้อื่นให้รู้ตามในสิ่งที่เราเห็น คือ บอกแต่ธรรม ให้ทุกคนได้เห็นแจ้งธรรมะ .. ภายในพบที่พึ่งภายในตนเอง

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2005, 8:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สรรพสิ่งทั้งหลาย ล้วนมีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นที่มี มีกรรมเป็นที่ไป ล้วนแล้วแต่กรรมพาไป เราหว่านพืชเช่นไร ผลก็ย่อมได้รับเช่นนั้น เราปลูกพืชในดินที่ดี คือ การฝึกจิต รักษาจิตภายในอยู่เนืองๆ



เมื่อเรากลับมารู้สึกภายใน เห็นการเกิด-ดับอยู่ภายใน กลางทรวงอกบริเวณลิ้นปี่ จะมีการเต้นวุบๆ เรารู้สึกในความรู้สึกอยู่ภายในเนืองๆ ภายในก็นิ่ง ... เมื่อนิ่ง ย่อมเห็นแจ้งชัดว่า ความคิดทั้งหลาย ผ่านมาแล้วผ่านไป เรื่องเก่าหายไป เรื่องใหม่เข้ามา ความคิดทั้งหลายหมุนเวียน เปลี่ยนไปไม่มีวันจบ ที่จบ ต้องจบที่จิตภายในเท่านั้น เมื่อกลับมารู้สึกภายในบ่อยๆ ย่อมเป็นอัตโนมัติ



เราจะรู้แจ้งชัดว่า ความคิดทั้งหลายทั้งปวง ที่ทำให้เราเป็นทุกข์ ...เพราะยึดมั่น ทุกข์นี้จึงเกิดขึ้น พอเรากลับมารู้สึก ทุกข์นั้นก็ดับไป มีแต่การเกิดและดับ เห็นตามความเป็นจริงว่า ท่ามกลางนั้น ล้วนมีแต่ความวุ่นวาย ไม่เที่ยง ไม่ควรยึดมั่น



เมื่อเรากลับมารู้สึกภายใน เราจะเห็นแจ่มแจ้งได้ด้วยญาณปัญญาภายใน คือ สัมปชัญญะ จะเห็นจากภายในออกภายนอกว่า

สิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลก ล้วนไม่มีอะไรเที่ยงแท้และแน่นอนเลย เอาอะไรไปไม่ได้เลย เรายึดมั่นในสิ่งใด เราก็เป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น



ที่สุด... แม้แต่ร่างกายนี้ ยังเอาไปไม่ได้ แล้วเราจะเอาอะไรไป มีแต่จิตที่ฝึกดีแล้วเท่านั้น ที่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขกับตนเอง กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย ตลอดกาลนาน



ให้ทุกคนมีปัญญา เห็นแจ้ง สว่างในธรรม สิ้นทุกข์ในปัจจุบันชาตินี้เทอญ..



ขอให้พบดวงแก้ว ขอให้แคล้วบ่วงมาร ขอให้ทันศาสนาพระศรีอาริย์ นิพพาน ปัจจโยโหตุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 23 พ.ค.2005, 7:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



53325332.jpg






สาธุครับ Bingo

รู้สึกว่าจะไม่จบนะ



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 23 พ.ค.2005, 11:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีต่อค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 23 พ.ค.2005, 11:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

8.

เรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงในโลก ล้วนมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา และเสื่อมไปเป็นธรรมดา



สิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลก ล้วนมีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นที่มา มีกรรมเป็นที่ไป ล้วนแล้วแต่กรรมพาไป เราหว่านพืชเช่นไร ผลก็ย่อมได้รับเช่นนั้น เราปลูกพืชในดินที่ดี คือ การฝึกจิต ... จิตที่ฝึกดีแล้วเท่านั้นแหละ ที่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขกับทั้งในปัจจุบันและอนาคต



เมื่อทุกคนมีความเพียรในการฝึกจิต ย่อมพิจารณาเห็นตามความเป็นจริงว่า



สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมดับไป...

เมื่อสิ่งใดดับ สิ่งนั้นย่อมไม่เที่ยง

เมื่อสิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นย่อมไม่ควรยึดมั่น

เมื่อไม่ยึดมั่น จิตภายในย่อมปล่อยวาง

ปล่อยวางซึ่งความคิดทั้งปวง

ความจำได้หมายรู้ สัญญาต่างๆ..

