Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เจ้าหูตั้ง....สุนัขที่ระลึกชาติได้ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
ผู้ตั้ง ข้อความ
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 11:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าวันนี้เราปล่อยไป

อนาคต

ใครจะลุกขึ้นมาด่พระเล่นได้โดยไม่เกรงกลัวใคร

ถ้าพระที่ประพฤติมิชอบนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องช่วยกับปัดกวาด

แต่วันนี้

ต้องกำจัดหมัดเห็บศาสนาอย่างเฉลิมศักดิ์ก่อน

คุณมาพัวพันผมก่อนด้วยประการหนึ่ง

ผมบอกแล้วว่าให้คุณเลิก

เรามาสนทนาธรรมกัน

แต่คุณไม่ใยดี

ด่าพระต่ออีก

ชาวพุทธต้องไม่ให้ใครมาด่าพระเล่น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 11:28 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณ mes ครับ ตำราเหล่านี้อาจจะดูโบราณเชย ๆ แต่ก็ได้ชักนำให้ผมเกิด กุศลจิต ได้

ว่าแต่คุณ mes ศึกษาจากตำราท่านพุทธทาส แล้ว มีแต่ อกุศลจิต

แล้วตอนนี้ จิตก็เศร้าหมอง ถ้าจิตประเภทนี้นำเกิด จะปฏิสนธิใน ทุคติภูมินะครับ


หมายถึงว่าจะต้องด่าพระอย่างคุณถึงจะจิตแจ่มใส

ไม่เศร้าหมอง

ถามหน่อย

คนด่าปฏิปทาสงฆ์สมควรลงนรก หรือขึ้นสวรรค์

และขอโทษ

คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมจิตเศร้าหมอง

ผมไม่ได้ด่าพระ

จิตผมจะเศร้าหมองได้อย่างไร

ต้องคนด่าพระจิตจึงเศร้าหมอง

เวลาตาย

ก็ทุคติวินิบาต

เรียนอภิธรรมมาเสียเปล่า

แต่ยังประพฤติชั่ว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 11:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณ mes คุณพิจารณาดูให้ดี ใครกำลังสร้างทางไปนรก

อนึ่ง ผมก็ไม่ได้ พยาบาทท่านพุทธทาสอาจารย์ของคุณ เพียงแต่ชี้แจง สิ่งที่อาจารย์คุณสอน แตกต่างจากพระไตรปิฏก อรรถกถา อย่างไร


คุณไม่ใช่อรรถกถาจารย์แล้วทลึงไปรู้ได้อย่างไรว่าท่านเหล่านั้นคิดคิดอย่างไร

แต่ถึงท่านพุทธทาสจะคิดไม่เหมือนท่านอรรถกถาจารย์แล้วคุณจะรู้ว่าใครถูกใครผิด

คนทีกำลังสร้างทางไปนรกคือคนที่ด่าพระด่าสงฆ์

คุณเฉลิมศักดิ์เป็นคนอย่างนั้นไหม

ถ้าเป็น

ทางไปนรกของคุณก็ใกล้เสร็จแล้ว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 11:38 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณ mes ครับ ผมก็ไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย ก็ทำ อกุศลบ้าง ๆ มี โลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา แต่ในลานสนทนาธรรมแห่งนี้ ผมคงไม่แสดงออกมา หรอกครับ อายคนเขา

คุณ mes ครับ ผมไม่โกรธคุณหรอกครับ เพราะที่เรียนมาจากพระอภิธรรม เป็นโทสะมูลจิต ถ้าโกรธบ่อย ๆ ไปเกิดในรกได้ ซึ่งตรงกับ พระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในพระสูตร

ต่างจากสิ่งที่ อาจารย์คุณสอนไว้ ว่า


คนดีมีศีลธรรมขึ้นอยู่กับการกระทำ

ด่าพระคุณยังไม่อายเลย

อย่างอื่นคุณก็ไม่ต้องอายแล้ว

มันสุดๆแล้ว การด่าพระ

ไม่มีสิ่งใดเลวทรามไปกว่าการด่าพระอีกแล้ว

แล้วอย่าบอกว่าด่าพระโดยไม่มีโทสะจริต

ด่าอยู่บ่อยๆ

ด่ามานานมาก

ดัดจริตทำเป็นผู้ดีมีศีลธรรม

แต่ตัวตนที่แท้จริงคือมารศาสนา

ผมถามท่านผู้อ่าน

คนที่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเรียบร้อย

แต่กล่าวร้ายป้ายสีโจมตีปฏิปทาพระสงฆ์

กับคนหยาบกร้านทางวาจาที่กระชากคนทำลายพระสงฆ์อย่างผม

ใครกันที่ชั่ว ที่ต่ำทราม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 11:43 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คำถามท้ายกระทู้

คนที่อ้างว่าได้เรียนอภิธรรมมา

มีสิทธิ์ด่าพระสงฆ์ได้หรือไม่
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 11:46 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเป็นคนที่เคารพในสังคม

ถ้าสังคมนี้เห็นว่าผมทำผิด

ผมจะพิจารณาตัวเอง

กับการปกป้องพระสงฆ์ที่มีปฏิปทาเป็นที่เคารพของคนทั้งโลก

ถ้าไม่

ผมจะทำหน้าที่ต่อไป

ผมจะเสียหายอย่างไร

ผมยอม

แต่จะไม่หลับหูหลับตากลัวบาป

จนไม่กล้าไล่หมาที่ไล่งับพระสงฆ์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 1:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมว่า คุณ mes ควรจะแยกคำว่า หยาบคาย และ การใช้เหตุผลให้ชัดเจนนะครับ
และที่ต้องแยกมากไปกว่านั้นคือ หยาบคายด้วยอารมณ์และไม่ใช้อารมณ์
และ การใช้เหตุผลด้วยอารมณ์และไม่ใช้อารมณ์

คุณ mes เราหยุดแล้วท่านหละหยุดหรือยัง
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บุญชัย
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา

ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 1:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นพุทธบูชา
 

_________________
ทำดีทุกทุกวัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 1:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณขันธ์

ทำไมเจ็บแทนคุณเฉลิมศักดิ์หรือครับ

คุณกลับไปทบทวนตัวเองก่อนค่อยมาสอนผม

ผมบอกแล้วผมกำลังทำสงครามกับมารศาสนา

คุณกำลังเพิ่งจะมาผิวบางก็ไม่ต้องเข้ามาอ่าน

คิดว่าจะกล้ามีจุดยืนในสิ่งที่ถูก

เห็นด่าใครต่อใครไม่ต้องคิด

จะปกป้องเฉลิมศักดิ์ก็เข้ามาเลย

จะได้ไล่ลงโลกันต์ไปเสีย

โอโฮ้จะมาเล่นบทสุภาพบุรุษ

สายไปแล้วไอ้เฒ่าสกปรก

สำหรับนายขันธ์โดยเฉพาะ

ชี้มาว่าผมใช้อารมณ์ตรงไหน

ผมหยาบคายตรงไหน

เวลาอ่านที่ผมโพสต้องค่อยๆอ่าน

อ่านแล้วพิจารณาดีๆเพราะมันเป็นหลักธรรมที่ลึกซึ้งแฝงอยู่

ผมกำลังให้สัจจธรรมพวกคุณ

แต่ปัญญาอย่างคุณจะรับได้ไหม

ผมพ้นมาแล้วที่คุณขันธ์เป็นอยู่ขณะนี้

คือความขี้โม้ไหงละ

ไอ้สักเบือจุ่มปลาร้า

ดูมันจะหยุดจริงไหม

จิ้งจอกเจ้าเล่ห์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 1:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คิดว่าจะกล้ามีจุดยืนในสิ่งที่ถูก

เห็นด่าใครต่อใครไม่ต้องคิด

จะปกป้องเฉลิมศักดิ์ก็เข้ามาเลย

จะได้ไล่ลงโลกันต์ไปเสีย

โอโฮ้จะมาเล่นบทสุภาพบุรุษ


ผมแนะนำไปดีๆ ทำไมมาหาว่าผมปกป้องเฉลิมศักดิ์
แต่ คุณ มันประเภท กัดไม่เลือก ไม่มีเหตุผล
เป็นอันธพาล ผมก็พูดไปตามที่ผมเห็น
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 1:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
ผมว่า คุณ mes ควรจะแยกคำว่า หยาบคาย และ การใช้เหตุผลให้ชัดเจนนะครับ
และที่ต้องแยกมากไปกว่านั้นคือ หยาบคายด้วยอารมณ์และไม่ใช้อารมณ์
และ การใช้เหตุผลด้วยอารมณ์และไม่ใช้อารมณ์

คุณ mes เราหยุดแล้วท่านหละหยุดหรือยัง


คุณ อ่านข้อความผมแล้ว กรุณาสังเกตุหน่อยว่า ผมเข้าข้าง เฉลิมศักดิ์ หรือ คุณ รึเปล่า
แล้วก็ ดูด้วยว่า ผมทำตัวแสร้งเป็นสุภาพบุรุษตรงไหน ข้อความข้างต้น เป็นธรรมไหม
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บุญชัย
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา

ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 4:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สงสัย อืมม์ เศร้า เย็ยไว้ๆเย๊นๆไว้ครับ โยม
 

_________________
ทำดีทุกทุกวัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2008, 4:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จากหนังสือ พุทธวิธีชนะความโกรธ ของ อภิธรรมมูลนิธิ




ในธนัญชานีสูตร พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงลักษณะของความโกรธว่า " มีรากเป็นพิษ มียอดหวาน" หมายความว่า ความโกรธ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะแสดงพิษสงต่อจิตใจให้หงุดหงิดเร่าร้อนก่อน เรียกว่า มีรากเป็นพิษ ต่อจากนั้นจะต้องรีบระบายความหงุดหงิดเร่าร้อนออกไปด้วยการด่าว่า ทุบตี ทำลายบุคคลหรือสิ่งที่เป็นเหตุให้เกิดความโกรธ เมื่อทำจนสาแก่ใจแล้วในบั้นปลายจะรู้สึกโล่งใจสบายใจ เรียกว่า มียอดหวาน

ลำดับของความโกรธ

แรกเริ่มความโกรธจะก่อตัวขึ้นมาเพียงเล็กน้อยแต่เพราะเราไม่มีสติรู้เท่าทัน ไม่รู้จักระงับเสียก่อนจึงปล่อยให้ความโกรธลุกลามเหมือนน้ำที่เรานำมาต้ม เมื่อกาน้ำได้รับความร้อนจากเปลวเพลิง น้ำก็จะเริ่มร้อนและมีอุณหภูมิสูงขึ้นตามลำดับจนกระทั่งเดือด และเมื่อเดือดมากขึ้นจนควบคุมไม่ได้ก็จะส่งเสียงร้อง วี๊ด ๆ ๆ น้ำเดือดก็พลุ่งพล่านออกมาลวกตัวเองทางฝาและพวยกา ลวกของใกล้ ๆ ตัว และลวกลามไปเหมือยเรื่องของนางเวเทหิกาดังนี้


แม่เรือนชื่อเวเทหิกา

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=4281&Z=4442&pagebreak=0

จากพระสูตรข้างต้นสามารถลำดับขั้นตอนของความโกรธได้ดังนี้

๑. เมื่อมีอารมณ์มากระทบก็จะรู้สึกขัดเคืองในใจทันทีหรือที่เรียกว่า ไม่ได้ดั่งใจ
๒. จะแสดงพฤติกรรมออกมาที่ใบหน้า คือ หน้าบึ้ง
๓. อำนาจของความโกรธจะทำให้เสียงกระด้างจนกระทั่งหยาบคาย
๔. ลงมือประทุษร้าย

ในขุททกนิกาย พระสารีบุตรได้แสดงลำดับขั้นตอนของความโกรธไว้อย่างละเอียดจากน้อยไปหามาก ( ๑๓ ลำดับ)

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๒
ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=30&A=1229&Z=1275&pagebreak=0

อนึ่ง พึงทราบความโกรธมาก โกรธน้อย ความโกรธเป็นแต่เพียงทำจิตให้ขุ่นมัวในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงให้มีหน้าเง้าหน้างอ. ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้หน้าเง้าหน้างอ ในบางครั้งก็มี แต่ไม่ถึงให้คางสั่น. ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้คางสั่นในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงเปล่งผรุสวาจา. ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้เปล่งผรุสวาจาในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงให้เหลียวดูทิศทางต่างๆ. ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้เหลียวดูทิศต่างๆ ในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงการจับท่อนไม้และศาตรา. ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้จับท่อนไม้และศาตราในบางครั้งก็มีแต่ยังไม่ถึงเงื้อท่อนไม้และศาตรา. ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้เงื้อท่อนไม้และศาตราในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงตีฟัน. ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้ตีฟันในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงฉีกขาดเป็นบาดแผล. ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้ถึงฉีกขาดเป็นบาดแผลในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ให้หักให้แหลก. ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้หักให้แหลกในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ให้อวัยวะน้อยใหญ่เคลื่อนที่. ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้อวัยวะน้อยใหญ่เคลื่อนที่ในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ให้ชีวิตดับ. ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้ชีวิตดับในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงความสละบริจาคอวัยวะทั้งหมด. เมื่อใด ความโกรธให้ฆ่าบุคคลอื่นแล้วให้ฆ่าตน เมื่อนั้น ความโกรธถึงความเป็นความโกรธแรงยิ่ง ถึงความเป็นความโกรธมากยิ่ง โดยอาการอย่างนี้ ความโกรธนั้น อันพระอรหันตขีณาสพใด ละได้แล้ว ตัดขาดแล้ว สงบระงับแล้ว ทำไม่ให้อาจเกิดขึ้นอีก เผาเสียแล้วด้วยไฟคือญาณ พระอรหันตขีณาสพนั้น เรียกว่าผู้กำจัดกิเลสเพียงดังควัน. พระอรหันตขีณาสพชื่อว่า วิธูมะ เพราะเป็นผู้ละความโกรธ เพราะเป็นผู้กำหนดรู้วัตถุแห่งความโกรธ เพราะเป็นผู้ตัดขาดซึ่งเหตุแห่งความโกรธ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า วิธูมะ.

-----------------------------------------------------------------------------


จากการที่ได้สนทนากับคุณ mes จะเห็นการเพิ่มขึ้นของความโกรธ

อ้างอิงจาก:
ในธนัญชานีสูตร พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงลักษณะของความโกรธว่า " มีรากเป็นพิษ มียอดหวาน" หมายความว่า ความโกรธ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะแสดงพิษสงต่อจิตใจให้หงุดหงิดเร่าร้อนก่อน เรียกว่า มีรากเป็นพิษ ต่อจากนั้นจะต้องรีบระบายความหงุดหงิดเร่าร้อนออกไปด้วยการด่าว่า ทุบตี ทำลายบุคคลหรือสิ่งที่เป็นเหตุให้เกิดความโกรธ เมื่อทำจนสาแก่ใจแล้วในบั้นปลายจะรู้สึกโล่งใจสบายใจ เรียกว่า มียอดหวาน


๑. เมื่อมีอารมณ์มากระทบก็จะรู้สึกขัดเคืองในใจทันทีหรือที่เรียกว่า ไม่ได้ดั่งใจ
๒. จะแสดงพฤติกรรมออกมาที่ใบหน้า คือ หน้าบึ้ง
๓. อำนาจของความโกรธจะทำให้เสียงกระด้างจนกระทั่งหยาบคาย
๔. ลงมือประทุษร้าย


ตอนนี้เริ่มด่าผมแล้ว ( อาจจะไม่ได้อ่านที่คุณ mes พิมพ์ทั้งหมด) ถ้าเป็นการพูดคุยกันที่เจอหน้ากัน คุณ mes อาจจะลงมือประทุษร้ายผมก็ได้

ส่วนผมก็อาจระงับความโกรธไว้ไม่อยู่ตอบโต้คืน

แต่นี้เป็นการสนทนาผ่านคอมพิวเตอร์จึงมีโอกาสพิจารณาก่อนที่จะตอบ

ว่าแต่คุณ mes ด่าผมแล้ว รู้สึกดีขึ้นไหมครับ ถ้าสบายใจก็ด่าต่อนะครับ

เพราะความโกรธ หรือ โทสะมูลจิต นี้ มีรากเป็นพิษ มียอดหวาน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2008, 5:08 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
ผมไม่อยากให้ชนรุ่นหลังที่ไม่รู้สัจจธรรมที่แท้มาอ่านเจอแล้วหลงผิด

วันนี้ผมต้องทำ

เป็นพุทธบูชา


คุณ mes ครับ พระองค์สอนว่า ถ้าใครมาติเตียนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ให้โกรธครับ พระองค์ให้ชี้แจงสิ่งที่พระพุทธองค์สอนไว้


ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน
http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/interest/

ผู้กล่าวตู่พระตถาคต


"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๒ ประเภทเหล่านี้ ย่อมกล่าวตู่ (หาความ) ตถาคต คือบุคคลผู้คิดประทุษร้าย มีโทสะในภายใน ๑ ผู้มีศรัทธา กล่าวตู่ ด้วยถือเอาความหมายผิด (๑๐) ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๒ ประเภทเหล่านี้แล ย่อมกล่าวตู่ตถาคต."

ทุกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๐/๗๖

------------------------------------------------------

อย่าโกรธเมื่อใครติเตียนพระพุทธเจ้า

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงชี้แจง (คลี่คลาย) เรื่องที่ไม่เป็นจริง ให้เห็นว่าไม่เป็นจริง ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นไม่จริง ข้อนั้นไม่แท้ ข้อนั้นไม่มีในพวกเรา ข้อนั้นไม่ปรากฏในพวกเรา ดังนี้."

พรหมชาลสูตร ๙/๓
-----------------------------------------

พระโอวาทแสดงการเปรียบด้วยเลื่อย

[๒๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากจะมีพวกโจรผู้มีความประพฤติต่ำช้า เอาเลื่อยที่มีที่จับทั้งสองข้าง เลื่อยอวัยวะใหญ่น้อยของพวกเธอ แม้ในเหตุนั้นภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดมีใจคิดร้ายต่อโจรเหล่านั้น ภิกษุหรือภิกษุณีรูปนั้น ไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสั่งสอนของเรา เพราะเหตุที่อดกลั้นไม่ได้นั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาที่ลามก เราจักอนุเคราะห์ผู้อื่นด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ เราจักมีเมตตาจิตไม่มีโทสะในภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น และเราจักแผ่เมตตาอันไพบูลย์ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลกทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้น ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมานี้แล.

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ บรรทัดที่ ๔๒๑๐ - ๔๔๔๒. หน้าที่ ๑๗๑ - ๑๘๐.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=4210&Z=4442&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=263
-----------------------------------------------------------------


อ้างอิงจาก:
ผมไม่อยากให้ชนรุ่นหลังที่ไม่รู้สัจจธรรมที่แท้มาอ่านเจอแล้วหลงผิด

วันนี้ผมต้องทำ

เป็นพุทธบูชา


คุณ mes ครับ คุณปกป้อง พระพุทธศาสนาเถรวาท หรือ นิกายพุทธทาสกันแน่ครับ

ตอนนี้ผมกำลังชี้แจงว่า สิ่งที่ท่านพุทธทาส ได้กล่าวติเตียน พระไตรปิฏกเถรวาท (พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์) พระอรรถกถาจารย์


อนึ่ง คุณด่าผมมาก ๆ ผมก็อาจโกรธคืนได้นะ ซึ้ง

ผมไม่อาจทำตามที่พระพุทธองค์สอนได้ทั้งหมด

พระพุทธองค์ก็สอนไม่ให้โกรธครับ แม้พวกโจรจะเอาเลื่อยมาตัดแขนขา แต่ผมก็จะขอด่าทีหนึ่ง ก่อนตาย เจ๋ง

คงแผ่เมตตาให้พวกโจรไม่ได้แน่ อืมม์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2008, 5:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
ผมบอกแล้วว่าให้คุณเลิก

เรามาสนทนาธรรมกัน

แต่คุณไม่ใยดี

ด่าพระต่ออีก

ชาวพุทธต้องไม่ให้ใครมาด่าพระเล่น


คุณ mes ครับ นี้ขนาดผมยังไม่ได้ วิจารณ์คำสอนของท่านพุทธทาสอย่างอิสระ แบบที่ท่านพุทธทาส วิจารณ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้นะครับนี้

ถ้าผมวิจารณ์ขั้นนั้น คุณจะโกรธมากกว่านี้อีกนะเนี่ย

หลักการ ของท่านพุทธทาส ที่ตั้งไว้ดังนี้ (จากหนังสือ ปฏิจจสมุปบาท)

อ้างอิงจาก:
ทีนี้จะพูดเรื่อยๆ ไปตามที่เห็นว่าสมควรจะพูด ทำไมเราจึงกล้าวิจารณ์ขนาดนี้ ?จะชอบไหม ว่าทำไมเราจึงกล้าวิจารณ์กันอย่างอิสระเช่นนี้? ในข้อนี้จะขอพูดไว้ทีเดียวหมดเลย สำหรับใช้ได้ทุกๆคราวทุกๆเรื่องว่า ทำไมเราจึงกล้าวิจารณ์กันขนาดนี้
ข้อหนึ่ง ก็เพราะว่าพระไตรปิฏกทีแรกจำกันมาด้วยปาก ฟังด้วยหู บอกกันด้วยปากเรื่อยมาเป็นเวลาตั้ง ๔๐๐- ๕๐๐ ปี จึงได้เขียนเป็นตัวหนังสือ มันอาจจะมีผิดเพี้ยนหลงลืมโดยไม่เจตนาในชั่ว ๔๐๐ - ๕๐๐ ปีนี้ ฉะนั้นเราจึงต้องกล้าวิจารณ์
อีกข้อหนึ่งแม้เป็นตัวหนังสือแล้ว มันก็ตั้ง ๒๐๐๐ ปีมาแล้ว ที่เขียนเป็นตัวหนังสือแล้วเมื่อ พศ. ๕๐๐ มาถึงเดี๋ยวนี้มัน ๒๐๐๐ ปีแล้ว ฉะนั้นมันอาจจะมีอะไรสูญหาย หรือเพิ่มเข้ามาชดเชยหรือว่าเพิ่มเติมเข้าไปโดยเจตนาบ้าง ไม่เจตนาบ้าง อย่างนี้มันอาจจะมี แม้แต่คัดลอกผิดมันก็มี ฉะนั้นเราจึงกล้าวิจารณ์
ทีนี้การกล้าวิจารณ์นี้ไม่ใช่เราอวดดี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้โดยกาลามสูตร อย่าเชื่อแม้แต่เพราะเหตุว่าสมณะองค์นี้เป็นครูของข้าพเจ้า แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง อย่าเชื่อเพราะมันมีในพระไตรปิฏก, อย่าเชื่อเพราะมันน่าเชื่อ,อย่าเชื่อเพราะมันมีเหตุผลทางตรรก ทาง Logic ทางปรัชญา เป็นต้น ให้เชื่อเมื่อมันปรากฏแก่ใจแล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง พระพุทธเจ้าทรงเปิดให้อย่างอิสระถึงที่สุดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงกล้าวิจารณ์ แม้แต่วิจารณ์พระพุทธเจ้าเอง นี่พูดอย่างนี้บาปหรือไม่บาปก็ไปคิดเอาเองเถอะ บางคนคิดว่าพูดจาบจ้วงพระพุทธเจ้า แต่ว่าพระพุทธเจ้าท่านสั่งว่าอย่างนั้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บุญชัย
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา

ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2008, 8:54 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความโกรธ ผมเองก็ยังมี เวลาใคร มาว่าแรงๆ
จะต้องพูดสวนไป ผมคงจะไป ไม่ไกลแน่
โดน คนในลานแชตว่า โง่จิตก็ขุ่นขึ้นมาทันทีเลย
ต้องใช้สมาธิแน่นๆระงับลง ...ท่านเฉลิมใช้พุทธพจน
แสดงเจ๋งๆ ขอโมทนาในธรรมกถา ซึ้ง
 

_________________
ทำดีทุกทุกวัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
บุญชัย
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา

ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2008, 8:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เราจะต้องทดลองให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก ดังนี้ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย แต่นั้นมา นางกาลีทาสีก็ลุกขึ้นสายกว่าทุกวัน ครั้งนั้น แม่เรือนเวเทหิกาผู้นาย ก็ร้อง
ด่าตวาดนางกาลีทาสีอีกว่า อีกาลีตัวร้าย.
กา. อะไรเล่า เจ้าข้า.
เว. อีคนใช้ เองเป็นอะไร จึงตื่นสายนักเล่า.
กา. ไม่เป็นอะไรดอก เจ้าค่ะ.
นางจึงกล่าวอีกว่า เฮ้ย อีชาติชั่ว ก็ไม่เป็นอะไร ทำไมจึงนอนตื่นสายนักเล่า ดังนี้แล้ว
โกรธจัด จึงคว้าลิ่มประตู ปาศีรษะ ปากก็ว่า กูจะทำลายหัวมึง ดูกรภิกษุทั้งหลาย คราวนั้น
นางกาลีทาสีมีศีรษะแตก โลหิตไหลโซม จึงเที่ยวโพนทะนา ให้บ้านใกล้เคียงทราบว่า คุณแม่
คุณพ่อทั้งหลาย เชิญดูการกระทำของคนสงบเสงี่ยม อ่อนโยน เรียบร้อยเอาเถิด ทำไมจึงทำแก่
ทาสีคนเดียวอย่างนี้เล่า เพราะโกรธเคืองว่า นอนตื่นสาย จึงคว้าลิ่มประตูปาเอาศีรษะ ปากก็ว่า
กูจะทำลายหัวมึง ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย แต่นั้นมา เกียรติศัพท์อันชั่วของแม่เรือนเวเทหิกา
ก็ขจรไปอย่างนี้ว่า แม่เรือนเวเทหิกา เป็นคนดุร้าย ไม่อ่อนโยน ไม่สงบเสงี่ยมเรียบร้อย
แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ ก็ฉันนั้น เป็นคนสงบเสงี่ยมจัด
เป็นคนอ่อนโยนจัด เป็นคนเรียบร้อยจัด ได้ก็เพียงชั่วเวลาที่ยังไม่ได้กระทบด้วยคำอันไม่
เป็นที่พอใจเท่านั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใด เธอกระทบถ้อยคำอันไม่เป็นที่พอใจเข้า ก็ยังเป็น
คนสงบเสงี่ยม อ่อนโยนเรียบร้อยอยู่ได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั้นแหละ ควรถือว่าเธอเป็น-
*คนสงบเสงี่ยม เป็นคนอ่อนโยน เป็นคนเรียบร้อยจริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่เรียกภิกษุรูปที่
เป็นคนว่าง่าย ถึงความเป็นคนว่าง่าย เพราะเหตุได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะแลคิลานปัจจย
เภสัชบริขารว่า เป็นคนว่าง่ายเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร? ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะภิกษุรูปนั้น
เมื่อไม่ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจยเภสัชบริขารนั้น ก็จะไม่เป็นคนว่าง่าย
จะไม่ถึงความเป็นคนว่าง่ายได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุรูปใดแล มาสักการะเคารพ นอบ-
*น้อมพระธรรมอยู่ เป็นคนว่าง่าย ถึงความเป็นคนว่าง่าย เราเรียกภิกษุรูปนั้นว่า เป็นคนว่าง่าย
ดังนี้ เพราะฉะนั้นแหละ ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้สักการะ เคารพ
นอบน้อมพระธรรม จักเป็นผู้ว่าง่าย จักถึงความเป็นคนว่าง่ายดังนี้.
ถ้อยคำที่คนอื่นจะพึงกล่าว ๕ ประการ
[๒๖๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะพึงกล่าวกะท่านมีอยู่ ๕ ประการ
คือ กล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควร ๑ กล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริง ๑ กล่าวด้วยคำอ่อน
หวานหรือคำหยาบคาย ๑ กล่าวด้วยคำประกอบด้วยประโยชน์หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑ มี
จิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าว ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลอื่นจะกล่าวโดยกาลอันสมควร
หรือไม่สมควรก็ตาม จะกล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำอ่อนหวานหรือหยาบ-
*คายก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำประกอบด้วยประโยชน์ หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์ก็ตาม จะมีจิต
เมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าวก็ตาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้
ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาลามก เราจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งอันเป็นประโยชน์
เราจักมีจิตเมตตา ไม่มีโทสะในภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น และเราแผ่เมตตาจิต
อันไพบูลย์ ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทาง
ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้น ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมา
นี้แล.
[๒๖๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษ ถือเอาจอบและตะกร้ามาแล้ว กล่าว
อย่างนี้ว่า เราจักกระทำแผ่นดินอันใหญ่นี้ไม่ให้เป็นแผ่นดิน ดังนี้ เขาขุดลงตรงที่นั้นๆ โกยขี้ดิน
ทิ้งในที่นั้นๆ บ้วนน้ำลายลงในที่นั้นๆ ถ่ายปัสสาวะรดในที่นั้นๆ แล้วสำทับว่าเองอย่าเป็น
แผ่นดินๆ ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นจักทำแผ่นดิน
อันใหญ่นี้ไม่ให้เป็นแผ่นดินได้หรือไม่? ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ไม่ได้ พระเจ้าข้า ข้อนั้น
เพราะเหตุไร? เพราะเหตุว่าแผ่นดินอันใหญ่นี้ ลึกหาประมาณมิได้ เขาจะทำแผ่นดินอันใหญ่นี้
ไม่ให้เป็นแผ่นดินไม่ได้ง่ายเลย ก็แลบุรุษนั้นจะต้องเหน็ดเหนื่อยลำบากเสียเปล่าเป็นแน่แท้ ดังนี้
แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะพึงกล่าวกะท่านมีอยู่ ๕ ประการ คือ
กล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควร ๑ กล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริง ๑ กล่าวด้วยคำอ่อนหวาน
หรือคำหยาบคาย ๑ กล่าวด้วยคำประกอบด้วยประโยชน์ หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑ มีจิต-
*เมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าว ๑ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลอื่นจะกล่าว
โดยกาลอันสมควรหรือไม่ควรก็ตาม จะกล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม จะกล่าวด้วยถ้อยคำ
อ่อนหวานหรือหยาบคายก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำประกอบด้วยประโยชน์ หรือไม่ประกอบด้วย
ประโยชน์ก็ตาม จะมีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าวก็ตาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น
พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวนเราจักไม่เปล่งวาจาที่ลามก เราจักอนุเคราะห์
ด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ เราจักมีจิตเมตตา ไม่มีโทสะภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น
และเราจักแผ่เมตตาจิตอันเสมอด้วยแผ่นดิน ไพบูลย์ ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มี
พยาบาท ไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้น ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายพึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมานี้แล.
เปรียบเหมือนบุรุษเขียนรูปในอากาศ
[๒๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษ ถือเอาครั่งก็ตาม สีเหลืองสีเขียว หรือ
สีเหลืองแก่ก็ตามมาแล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า เราจักเขียนรูปต่างๆ ในอากาศนี้ กระทำให้เป็นรูป
เด่นชัด ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นจะเขียนรูปต่างๆ
ในอากาศนี้ กระทำให้เป็นรูปเด่นชัดได้หรือไม่? ไม่ได้พระเจ้าข้า ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร?
เพราะธรรมดาอากาศนี้ ย่อมเป็นของไม่มีรูปร่าง ชี้ให้เห็นไม่ได้ เขาจะเขียนรูปในอากาศนั้น
ทำให้เป็นรูปเด่นชัดไม่ได้ง่ายเลย ก็แหละบุรุษนั้นจะต้องเหน็ดเหนื่อยลำบากเสียเปล่าเป็นแน่แท้
ดังนี้ แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะพึงกล่าวกะท่าน มีอยู่ ๕ ประการ
คือ กล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควร ๑ กล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริง ๑ กล่าวด้วยคำอ่อน-
*หวานหรือคำหยาบคาย ๑ กล่าวด้วยคำประกอบด้วยประโยชน์ หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑
มีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าว ๑ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลอื่นจะ
กล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควรก็ตาม จะกล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำ
อ่อนหวานหรือหยาบคายก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำประกอบด้วยประโยชน์ หรือไม่ประกอบด้วยประ-
*โยชน์ก็ตาม จะมีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าวก็ตาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น
พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาลามก เราจักอนุเคราะห์
ด้วยสิ่งอันเป็นประโยชน์ เราจักมีจิตเมตตา ไม่มีโทสะในภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคล
นั้น และเราจะแผ่เมตตาจิตอันไพบูลย์ ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไป
ตลอดโลก ทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้น ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษา
ด้วยอาการดังกล่าวมานี้แล.
เปรียบเหมือนบุรุษเผาแม่น้ำคงคา
[๒๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษ ถือเอาคบหญ้าที่จุดไฟมาแล้ว กล่าวอย่าง
นี้ว่า เราจักทำแม่น้ำคงคาให้ร้อนจัด ให้เดือดเป็นควันพลุ่ง ด้วยคบหญ้าที่จุดไฟแล้วนี้ ดังนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นจักทำแม่น้ำคงคาให้ร้อนจัด
ให้เดือดเป็นควันพลุ่ง ด้วยคบหญ้าที่จุดไฟแล้วได้หรือไม่? ไม่ได้พระเจ้าข้า ข้อนั้นเพราะ
เหตุไร? เพราะแม่น้ำคงคาเป็นแม่น้ำที่ลึก สุดที่จะประมาณ เขาจะทำแม่น้ำคงคานั้นให้ร้อนจัด
ให้เดือดเป็นควันพลุ่ง ด้วยคบหญ้าที่จุดไฟแล้วไม่ได้ง่ายเลย ก็แลบุรุษนั้นจะต้องเหน็ดเหนื่อย
ลำบากเสียเปล่าเป็นแน่แท้ ดังนี้ แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะ
พึงกล่าวกะท่านมีอยู่ ๕ ประการ คือ กล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควร ๑ กล่าวด้วยเรื่องจริง
หรือไม่จริง ๑ กล่าวด้วยคำอ่อนหวานหรือหยาบคาย ๑ กล่าวด้วยคำประกอบด้วยประโยชน์หรือไม่
ประกอบด้วยประโยชน์ ๑ มีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าว ๑ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เมื่อบุคคลอื่นจะกล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควรก็ตาม เขาจะกล่าวด้วยเรื่องจริง
หรือไม่ก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำอ่อนหวานหรือหยาบคายก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำประกอบด้วยประโยชน์
หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์ก็ตาม จะมีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าวก็ตาม ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่ง
วาจาที่ลามก เราจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ เราจักมีเมตตาจิต ไม่มีโทสะในภายใน เรา
จักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น และเราจักแผ่เมตตาจิตอันเสมอด้วยแม่น้ำคงคา ไพบูลย์ ใหญ่ยิ่ง
หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลกทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้น
ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย พึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมานี้แล.
เปรียบเหมือนกระสอบหนังแมว
[๒๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนกระสอบหนังแมวที่นายช่างหนังฟอกดีเรียบ-
*ร้อยแล้ว อ่อนนุ่มดังปุยนุ่นและสำลี เป็นกระสอบที่ตีได้ไม่ดังก้อง ถ้ามีบุรุษถือเอาไม้หรือกระเบื้อง
มา พูดขึ้นอย่างนี้ว่า เราจักทำกระสอบหนังแมว ที่เขาฟอกไว้ดีเรียบร้อยแล้ว อ่อนนุ่มดังปุยนุ่น
และสำลี ที่ตีได้ไม่ดังก้องนี้ ให้เป็นของมีเสียงดังก้อง ด้วยไม้หรือกระเบื้อง ดังนี้ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นจะทำกระสอบหนังแมวที่เขาฟอกไว้ดี
เรียบร้อยแล้ว อ่อนนุ่มดังปุยนุ่มและสำลี ที่ตีได้ไม่ดังก้องนี้ ให้กลับมีเสียงดังก้องขึ้นด้วยไม้หรือ
กระเบื้องได้หรือไม่? ไม่ได้พระเจ้าข้า ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะเหตุว่า กระสอบหนังแมวนี้
เขาฟอกดีเรียบร้อยแล้ว อ่อนนุ่มดังปุยนุ่นและสำลี ซึ่งเป็นของที่ตีได้ไม่ดังก้อง เขาจะทำกระสอบ
หนังแมวนั้น ให้กลับเป็นของมีเสียงดังก้องขึ้นด้วยไม้หรือกระเบื้องไม่ได้ง่ายเลย บุรุษคนนั้น
จะต้องเหน็ดเหนื่อยลำบากเสียเปล่าเป็นแน่แท้ ดังนี้ แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทางแห่ง
ถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะพึงกล่าวกะท่านมีอยู่ ๕ ประการคือ กล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควร ๑
กล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริง ๑ กล่าวด้วยคำอ่อนหวานหรือหยาบคาย ๑ กล่าวด้วยคำมีประโยชน์
หรือไร้ประโยชน์ ๑ มีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าว ๑ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เมื่อคนอื่นจะกล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควรก็ตาม จะกล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม
จะกล่าวด้วยถ้อยคำอ่อนหวานหรือหยาบคายก็ตาม จะกล่าวด้วยถ้อยคำมีประโยชน์ หรือไร้-
*ประโยชน์ก็ตาม จะมีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าวก็ตาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น
พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาที่ลามก เราจักอนุเคราะห์
ผู้อื่นด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ เราจักมีเมตตาจิต ไม่มีโทสะภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคล
นั้น และเราจักแผ่เมตตาจิตอันเสมอด้วยกระสอบหนังแมว ไพบูลย์ ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้
ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้นดังนี้ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมานี้แล.
พระโอวาทแสดงการเปรียบด้วยเลื่อย
[๒๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากจะมีพวกโจรผู้มีความประพฤติต่ำช้า เอาเลื่อยที่มีที่จับ
ทั้งสองข้าง เลื่อยอวัยวะใหญ่น้อยของพวกเธอ แม้ในเหตุนั้นภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดมีใจคิดร้าย
ต่อโจรเหล่านั้น ภิกษุหรือภิกษุณีรูปนั้น ไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสั่งสอนของเรา เพราะเหตุที่อด-
กลั้นไม่ได้นั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่
แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาที่ลามก เราจักอนุเคราะห์ผู้อื่นด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ เราจักมีเมตตา
จิตไม่มีโทสะในภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น และเราจักแผ่เมตตาอันไพบูลย์
ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลกทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์
ของจิตนั้น ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมานี้แล.
[๒๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็พวกเธอควรใส่ใจถึงโอวาท แสดงการเปรียบด้วยเลื่อยนี้
เนืองนิตย์เถิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะไม่มองเห็นทางแห่งถ้อยคำที่มีโทษน้อย หรือโทษมาก
ที่พวกเธอจะอดกลั้นไม่ได้ หรือยังจะมีอยู่บ้าง ไม่มีพระเจ้าข้า เพราะเหตุนั้นแหละ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย พวกเธอจงใส่ใจถึงโอวาทแสดงการเปรียบด้วยเลื่อยนี้เนืองนิตย์เถิด ข้อนั้นจักเป็น
ประโยชน์และความสุขแก่พวกเธอสิ้นกาลนาน ดังนี้แล.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้วภิกษุเหล่านั้นมีใจชื่นชมยินดีภาษิตของ
พระผู้มีพระภาคแล้วแล.
ยอดเยี่ยมๆครับ
 

_________________
ทำดีทุกทุกวัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2008, 10:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณ mes ครับ คุณปกป้อง พระพุทธศาสนาเถรวาท หรือ นิกายพุทธทาสกันแน่ครับ

ตอนนี้ผมกำลังชี้แจงว่า สิ่งที่ท่านพุทธทาส ได้กล่าวติเตียน พระไตรปิฏกเถรวาท (พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์) พระอรรถกถาจารย์


อนึ่ง คุณด่าผมมาก ๆ ผมก็อาจโกรธคืนได้นะ

ผมไม่อาจทำตามที่พระพุทธองค์สอนได้ทั้งหมด

พระพุทธองค์ก็สอนไม่ให้โกรธครับ แม้พวกโจรจะเอาเลื่อยมาตัดแขนขา แต่ผมก็จะขอด่าทีหนึ่ง ก่อนตาย

คงแผ่เมตตาให้พวกโจรไม่ได้แน่


นี่เป็นตัวอย่างที่โจมตีด่าว่าตอกย้ำพระมาเป็นปีๆ

กระทบอัตตาคนที่นับถือท่านพุทธทาสเป็นล้านคน

เหมือนด่าบุพการีเขา เขาต้องทน

แต่พอตนเองโดนเข้าบ้างก็ออกอาการทนไม่ได้

จะเอาคืนผมผมห้ามไม่ได้

ท่านบุญชัยท่านจะเล่นงานผมอีกคนก็ได้ผมไม่ขัดข้อง

โจมตีผมผมไม่เอาคืนก็ได้

แต่อย่าไปโจมต่พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วกัน

อีกตัวอย่าง

ดูสันดานคนพูดไม่ทันขาดคำใส่ร้ายพระต่ออีก

อย่างนี้คุณบุญชัยเห็นด้วยใช่ไหม

ถึงได้ออกมาชื่นชม

คุณบุญชัย พิมพ์ว่า:
ความโกรธ ผมเองก็ยังมี เวลาใคร มาว่าแรงๆ
จะต้องพูดสวนไป ผมคงจะไป ไม่ไกลแน่
โดน คนในลานแชตว่า โง่จิตก็ขุ่นขึ้นมาทันทีเลย
ต้องใช้สมาธิแน่นๆระงับลง ...ท่านเฉลิมใช้พุทธพจน
แสดงเจ๋งๆ ขอโมทนาในธรรมกถา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2008, 10:33 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมบอกว่าอย่ามัวสั่งสอนคนอื่นเลย

ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด

ด่าพระได้

เอาพระสูตรตมาบังแล้วสรุปด่าพระ

บาปเป็นสองเท่า

แต่เป็นไปได้ไม่น่าเชื่อที่ยังมีคนชื่นชอบ

ก็ขอจารึกลงในเวปนี้

ผมไม่กลัวใครมาเอาคืน

แต่คนที่ด่าพระ

ระวังธรณีนี้จะเอาคืน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2008, 10:37 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณ mes ครับ นี้ขนาดผมยังไม่ได้ วิจารณ์คำสอนของท่านพุทธทาสอย่างอิสระ แบบที่ท่านพุทธทาส วิจารณ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้นะครับนี้

ถ้าผมวิจารณ์ขั้นนั้น คุณจะโกรธมากกว่านี้อีกนะเนี่ย

หลักการ ของท่านพุทธทาส ที่ตั้งไว้ดังนี้ (จากหนังสือ ปฏิจจสมุปบาท)


ด่ามาขนาดนี้ยังไม่พอไม่หน่ำใจอีกหรือ

ท่านบุญชัย

อย่างนี้ว่าอย่างไหงชื่นชอบไหม

คุณบอกเวลาคุณถูกด่าคุณยังโกรธ

แล้วนายเฉลิมศักดิ์ด่าพระจะต้องด่าได้ไช่ไหมคุณถึงบอกเป็นธรรมกถา

โลกชักจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว

ผมไม่เคยล่วงเกินคุณใช่ไหม

แต่นี่เป็นความเห็นก็เชิญ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง