GOD PARTICLE (อนุภาคพระเจ้า)

ตอบเมื่อ: 18 ก.ย. 2008, 9:38 am

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องและครูอาจารย์ทุกท่าน วันนี้ผมไม่ได้มาหาเสียงนะครับ สาธุ

แต่ไม่มีกระทู้ใหม่ๆมาให้เพิ่มดาวเลยยามฝนตกน้ำท่วมเนี่ย เลยชงเอง ยิ้มเห็นฟัน

เปิดประเด็นเลยนะครับว่าเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสสารหรือมวล(mass)นั้นเมื่อแยกย่อยละเอียดลงไปแล้วประกอบด้วย อนุภาคและพลังงาน

อนุภาคและพลังงานไม่สูญหายไปไหนเพียงแต่เปลี่ยนรูปไปเท่านั้น

ในส่วนของอนุภาค

---- อนุภาคที่เล็กที่สุดที่นักวิทยาศาสตร์แยกได้ปัจจุบันคือ"ควาร์ก" (Quark)และส่วนที่เล็กกว่าควาร์กอีกก็ยังมี แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่เล็กที่สุดและยังไม่สามารถตอบได้ว่ามวลก่อเกิดขึ้นในจักรวาลอันว่างเปล่าได้อย่างไร

การทดลองขององค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ (European Center for Nuclear Research) หรือ "เซิร์น" (CERN) คล้ายการเก็บร่องรอยคดีฆาตกรรมที่รวบรวมหลักฐาน ณ ที่เกิดเหตุเพื่อวิเคราะห์ย้อนหลังว่าเกิดอะไรขึ้น อะไรเป็นตัวกำเนิดอนุภาคหรือมวลอย่างแท้จริง(ศึกษาจากใหญ่ ย่อยไปเล็กที่สุด)

การทดลองของนักวิทยาศาสตร์คาดว่าน่าจะเจอ อนุภาคพระเจ้า(GOD PARTICLE) ผู้ให้กำเนิดมวลสาร และจักรวาล

อนุภาคพระเจ้าที่คาดหวังไว้ในปัจจุบันพบว่ามันเป็นเพียงกลุ่มพลังงานที่ไม่เสถียร
แว๊บหาย ..........จับยังไม่ได้

เปิดประเด็นเบื้องต้นเพื่อประเทืองปัญญาของผู้นับถือพุทธศาสนาว่า

****** ไอ้พลังที่มันแว๊บ.....แล้วหายนี่ อาจารย์ทุกท่านคิดเช่นไรครับ มันคืออะไร มาจากไหนครับ******

ยิ้มเห็นฟัน

ตอบเมื่อ: 18 ก.ย. 2008, 12:29 pm

อนุภาคที่ถูกเร่งเข้าความเร็วแสงจะกลายไปเป็นพลังงาน

พระพุทธเจ้าตรัสว่า

อายตนะคือโลก

หมายความว่า อายตนะเรารับรู้โลกได้เพียงบางส่วนเล็กน้อย

เช่นตารับรู้ได้แค่ 3มิติ

แสงสว่าง ความมืด แสงสีต่างเป็นเพียงความรู้ลึกที่ถูกกระตุ้นที่ประสาทส่วนกลางเท่านั้น

แม้แต่การได้ยิน การสัมผัสก็เช่นกัน

มีแสงอีกมากมายที่เรามองไม่เห็น

เสียงอีกมากมายที่เราไม่ได้ยิน

สิ่งต่างๆอกมากมายที่เราไม่สามารถสัมผัสได้

แต่มีอยู่

สิ่งเหล่านั้นเราจะพบได้ด้วย

วิชชา 3 อภิญญา 6

หากเรามองเห็นโอปปติกะ

และสามารถสัมผัสได้

เราคงมองเห็นสงสารวัฏฏตลอดสายจนถึงนิพพาน

การทดลองต่างๆทางวิทยาศาสตร์

ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป

เพราะมองเห็นปฏิกิริยาต่างๆที่เป็นไป

นี่คือความสูงส่งของศาสนาพุทธ

การปฏิบติกรรมฐานจึงเท่ากับเป็นการเพิ่มมิติให้กับอายตนะสัมผัส

อันเป็นสุดยอดของการทดลอง

เราอาจมองเห็นหลุมดำโดยไม่ต้องพึ่งการชนกันของโปรตอน

และเราคงจะมองเห็นการระเบิดของบิ๊กแบงที่ขอบจักรวาล

พร้อมๆกับบางส่วนของจักรวาลที่ตายลง

และบางเวลาเราอาจจะได้คุยกับเทพ เทวดา ไปมาหาสู่กันได้

และการหลุดพ้นก็หมายถึงการหลุดพ้นจากการจำกัดบริเวณ 3 มิติ

ทั้งหมดนี้เป็นการคิดเรื่อยเปื่อยของผมเองครับ

ตอบเมื่อ: 18 ก.ย. 2008, 9:03 pm

อ้างอิงจาก:

ทั้งหมดนี้เป็นการคิดเรื่อยเปื่อยของผมเองครับ

โอ้โห...นี่ขนาดคิดเรื่อยเปื่อยนะครับ...สุดยอดครับมีเหตุมีผล สู้ สู้

อ้างอิงจาก:

ไอ้พลังที่มันแว๊บ.....แล้วหายนี่ อาจารย์ทุกท่านคิดเช่นไรครับ มันคืออะไร มาจากไหนครับ

มาต่อกันเลยครับ.....

อาจารย์ครับเป็นไปได้ไหมครับว่านี่เป็นพลังงานที่ออกมาจากจิต "พลังจิต"

นักวิทยาศาสตร์คิด วิธีการตรวจและพิสูจน์พลังงานจิต ได้จัดตั้ง เครือข่ายของเครื่องมือที่สามารถรับคลื่นจิต (ที่แสดงออกและแปลเป็นคลื่นเสียง (white noise) ในระดับที่ละเอียดด้วยเครื่อง REG (or Random Event Generators) จำนวน 38 เครื่องเอาไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วโลก เชื่อมต่อมาที่ศูนย์คอมพิวเตอร์กลางที่ ปรินซ์ตัน

สามารถบันทึกพลังงานบางอย่างได้ขณะเกิดเหตุการณ์สำคัญที่ผู้คนในโลกตื่นตระหนก

เช่นช่วงเวลาแรกๆ ของงานศพของเจ้าหญิงไดอานา

หลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ หรือชั่วโมงแรกๆ

เมื่อองค์การนาโตเริ่มโจมตี ยูโกสลาเวีย

และครั้งสุดท้ายคือการโจมตีตึกศูนย์การค้าโลกของผู้ก่อการร้ายที่ นิวยอร์กและที่ตึกเพนตากอนที่วอชิงตัน

ประเด็นคำถามถัดมาครับ

แสดงว่านักวิทยาศาสตร์ใกล้ค้นพบแล้วใช่ไหมครับ...........

ว่าพลังงานนั้นที่หายแว๊บเร็วมากคือ พลังงานจิต....หรือว่า จิตคือผู้สร้างโลก จักรวาล เป็นแหล่งกำเนิดมวลสารทั้งปวง....อือม....

(คิดช้าไป2500กว่าปีหรือเปล่าเนี่ย) ยิ้มเห็นฟัน

ตอบเมื่อ: 19 ก.ย. 2008, 5:36 pm

คุณฌาณต้องให้คำจำกัดความคำว่าพลังจิตก่อนครับ

แล้วค่อยมา มนสิการกับ

ธรรมธาตุ

ธรรมฐิติ

ธรรมนิยาม

ตอบเมื่อ: 22 ก.ย. 2008, 3:40 pm

g8pay'8y[1 เคยฟังคับ
ของดังตฤณ ว่าจิตสร้างโลก สู้ สู้