เมื่อสัญญาดับ ภพชาติก็ดับ

เมื่อภพชาติดับ ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ย่อมดับ

ที่สุดแล้ว ย่อมหลุดพ้น เพราะไม่ยึดมั่นด้วยภายใน

เมื่อเราฝึกจิตดีแล้ว ย่อมยังประโยชน์ตน

ประโยชน์ผู้อื่น...ให้ถึงพร้อมกันด้วยความไม่ประมาท



ให้ทุกคนมีปัญญา เห็นแจ้งสว่างในธรรม สิ้นทุกข์ พบความสุขที่แท้จริง ในปัจจุบันชาตินี้เทอญ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 23 พ.ค.2005, 11:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทางพ้นทุกข์



หลวงน้าครับ .. ผมกลุ้มใจจริงๆครับ จะทำไงดีครับ ช่วยผมที



อยากพ้นทุกข์เหรอ มานี่สิ

หงายมือวางบนหน้าตัก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ .. ค้างไว้ตรงกลางทรวงอกบริเวณลิ้นปี่ นิ่งสักครู่...

จะมีความรู้สึกเต้นตุ้บๆ เหมือนหัวใจเต้นอยู่ ... ดูเอาไว้



มีแล้วครับ มันเต้นตึ้บๆ แล้วทำยังไงต่อครับ



ดูไปให้ติดต่อ ไม่ว่าจะลืมตา หรือฟังหลวงน้าพูดอยู่ ก็ดูจิตไปด้วย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 23 พ.ค.2005, 11:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดูได้แล้วครับ (เด็กหนุ่มนิ่งสักครู่ ทำตาที่สอน)



ตาผมก็มองอยู่ หูก็ฟังอยู่ แต่ภายในรู้สึกอยู่ที่จิต ตรงกลางทรวงอกตลอด ... มันเต้นตลอดเลยครับ



นี่เขาเรียกว่า สันทิฏฐิโก บรรลุแล้วเห็นเอง มีใครรู้ไหมว่าเราปฏิบัติอยู่



ไม่มีครับ (หลานตอบ)



ก็นั่นนะสิ จึงเรียกว่า บรรลุแล้วเห็นเอง เห็นเกิด-ดับภายใน แล้วดูไปเนืองๆ ไม่ว่าจะยืน จะเดิน จะนั่ง นอน กินข้าว อาบน้ำ ทำอะไรอยู่ ดูไปตลอด นี่..ที่พระพุทธองค์ตรัสว่า อกาลิโก ไม่เลือกกาลเวลา



เอหิปัสสิโก โอปนยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ

เราเรียกคนอื่นมาดูได้ โดยให้เขากลับมารู้สึกภายใน แล้วเขาก็รู้ของเขาเอง



เอาละ ลองประคองจิต นิ่งสักพัก



หลานชายนิ่งหลับตา



เวลาจะออกมา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนออกช้าๆ สัก 2-3ครั้ง ใครจะเรียกอะไร อย่ารีบกระชากออกมา เดี๋ยวจะมึน...ถึงจะหลับตาก็รู้สึกไปตลอด
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 24 พ.ค.2005, 9:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สภาวธรรม



เป็นยังไงบ้าง (หลวงน้าถาม)



สบายครับ บางครั้งมันก็เบา บางครั้งก็แรง บางครั้งคล้ายจะนิ่งไปครับ .. แล้วนี่ผมต้องท่องคำบริกรรมอะไรไหมครับ



ไม่ต้องท่องอะไร ให้รู้สึกไปอย่างเดียว



มันนั่งแล้วไม่ค่อยนิ่งเลยครับ และ ความคิดมันก็ขึ้นมาตลอดเลยครับ



ความคิดมันไม่นิ่ง ไม่ใช่เราไม่นิ่ง แต่เพราะเราไม่รู้ เลยหลงไปยึดถือเอาความคิด มาเป็นตัวเรา แล้วเราก็คิดว่า เราไม่นิ่ง .



แท้จริง ความคิดมันก็คิดอยู่ของมัน เรามีหน้าที่เพียงแค่เห็นความคิด มันผ่านมาแล้วมันก็ผ่านไป ไม่เที่ยง ... เกดขึ้นแล้วก็ดับไป อย่าไปยึดถือว่าเป็นตัวเรา ว่าเป็นของเรา



เรากลับมารู้สึกที่จิต ดูไปเนืองๆ



แม้แต่คำว่า "จิต" นี่มันก็ไม่มีชื่อ แต่ที่เรียกกันว่า "จิต" เพราะจะได้คุยกันรู้เรื่อง



พอเราดูไปเนืองๆ เดี๋ยวก็เกิดสภาวธรรม มีเหมือนเข็มแทงแปล๊บบ้าง เหมือนหอกปักอกบ้าง ทะลุไปข้างหลัง ทั้งซ้ายขวาบ้าง บางครั้งกายทิพย์แยก ตัวรู้ก็แยก มีสภาวะเหมือนธรรมจักร หมุนอยู่ภายในบ้าง



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 24 พ.ค.2005, 10:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า



"สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภิเวสาย"



สภาวธรรมทั้งหลายทั้งปวงล้วนไม่ควรยึดมั่น



เราดูไปตลอด .. ที่สุด แม้แต่ตัว"จิต" ก็ปล่อยโดยตัวมันเอง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 24 พ.ค.2005, 10:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พอสอนแล้วก็เอาไปสอนต่อเลยนะ กระแสมีแล้ว เหมือนรถสตาร์ทไม่ติด ถ้าพ่วงให้ ติดได้ไหม



ได้ครับ (หลานตอบ)



แล้วสามารถไปสอนคนอื่นต่อได้ไหม



ได้ครับ (หลานเริ่มเห็นชัดขึ้น)



กระแสนี่ก็เช่นกัน เจอใครก็บอกเขา ให้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกไปตรงกลางทรวงอก จะรู้สึกเต้นตุ้บๆ แล้วเราก็ส่งกระแส(แผ่เมตตา) ไปช่วยเขาด้วย



บางทีแค่เราพูดออกไป เขาก็จะสังเกตได้ทันที เพราะคำพูดของเราจะมีกระแสออกไปด้วย



เจอใคร เราก็บอก ก็สอนเขาเลย ให้เขามีที่พึ่งภายใน นี่เรียกว่า ให้ธรรมะเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง



และที่สำคัญ ... เราต้องไม่ลืมพ่อแม่ของเราด้วย กลับไปบอกไปสอนท่าน จะได้ขึ้นชื่อว่า ตอบแทนพระคุณของท่านด้วย



เราช่วยพ่อแม่ตอนนี้ กับตอนจากกัน ... อย่างไหนดีกว่ากัน



ตอนนี้ครับ



เพราะอะไร



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 24 พ.ค.2005, 10:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เพราะตอนนี้เรายังมองเห็น ถ้าพ่อแม่จากไปแล้ว เรามองไม่เห็นครับ



ที่พูดนี่ ไม่ได้ให้กลัวนะ เพียงแต่จะให้เห็นว่า คนเราต้องจากกันเป็นธรรมดา จะทำดีต่อกัน ก็ให้รีบทำตอนนี้เสียเลย



ถ้าสมมุติ มีคนเคยทำร้ายเรา เบียดเบียนเรามา เขากำลังจะตาย เราจะอโหสิกรรมให้เขาไหม



ให้อภัยครับ เพราะว่าไหนๆ ก็ต้องจากกันอยู่แล้ว(หลานตอบ)



ก็นั่นน่ะสิ .. ก็เมื่อไหนๆเราต้องจากกันอยู่แล้ว ทำไมเราไม่ให้อภัยเขาตอนนี้เลยล่ะ .. ทำแล้วใครมีความสุข ก็เราเอง.. แล้วผู้อื่นเขาก็มีความสุขด้วย



..........................................................................................................
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
bingo
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 24 พ.ค.2005, 10:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การริเริ่ม



เรื่องราวทั้งหลาย ล้วนไม่มีวันจบ



คนที่พูดธรรมะ .......... ใช่จะรู้ธรรมะ



คนที่รู้ธรรมะ ..............ใช่จะเข้าถึงธรรมะ



คนที่เข้าถึงธรรมะ........ใช่จะบรรลุธรรมะ



คนที่บรรลุธรรมะ .........ใช่จะหลุดพ้น



คนที่หลุดพ้น ...............ใช่จะแจ้งในธรรมะ



คนที่แจ้งในธรรมะ ........ใช่จะสาธยายธรรมได้



ความลึก ย่อมหลุดจากจิต
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 1:00 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทรมานสายตานิดหน่อย เจริญในธรรมจ้า ท่าน สาธุ bingo
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง