ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 4:56 pm |
|
อ้างอิงจาก: |
ตายๆ ขันแตกเอ๊ย
โมโหรู้ว่าโมโหนี่แหละ .... เขาเรีบกว่ามีสติ แล้วความโมโหก็ดับลง |
อ้างอิงจาก: |
ผมไม่เห็นว่า คุณดับลงนี่ ลองดู
อ้างอิงจาก: |
พระพุทธเจ้าไม่เคยต้องด่าใครเพื่อเผยแผ่พระธรรมสักแอะนึงเลยนะ
ใครสอนไม่ได้ ... ท่านก็ไม่สอน
ใครถามไม่เข้าท่า...ท่านก็ไม่ตอบ
มีแต่คุณนี่แหละ นอกคอก ตันหาจัด
รู้เขาไม่ให้สอน.... ก็อยากสอน
รู้ว่าเขาสอนไม่ได้ .. ยังเพียรสอนจิตพระอริยะบ้าบอคอแตก สอนแล้วก้บอกว่าเขาไม่มีทางเข้าใจ?? ก็แล้วจะสอนทำไมนะ เออ
เอ๋อเหร๋อ นอกคอก
ไอ้ที่เขาถามให้คุณตอบ ก็ไม่ตอบ ... ชอบแส่ตอบอันเขาไม่ถาม
กระทู้ถามธรรม ไม่เคยสน
มีชื่อคามินธรรมล่ะก้ กระดิกหางปรี่เข้าไปทีเดียว
โอยยๆๆๆๆ ตันหากลับรุนแรงมาก กลับแบบปลื้นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเลยทีเดียวเชียว |
นี่เต้นเป็นเจ้าเข้าขนาดนี้ยังบอกว่า มีสติ 555
ที่ไหนมีชื่อคามิน กระดิกหางปรี่ อริยะบ้าบอคอแตก แบบนี้ นอกคอกแบบนี้ ตัณหากลับรุนแรงมาก แบบนี้
คุณ เมธีคุณดูเอาแล้วกันว่า กิเลสใครหนา
ส่วนคุณ mes คุณรู้ไหมว่า พฤติกรรม คุณ 3 คนเขาเรียกว่า อะไร
เขาเรียกว่า หมาหมู่ คือ เวลารวมตัวกัน จะเก่งขึ้นมาทันที
นี่แหละครับ เขาเรียกว่า คนปฏิบัติธรรม
ถ้ามีสติจริง เขาต้องรู้จักพิจารณาว่า ธรรมที่พูดมามีเหตุมีผล ข้อใดไม่มีเหตุไม่มีผล ก็หยิบข้อนั้น โต้แย้งกันอย่างมีสติ ไม่ใช่ด่าตลอดแบบนี้
ก็ลองดูสิว่า ที่ผ่านมา ด่าไอ้ขันธฺเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ทุกข้อความ
อวดตัวว่ารู้กัน แต่ มันปนไปด้วยความเกลียดชัง ไม่รู้มันจะเกลียดอะไรกันนักกันหนา
คนหนึ่งอยากจะเก่งอยากจะเหนือ อยากจะโปรดผม
คนหนึ่งด่า ผมว่าอย่างนั้นอย่างนี้
คนหนึ่ง ตามล้างตามแค้น
อ้างอิงจาก: |
กระทู้ถามธรรม ไม่เคยสน
มีชื่อคามินธรรมล่ะก้ กระดิกหางปรี่เข้าไปทีเดียว |
นี่ดูให้ดี กระทู้นี้ คุณ guest เขาท้าผมประลอง คามึนกับ mes ปรี่มาทันที แบบนี้เรียกอาการเดียวกันหรือเปล่า
555 |
|
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
|
|
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 5:07 pm |
|
ขันธ์ พิมพ์ว่า: |
ถ้ามีสติจริง เขาต้องรู้จักพิจารณาว่า ธรรมที่พูดมามีเหตุมีผล ข้อใดไม่มีเหตุไม่มีผล ก็หยิบข้อนั้น โต้แย้งกันอย่างมีสติ ไม่ใช่ด่าตลอดแบบนี้ |
นั่นน่ะสิ
อ้างอิงจาก: |
เขาต้องรู้จักพิจารณาว่า ธรรมที่พูดมามีเหตุมีผล ข้อใดไม่มีเหตุไม่มีผล |
เวลาจนตรอกแล้ว ก็ไม่ยอมรับว่าผิด
เฉๆๆ ไฉๆ เบี่ยงเบนลงข้างๆคูไปเรื่อย อ้างนู่น อ้างนี่ ไม่ยอมตอบธรรม
อ้างอิงจาก: |
ไม่ใช่ด่าตลอดแบบนี้ |
- ก็ไม่รู้ใครนะ ไม่เคยหยุด
===============
ไหนลองพูดมาสิ ว่าผมพูดผิดตรงไหน
ยกออกมา
ถ้าไม่ยกมาแปลว่าผมพูดถูกหมด
เลยแย้งไม่ได้
=================
ประเด็นหมาหมุ่นี่
คือว่า คุณไม่เหมาะกับใครหรอก เหมาะกับผม
หมามันต้องกัดกับหมา
หรือถ้าคุณว่าผมเป็นหมา .... แต่คุณเป็นคน
ก็แปลว่าคุณเป็นคนที่เพี้ยนเอามากๆ ผิดปกติของคน
เพราะมาวุ่นวายกัดหมา |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
|
|
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 5:21 pm |
|
อ้างอิงจาก: |
เวลาจนตรอกแล้ว ก็ไม่ยอมรับว่าผิด
เฉๆๆ ไฉๆ เบี่ยงเบนลงข้างๆคูไปเรื่อย อ้างนู่น อ้างนี่ ไม่ยอมตอบธรรม |
ขอโทษนะ คามิน คำว่าจนตรอกนี่ คุณไปยกมาว่า จนตรอกตรงไหน
ก็ในเมื่อ ขนาดว่า คุณพูดตรงกับผมบางส่วน คุณยังจะหมายให้มันขัดกัน
อ้างอิงจาก: |
เพราะท่านมีสติ กิเลสจึงไม่เกิด
ถ้าขาดสติ กิเลสก็จะเกิดอีก
เช่นกินข้าวเช้าอร่อยๆที่คนนำมาถวาย
ถ้าขาดสติ หรือสติไม่ทำงานตลอดเวลาอย่างที่คุณอ้าง
มันจะเกิดความอร่อยขึ้น นั่นแหละกิเลส |
คามิน ไม่ต้องอะไรหรอก เอาแค่ เรื่องนี้ ที่ว่า มีสติกิเลสจึงไม่เกิด พระอรหันต์ นั้น กิเลสขาดสะบั้นไปแล้ว ไม่ต้องมาใช้สติแล้ว อร่อยก็อร่อยสิ จะไปเกี่ยวอะไรกับกิเลส คนไม่รุ้เรื่อง มาพูด รุ้ไหม ขายขี้หน้าคนอื่นเขาไปทั่วแล้ว
นี่ก็บอกแล้ว ไม่รุ้จะพูดอย่างไร ว่า คุณไม่รุ้เรื่อง พอผมหยุดคุณก็หาว่าผมเฉไฉ
นี่คุณ ถ้าทางจะเพี้ยนไปเสียแล้ว ฟังอะไรผิดรูปผิดรอยไปหมด |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
|
|
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 5:54 pm |
|
คุณขันธ์ รบกวนแสดงธรรมหน่อยได้ไหม
1. กิเลสมันเกิดยังไง กระบวนการน่ะ
2. โดยปรมัตถะ กิเลสมีอันเดียว หรือมีจำนวนอย่างไร
3. ที่ว่ากิเลสขาดสะบั้น ขาดอันเดียว หรือขาดหลายอัน
ดูซิ เวลาถามธรรมปริยัติ จะตอบเป็นอะไร |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
แก้ไขล่าสุดโดย คามินธรรม เมื่อ 23 ก.ย. 2008, 9:35 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
|
|
guest
บัวบาน
เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 6:47 pm |
|
คุณ ขันธ์
คุณจะสาปแช่งผมทำไม
เกมจบก็คือจบสิคุณ
ของเก่าค้างคืนบูดเน่าไปแล้ว
จะมาอุ่นกินอีกทำไม
ทิ้งไปสิ
ของเมื่อวานมันบูดเน่าไปแล้ว
ยังเก็บไว้แล้วมาอุ่นกินอีก
คุณเห็นมั้ยอารมณ์เก่า ๆ ที่ร้อนรนในใจคุณ
เหตุมันเกิดมาตั้งนานแล้ว
มันดับไปตั้งนานแล้ว
แต่คุณยังเก็บมาคิดมาปรุงอยู่ไม่หยุดไม่ถอย
เหมือนเอาอาหารเก่าที่บูดแล้วมาอุ่นกิน
