Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 นิทานเรือนธรรม เรื่อง พระเทวทัต อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ห้องหนังสือเรือนธรรม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2005, 5:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



เรียบเรียง จากหนังสือ ทางแห่งความดี เล่ม 1โดยอาจารย์วศิน อินทสระ



มีเรื่องเล่าในพระไตรปิฏกดังนี้ว่า...

สมัยหนึ่ง พระสารีบุตรและมหาโมคคัลลานะ พาบริวารไปยังราชคฤห์ ชาวนครพากันมาถวายทาน คราวหนึ่งพระสารีบุตรได้กล่าวอนุโมทนาว่า

“ผู้ถวายทานด้วยตนเอง ได้ชักชวนผู้อื่น ย่อมได้เฉพาะโภคสมบัติ แต่ไม่ได้บริวารสมบัติ ผู้ชักชวนผู้อื่นแต่ไม่ทำด้วยตนเอง ย่อมได้บริวารสมบัติ แต่ไม่ได้โภคสมบัติ ผู้ชักชวนผู้อื่นด้วย ทำด้วยตนเองด้วย ย่อมได้ทั้งบริวารสมบัติและโภคสมบัติ ส่วนผู้ที่ไม่ทำเองและไม่ชักชวนผู้อื่น ย่อมไม่ได้สมบัติทั้งสอง เกิดในที่ใดก็เป็นคนอนาถา ไม่ได้อาหาร สักว่าพออิ่มท้อง”

ชายคนหนึ่งฟังแล้วต้องการให้สมบัติทั้งสองเกิดแก่ตน จึงนิมนต์พระเถระพร้อมบริวาร เพื่อรับภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น พระทั้งหมดประมาณพันรูป

เมื่อนิมนต์แล้วก็เที่ยวชวนคนทั้งหลายให้ช่วยกันรับเป็นเจ้าภาพ บางคนรับ 10 รูป บางคน 20รูป บางคน 100 รูป ตามกำลังศรัทธาและกำลังทรัพย์ เมื่อได้เจ้าภาพพอแล้วก็ประกาศว่าให้มาชุมนุมหุงต้มในที่เดียวกัน

ครั้งนั้นมีคนรวยคนหนึ่งได้ ให้ผ้ากาสาวะ อันมีราคาถึงแสน ซึ่งนำมาจากแคว้นคันธาระ และสั่งว่า ถ้าของทำบุญยังไม่พอ ให้เอาผ้านี้เติมเข้าไป หรือขายผ้าแล้วซื้อของอื่นมาทำบุญ แต่ถ้าของทำบุญพอแล้ว ก็ให้ถวายผ้าแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง

แต่ปรากฏว่าของทำบุญมีพร้อม จึงปรึกษากันว่าควรถวายผ้าแก่ภิกษุรูปใด บางพวกก็กล่าวว่า ควรถวายพระสารีบุตร บางพวกก็ว่า พระสารีบุตร นานๆท่านมาครั้งหนึ่ง ส่วนพระเทวทัตอยู่ประจำ มางานมงคลทั้งปวง ควรถวายแก่เทวทัต

เถียงกันพอสมควร แต่เสียงข้างเทวทัตมีมากกว่า จึงตกลงถวายแก่พระเทวทัต

พระเทวทัตตัดผ้านั้น เย็บและย้อมแล้วนุ่งห่มเที่ยวไปในที่ต่างๆ คนทั้งหลายก็พูดว่า ผ้านั้นดีเกินไป ไม่ควรแก่เทวทัต แต่ควรแก่พระสารีบุตร พระเทวทัตห่มผ้าที่ไม่สมควรแก่ตน

ครั้งนั้นมีภิกษุรูปหนึ่งไปจากกรุงราชคฤห์ ไปเฝ้าพระศาสดาที่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี ได้ทูลเล่าเรื่องให้ทรงทราบพระศาสดาตรัสว่า พระเทวทัตใช้ผ้าอันไม่สมควรแก่ตนในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แล้วทรงเล่าเรื่องในอดีต