อย่างนี้มันก็ทุกข์อยู่ตลอดเวลา ล่ะสิ
ของมันเน่าแล้วก็ทิ้งไปสิ
ยังเก็บมาอุ่นกินอีก
อย่างนี้จะให้เรียกว่าคนมีปัญญาได้อย่างไร
แล้วคุณจะสาปแช่งผมทำไม
คุณไม่มีเมตตาเลยนะ
่คุณนี่ถ้าฆ่าผมได้คงฆ่าผมแล้วมั้ง
ใจจืดใจดำจริงนะคุณ
คุณระวังไว้นะผมไม่ได้ขู่ธรรมดานะ
คุณรู้มั้ย
Action = Reaction
เมื่อกระทำต่อท่านที่มีจิตเมตตา น่ะ
และถ้าจิตท่านมีธรรม
มันไม่ใช่แค่นี้นะจะบอกให้ |
|
|
|
|
|
mes
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 8:57 pm |
|
คุณขันธ์
สติกับสัญญาต่างกันตรงไหน
ที่ถามผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
จริงๆ
ตอบดีๆ
อย่าด่านะ
ไม่งั้นโดนสวนแน่ |
|
|
|
|
|
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 9:32 pm |
|
สติ คือระลึกรู้ สัญญา คึอ หมายมั่นจำได้ ระลึกได้ในสิ่งใดๆที่จดจำ แต่ต้องใช้คู่กันถ้าไม่ระลึกรู้ก็จำไม่ได้ ยกตัวอย่าง เมื่อวานนี้ คุณแกว่งแขนซ้ายหรือขวาก่อน แบบนี้
นี่เราก็ต้องตั้งคำถามว่า จะไปจำทำไม และเราจะไปกำหนดรู้ทำไม
ตรงกันข้าม หากเรากำหนดรู้อย่างหลวงพ่อเทียนเราก็จะจำได้ว่าเรากำหนดอะไรก่อน เราก็จะหมายมั่นจำได้ขึ้นมา ก็หวังว่าจะเข้าใจ |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
|
|
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 9:38 pm |
|
แล้วก็ช่วยบอกหน่อยว่า คุณว่าสติอัตโนมัตินี่ ต้องจำได้ด้วยหรือเปล่าว่ากระพริบตาไปกี่ครั้ง นี่ก็เหมึอนกับที่หลวงตาท่านไม่ได้ไปกำหนดระลึกรู้ว่าท่านให้พรไปแล้ว หรือใครจะเถียงอีกก็ระวังจะพลาดนะ |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
|
|
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 9:44 pm |
|
อ้างอิงจาก: |
คุณ ขันธ์
คุณจะสาปแช่งผมทำไม
เกมจบก็คือจบสิคุณ
ของเก่าค้างคืนบูดเน่าไปแล้ว
จะมาอุ่นกินอีกทำไม
ทิ้งไปสิ |
ผมไปแช่งคุณเมื่อไร คุณออกมารับผิดชอบคำพูดเกินความจริงของคุณด้วย |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
|
|
mes
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 9:46 pm |
|
สมมุติว่ามีคนโทรศัพท์มาหาคุณ
ฟังเสียงแล้วจำได้เลยว่าเป็นใครคือสติหรือสัญญา
สมมุติว่าคุณเดินไปหาชื่อเพื่อนในสมุดโทรศัพท์แล้วจำได้กลับมาหมุนโทรหาเพื่อนเป็นสติหรือสัญญา
คามินธรรม พิมพ์ว่า: |
คุณขันธ์ รบกวนแสดงธรรมหน่อยได้ไหม
1. กิเลสมันเกิดยังไง กระบวนการน่ะ
2. โดยปรมัตถะ กิเลสมีอันเดียว หรือมีจำนวนอย่างไร
3. ที่ว่ากิเลสขาดสะบั้น ขาดอันเดียว หรือขาดหลายอัน
ดูซิ เวลาถามธรรมปริยัติ จะตอบเป็นอะไร |
copyลงมาให้ตอบง่ายๆ |
|
|
|
|
|
guest
บัวบาน
เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 9:50 pm |
|
ก็ของมันออกมาจากใจจะไปกลัวอะไรว่าจะพลาด
ไอ้ที่มันพลาดมันออกมาจากความจำนะสิ
สติประเภทไหนไปจับกระทั่งกระพริบตา
กระพริบตาแล้วมันฆ่ากิเลสได้หรือเปล่าล่ะ
ที่แผ่ซ่านไปในอาการต่าง ๆ ของกาย
เค้าเรียก "สัมปชัญญะ"
ถ้าไม่ไปจดจ่อที่หนังตา
มันไม่ไประลึกรู้หรอก
นี่ล่ะหนอธรรมประเภท "จินตนาการ" เอา
ถ้าออกจากใจมันไม่มีพลาดหรอก
ก็ท่านลืมว่าท่านให้พรหรือยัง
ก็คือสัญญาท่านขาด
สัญญาไม่สืบต่อ
สัญญาเป็น "อนิจจัง" หรือเปล่าล่ะ |
|
|
|
|
|
mes
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 9:57 pm |
|
ขอเวลานอก
คุณguest
คงมีหลายท่าน รวมทั้งผม
ได้เข้าใจสติมากยิ่งขึ้นมาก
มีความรู้มากขึ้น
เข้าสู่เหตุการณ์ปกติ
ที่ด่าคนแช่งคนแล้งบอกว่าได้ด่าไม่ได้แช่ง
เรียกสติบกพร่องโดยสุจริตได้หรือไม่
คือเจตนากระทำอกุศลเต็มๆ
คุณขันธ์เคยแช่งผมเมื่อเหตุวิวาทะคราวก่อน
ขู่ผมว่า
ใครล่วงเกินขันธ์จะต้องมีอันเป็นไปในเร็ววัน
ทุกวันนี้ผมยังปกติ
แต่ขันธ์ ไปซะแล้ว
กู่ไม่กลับ |
|
|
|
|
|
guest
บัวบาน
เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 10:01 pm |
|
|
|
|
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 10:22 pm |
|
ถามเป็นครั้งที่ 2
คุณขันธ์ รบกวนแสดงธรรมหน่อยได้ไหม
1. กิเลสมันเกิดยังไง กระบวนการน่ะ
2. โดยปรมัตถะ กิเลสมีอันเดียว หรือมีจำนวนอย่างไร
3. ที่ว่ากิเลสขาดสะบั้น ขาดอันเดียว หรือขาดหลายอัน
ดูซิ เวลาถามธรรมปริยัติ จะตอบเป็นอะไร
จะตอบไหมล่ะนี่ |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
|
|
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 10:49 pm |
|
คุณ คามิน คุณนี่มันเด็กเกินบรรยาย ที่มาถามคำถามแบบนี้
ถ้าคุณถามด้วยการลองภูมิผมจะไม่ตอบ แต่ถ้าอยากจะรู้จริงๆ ต้องไหว้ผมผมทีหนึ่ง แล้วก็บอกว่า กระผมจะไม่ปากเสียครับ และกระผมจะบอกเพื่อนๆ ให้หยุดส่งเสียงน่ารำคาญ ก่อนแล้วผมจะตอบให้
ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว ผมจะไม่ตอบคำถามลองภูมิของคุณ มันไร้สาระ
หาเรื่องนั้นเรื่องนี้ถามไปเรื่อยๆ ผมถามหน่อยว่า คุณรู้จักคำว่า เป้าหมายไหม ถ้ารู้ ก็ให้ตั้งคำถามเพื่อนำไปสู่เป้าหมาย ไม่ใช่ ถามเป็นนกแก้วนกขุนทอง |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
|
|
เมธี
บัวตูม
เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 10:58 pm |
|
mes พิมพ์ว่า: |
คงมีหลายท่าน รวมทั้งผม
ได้เข้าใจสติมากยิ่งขึ้นมาก
มีความรู้มากขึ้น |
ขอบคุณครับ |
|
|
|
|
|
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 11:13 pm |
|
อ้างอิงจาก: |
ก็ของมันออกมาจากใจจะไปกลัวอะไรว่าจะพลาด
ไอ้ที่มันพลาดมันออกมาจากความจำนะสิ
สติประเภทไหนไปจับกระทั่งกระพริบตา
กระพริบตาแล้วมันฆ่ากิเลสได้หรือเปล่าล่ะ
ที่แผ่ซ่านไปในอาการต่าง ๆ ของกาย
เค้าเรียก "สัมปชัญญะ" |
อะไรของมัน พูดจาขัดแย้งกันเอง ผมก็บอกว่า แล้วสติประเภทไหนไปจับกระทั่ง จิตและ เวทนา ที่เร็วกว่ากระพริบตาเป็นไหนๆ แล้วไปจับทำไมหละ มันฆ่ากิเลสได้หรือเปล่า
พูดไปพูดมา ก็เข้าข่ายมาทางผมเสียแล้ว guest ก็ไหนว่า มีสติตลอดไงหละ คราวนี้กลับบอกว่า ไปจับทำไมมันฆ่ากิเลสได้หรือเปล่า
ผมก็คงต้องถามคุณว่า แล้วพระอรหันต์ เอาสติไปจับอะไร ในเมื่อท่านละกิเลสแล้ว
คุณ guest mes คามึน ถ้าผมเป็นคุณอ่านคำตอบนี้แล้ว ผมคงต้องเลิกเล่นเว็บนี้ตลอด เพราะทนหน้าด้านอยู่ไม่ได้ เถียงเป็นร้อยครั้ง ด่าเป็นร้อยหน ก็เข้าตัวเองกันหมด ผมทนอยู่ไม่ได้จริงๆ อาย เผลอนี่ตัวผมจะอยู่ไม่ได้เอาเสียด้วย เพราะอายแทนคุณ 3 คน จริงๆ |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
|
|
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 11:25 pm |
|
อ้างอิงจาก: |
เข้าสู่เหตุการณ์ปกติ
ที่ด่าคนแช่งคนแล้งบอกว่าได้ด่าไม่ได้แช่ง
|
นี่ ไปยกมาเลย ที่บอกว่า ด่าคนแล้วแช่ง ตรงไหน
อ้างอิงจาก: |
คุณขันธ์เคยแช่งผมเมื่อเหตุวิวาทะคราวก่อน
ขู่ผมว่า
ใครล่วงเกินขันธ์จะต้องมีอันเป็นไปในเร็ววัน
|
นี่ปากมันมุสา แบบนี้ ตายไประวังเป็นเปรต เพราะผิดศีล มีเจตนาให้คนอื่นเข้าใจผิดไปจากความจริง พูดจาเรื่อยเปื่อย
นี่ไปหยิบมาเลย ข้อความที่ผมบอกว่า ใครล่วงเกินขันธ์จะต้องมีอันเป็นไปในเร็ววัน ถ้าไม่มี รบกวนคุณ mes ถอนคำพูด และกล่าวไขข่าวว่า ทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และอารมณ์จึง พยายามพูดเกินความจริงให้ร้ายป้ายสี จนนายขันธ์ เสียหาย และถ้าไม่ทำ ผมจะจ้าง ทนายคามึน ให้ไปแจ้งความที่ ส น เพราะทนายคามึนเก่งเรื่องนี้ เพราะเรื่องหน้าด้านนี้ต้องให้ทนายคามึน ส่วนคนปากเท่ารูเข็มอย่าง mes ก็ถ้าขออภัยเสียผมก็จะไม่เอาความ |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
|
|
guest
บัวบาน
เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 11:49 pm |
|
คุณ ขันธ์
กิเลสมันดิ้นพล่านนักหรือไง
ถึงกับต้องขึ้นมัน ขึ้นกู
หมดลวดลายซะแล้วเหรอ
คุมสติไม่อยู่แล้วล่ะสิ
คุณยิ่งพูดไปก็ยิ่งมั่ว
ถ้าเป็นมวยเค้าเรียกว่าออกทะเลไปแล้ว
คุณไม่รู้อะไรจริง ๆ เลยนะ
กิเลสมันออกหากินผ่านทางไหนคุณรู้มั้ย
มันออกหากินผ่านทางขันธ์ ๕ อายตนะ 12 นี่ล่ะ
แล้วท่านให้พิจารณาขันธ์ ๕ อายตนะ 12 ทำไม
ก็เพื่อตัดทางเดินหากินของกิเลสนะสิ
ไม่ให้มันออกมาจากรังของมัน
เพราะรวงรังของมันอยู่ที่จิตของเรา
เมื่อมันไม่มีทางไป แล้วถูกขังไว้ที่รวงรังของมัน
เราก็จับตัวมันได้น่ะสิ
ไม่อย่างนั้นท่านจะเรียกว่าฆ่ากิเลสเหรอ
แล้วถ้าสติไม่จับดูจิต ดูเวทนา หรือ ขันธ์ ทั้ง ๕
แล้วจะเห็นกิเลสเหรอ
กิเลสมันไปอยู่ที่หนังตาหรืออย่างไร
มันไม่ได้เกี่ยวกับความเร็วอะไรของคุณเลยคุณขันธ์
อาการของจิต จะเร็วกว่า กระพริบตา ก็ไม่ได้เกี่ยวกัน
มันคนละเรื่อง
คุณเอามาสับสนปนเปกันไปหมด
ธรรมะในความคิดของคุณมันพันกันมั่วไปหมดแล้ว
เหมือนเชือกที่ผูกรวมกันเอาไว้
ไม่รู้จะแก้ปมตรงไหน
เรื่องกระพริบตา กับอาการของจิต ของเวทนามันคนละเรื่อง
คุณนี่ก็แถไปเรื่อย
กลัวแพ้นักหรือไง
ที่คุณถามว่าพระอรหันต์ท่านเอาสติไปจับอะไรเมื่อท่านสิ้นกิเลสแล้ว
ตอบ แล้วที่คุณคุยโต้ตอบกับผมคุณไม่ต้องใช้สติเหรอ
สติเอาไว้จับกิเลส ไว้ดูจิต ดูเวทนา อย่างเดียวเหรอ
คนบ้าเท่านั้นล่ะที่ไม่มีสติ
คนดีทั้งโลกเค้ามีสติกันทั้งนั้นล่ะ
ที่ท่านว่าขาดสติขณะใด หรือ เผลอสติตอนไหน
ตอนนั้นก็คือ
สติธรรมขาดไปเท่านั้นเอง
หรือสติขณะนั้นมีกำลังไม่พอเป็นสติธรรม
แต่ยังเป็นสติของโลกอยู่
และอยู่ภายใต้การครอบงำของอวิชชา
คุณรู้ไว้ด้วย
พระอรหันต์สติของท่านไม่ต้องใช้ขุดค้นหากิเลสแล้ว
แต่ก็ต้องมีสติเพื่อดำรงชีวิตประจำวันเหมือนคุณเหมือนผมนี่ล่ะ
และที่ว่าสติของท่านเป็น "สติวินโย"ิ
ก็คือสติของท่านพ้นจากการครอบงำของอวิชชาแล้ว
เป็นสติธรรมล้วน ๆ
กลับมาถูกครอบงำด้วยอวิชชาไม่ได้อีกแล้ว
จึงไม่มีโอกาสเผลอสติได้อีก
เป็นสติธรรมล้วน ๆ
ผมบอกตรง ๆ
เรื่อง "สติ" นี่ เป็น "สันทิฏฐิโก" นะ
ผู้ปฏิบัติจะต้องรู้เองเห็นเองถึงจะเข้าใจ
เมื่อเห็นสติธรรมปรากฏขึ้นคู่กับจิต
จะรู้ว่า
อ๋อ สติธรรม เป็นอย่างนี้
ถ้ายังไม่ปรากฏกับจิต
ก็ด้นเดาเกาหมัดไปเรื่อย
เหมือนคุณนี่ล่ะ
แล้ว โคตรภู จะปรากฏได้อย่างไร
เมื่อยังไม่รู้จักสติเลย |
|
|
|
|
|
guest
บัวบาน
เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ย. 2008, 12:52 am |
|
คุณ ขันธ์
*******************************************
ดูนี่ใครพูด
"สรุปว่า คนที่ ไม่อยู่กับร่องกับรอยคือคุณ guest เพราะกรรมที่ปรามาสผม
เรื่องจริงไม่ได้ขู่ ไม่เชื่อแล้วคอยดูต่อไปสิ"
"โดยเฉพาะ คามึน mes และ guest นี่ปิดตัวเองไปแล้ว กรรมอันนี้แรงนะ ถ้าอยากจะให้มันคลาย ก็ไปจุดธูป ขอขมาต่อพระรัตนไตร แล้ว ศึกษาพระธรรมด้วยการปฏิบัติ ไม่ใช่เถียงหรือด่า อย่างเดียว"
********************************************
แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าแช่งแล้วเรียกอะไรคุณขันธ์ |
|
|
|
|
|
|