ในอดีตมีนายพรานช้างคนหนึ่ง ชาวเมืองพาราณสีล้มช้างแล้วนำงา เนื้อล่ำ และไส้ใหญ่ไปขายเลี้ยงชีพ คราวนั้น มีช้างหลายพันหากินอยู่ในป่า ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็คุกเข่าลงแสดงอาการเคารพแล้วเดินไป

วันหนึ่งนายพรานเห็นกิริยานั้นแล้วคิดว่า เราล้มช้างนี้ยาก แต่มันเห็นอะไรหนอจึงแสดงอาการจบ เมื่อรู้ว่าช้างเห็นผ้ากาสายะ จึงอยากได้ผ้ากาสายะมาคลุมกาย

เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้า ลงสู่สระเพื่อสรงน้ำ เปลื้องผ้ากาสายะไว้ริมสระ พรานช้างก็ขโมยมา แล้วถือหอกนั่งคลุมโปงอยู่ริมทางที่ช้างผ่าน

หมู่ช้างเห็นก็เข้าใจว่าเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าจึงจบ พรานจึงพุ่งหอกใส่ช้าง พรานทำอย่างนี้อยู่นาน จนกระทั่งพระโพธิสัตว์กำเนิดเป็นช้าง เป็นนายโขลง พระโพธิสัตว์เห็นบริวารของตนร่อยหรอผิดปกติ จึงถามช้างตัวอื่นๆ แต่ก็ไม่มีใครรู้ พระโพธิสัตว์คิดว่า ช้างทั้งหลาย จะไปไหนต้องบอกเราก่อน ไม่บอกแล้วไปไม่เคยมี คงจะมีอันตราย

บางอย่างแน่

นึกสงสัยบุรุษผู้นั่งคลุมผ้าสากายะ วันหนึ่งพระโพธิ์ให้ช้างบริวารเดินล่วงหน้าไปก่อน ส่วนตนระวังหลัง พรานเห็นพระโพธิสัตว์เดินมาโดดเดี่ยว จึงแหวกจีวรพุ่งหอกออกไป

พระโพธิสัตว์เดินระวังตัวอยู่แล้ว จึงถอยหลังไปหน่อยหนึ่งหลบหอก แล้ววิ่งเข้าหานายพราน พรานเห็นดังนั้นก็วิ่งหลบไปที่ต้นไม้ พระโพธิสัตว์เอางวงรวบพร้อมทั้งต้นไม้หมายใจว่าจะฟาดลงพื้น แต่พอเห็นผ้ากาสายะ ใจก็สลดลงยับยั้งสติไว้ พลางคิดว่า ถ้าเราทำร้ายบุรุษนี้ ชื่อว่าทำลายความละอายในพระพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระขีณาสพหลายพันองค์ จึงถามพรานว่าได้ฆ่าญาติช้างมามากมายใช่ไหม พรานรับว่าใช่ จึงกล่าวว่า

“ทำไมท่านจึงทำกรรมหยาบช้าอย่างนี้ ห่มผ้าไม่สมควรแก่ตน ผ้าอย่างนี้สมควรแก่ผู้ปราศจากราคะ ท่านได้ทำกรรมหนักเสียแล้ว ต่อไปภายหน้าอย่าได้ทำอีก” แล้วปล่อยเขาไป

พระศาสดานำเรื่องนี้มาเล่าแล้ว ตรัสว่า พรานในครั้งนั้นคือเทวทัต ช้างโพธิสัตว์ คือเราตถาคต มิใช่เพียงในกาลนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน เทวทัตก็ใช้ผ้าไม่สมควรแก่ตนมาแล้ว

 
thaithip
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 เม.ย.2005, 4:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เข่ามาชมครับ
 
ภาวัติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2005, 9:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีมากครับ
 
ภาวัติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2005, 9:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีมากครับ ภาวัติ
 
ณรงชัย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2005, 9:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีมากๆเลยครับ
 
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 13 มิ.ย.2008, 11:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทโธ ขออนุโมทนาครับ
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง