Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
= ยิ้มสู้วิกฤติ =
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
บัวหิมะ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
ตอบเมื่อ: 13 ก.ย. 2008, 11:46 pm
ยิ้มสู้วิกฤติ
(Coping with crisis with Smiling)
Henry Wadsworth Longfellow
กวีชาวอเมริกัน ได้เขียนบทกวีไว้ชิ้นหนึ่ง และพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ได้นำมาแปลเป็นไทย พร้อมทั้งร้อยกรองไว้เป็นบทกลอน ดังนี้..
เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์ แต่คนที่ควรชมนิยมกัน ต้องใจมั่นยิ้มได้แม้ภัยมา
หมายความว่ายามที่คนเรากำลังมีความสุข ก็ย่อมต้องสามารถยิ้มได้อยู่แล้วเป็นปรกติ ไม่มีอันใดน่าประหลาดใจ แต่คนที่สมควรได้รับคำชื่นชมนิยมยินดี ก็คือคนที่สามารถยิ้มได้ แม้มีภัยมาถึงตัว เพราะนั่นเป็นเครื่องหมายแสดงว่าเขาผู้นั้น มีขวัญและกำลังใจกล้าแข็งมาก จึงสามารถยิ้มได้แม้ภัยมา และย่อมเป็นที่แน่ใจได้ว่าเขาจะผ่านวิกฤตินั้นไปได้ด้วยดี
ต่างกับคนอีกหลายคน ที่เมื่อมีวิกฤติ หรือมีภัยมาถึงตัว ก็เอาแต่ตื่นตระหนก ตกอกตกใจ เสียขวัญ ตีอกชกหัว ฟูมฟาย ดิ้นทุรนทุราย ก่นด่า สาปแช่ง กล่าวโทษโน่นนี่ หรือไม่ก็นั่งหดหู่ห่อเหี่ยวเฉา กอดเข่า เศร้าซึม มืออ่อนตีนอ่อน ไม่เป็นอันทำอะไร สุดท้าย ทุกอย่างก็ยิ่งแย่ลงไปอีกทบเท่าทวีคูณ
แม่ชีเทเรซ่า
เคยกล่าวว่า พยายามจุดเทียนเข้าไว้ อย่ามัวแต่สาปแช่งความมืด! ดังนั้น เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชีวิตงานหรือชีวิตส่วนตัว เราต้องมีท่าทีที่สร้างสรรค์ในการตั้งรับกับปัญหาทั้งหลาย ด้วยการยอมรับความจริง ยิ้มสู้กับมัน และจัดการมันด้วยสติปัญญา ไม่ใช่อารมณ์
เราต้องคิดต่อเรื่องนี้ด้วยความคิดที่เรียกว่า คิดให้ทะลุปรุโปร่ง หรือที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า
Breakthrough Thinking
คือคิดด้วยการยอมรับความจริง คิดด้วยหลักเหตุผล คิดให้มันกระจ่างแจ้ง คิดเพื่อการแก้ปัญหา ไม่ใช่คิดวนเวียนซ้ำซาก คิดในแง่ร้ายถ่ายเดียว
มีความจริงอยู่ 7 ประการ ที่จะทำให้เรายิ้มสู้วิกฤติได้ ดังนี้ :-
ความจริงประการแรก :
เรากำลังเผชิญกับความยุ่งยากบางประการ เรารู้และยอมรับว่าเศรษฐกิจยามนี้กำลังเข้าขั้นวิกฤติ ราคาน้ำมันแพงมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง หรือแม้แต่คงที่ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาภัยใต้ ปัญหาการท่องเที่ยวตกต่ำ ฯลฯ ส่งผลให้การทำมาหากินฝืดเคือง สินค้าราคาแพง การทำธุรกิจ การค้าการขาย มีความยากลำบากมากขึ้น ต้นทุนสูง ผู้คนไม่ค่อยใช้เงิน ฯลฯ เหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน
ความจริงประการที่สอง :
ความยุ่งยากคือวงจรปรกติของโลกและจักรวาล ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติ ไม่เคยปรากฏว่าเศรษฐกิจจะดีอย่างเดียว โดยไม่ตกต่ำ หรือตกต่ำอย่างเดียว โดยไม่เคยดีเลย มันเป็นวงจรที่กลับไปกลับมาอย่างนี้อยู่ตลอด เศรษฐกิจของโลกและของทุกประเทศมักจะดีอยู่ 5 ปี 10 ปี แล้วก็ตกต่ำไปอีก 5 ปี 10 ปี แล้วก็กลับมาดีไปอีกหลายปี จากนั้นก็จะตกต่ำไปอีกหลายปี สลับกันไปอยู่อย่างนี้ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบ มันก็จะเป็นของมันไปอย่างนี้ มันเป็นกฎธรรมชาติ กฎแห่งจักรวาล
ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน โกโนสุเกะ มัตซึชิตะ ผู้ก่อตั้งบริษัท มัตซึชิตะ เคยกล่าวว่า โชคดีกับโชคร้ายมันก็เหมือนกับเกลียวเชือก ที่ต้องพันคู่กันไปตลอดเวลา หรือภาษิตไทยก็เคยกล่าวไว้คล้ายๆกันนี้ว่า ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน เราจะเลือกพบกับอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องเจอทั้งสองอย่างไปชั่วชีวิต
ความจริงประการที่สาม :
ทุกที่ ทุกคน กำลังผจญกับความยุ่งยาก อย่าหนีไปไหนเลย ไม่ว่าใครก็ต้องเจอปัญหาแบบนี้เหมือนกัน อาจจะเจอพร้อมกัน หรือเจอกันคนละเวลากับเรา แต่อย่างไรก็ต้องเจอแน่นอน ทุกคนต่างก็ซวยเสมอหน้ากันหมด มีเราซวยอยู่คนเดียวเสียที่ไหน?
ความจริงประการที่สี่ :
เราอาจไม่สามารถบังคับควบคุมปัจจัยภายนอกตัวเราได้ แต่เราสามารถบังคับควบคุมปัจจัยภายในตัวของเราเองได้ 100% วิกฤติ หรือภัยร้ายที่คุกคามเราอยู่นั้น เราอาจจะไม่สามารถไปบังคับควบคุม หรือไปกำหนดให้มันเกิดหรือไม่เกิดได้ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะมีท่าทีกับมันเช่นไร เราจะมองมันเป็นวิกฤติ หรือมองเป็นโอกาสก็ได้ เราจะมองมันเป็นภัยคุกคาม หรือมองมันเป็นความท้าทายก็ได้ เราจะคิดว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว หรือคิดว่ามันต้องมีทางออกสักทางหนึ่งแน่ก็ได้ ลองคิดแบบศิลปินตลกโย่ง เชิญยิ้มซิครับ โย่ง เชิญยิ้ม เคยพูดว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีทางออก ถ้ามันไม่มีทางออกจริงๆ เดี๋ยวเราก็ไปออกตรงทางเข้าก็ยังได้!
ความจริงประการที่ห้า :
คนทุกคนสามารถผ่านความยุ่งยากทุกอย่างได้ ถ้ารู้จักประสานพลังในตัวเอง Dr.Robert Cooper นักวิชาการด้านประสาทวิทยาสมัยใหม่ (Neuroscience) กล่าวไว้ในหนังสือ The Other 90% ที่ได้จากการค้นคว้าวิจัยของเขาว่า คนเรายังมีพลังงานอีกเหลือเฟือถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะสามารถรับมือกับภัยคุกคามอะไรก็ได้ ร่างกายมนุษย์นั้นมหัศจรรย์เหลือที่จะพรรณา มันเตรียมพลังงานทุกอย่างไว้เพียบพร้อมให้คนเรานำมันออกมาใช้ แต่คนเราส่วนมากก็เอาออกมาใช้เพียง 10% เท่านั้นโดยเฉลี่ย จงจำไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรายังมีพลังงานในตัวอีก 90% รอให้เราหยิบฉวยมันออกมาใช้ ขอเพียงเราประสานพลังในตัวเราทั้งความคิด จิตใจ อารมณ์ และร่างกาย ของเราให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แล้วคอยดูว่าเราจะสามารถสร้างปรากฏการณ์ชนิดแผ่นดินสะท้าน ทะเลสะเทือนได้หรือไม่!
ความจริงประการที่หก :
เราสามารถแปรความยุ่งยากให้เป็นความสำเร็จได้ ถ้าเราสามารถประสานพลังกับคนอื่นๆ จงรู้จักขอความร่วมมือ ขอความช่วยเหลือ รอบๆตัวเรามีคนพร้อมจะช่วยเหลือเรา และมีเรื่องให้เราช่วยเหลือเขา จับมือกับเขา ประสานพลังกับเขา สร้างให้เกิดพลังอย่างที่ Dr.Napoleon Hill เรียกว่าเป็น พลังอภิจิต (Master mind) ถ้าทำได้ดังนี้ หนึ่งบวกหนึ่งมันจะต้องมากกว่าสอง อย่างแน่นอน
ความจริงประการสุดท้าย :
ความยุ่งยากทั้งมวล เปลี่ยนแปลงคนธรรมดาให้เป็นผู้นำ และเปลี่ยนแปลงผู้นำสู่การเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีเครื่องมือใดสร้างผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้ดีเท่ากับปัญหาและอุปสรรค การทำอะไรได้ดีในภาวะปรกติ ยังไม่ใช่เครื่องวัดความเป็นผู้นำ การทำอะไรได้ดีในภาวะไม่ปรกติต่างหากที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับผู้นำ และผู้นำธรรมดากับผู้นำที่ยิ่งใหญ่
มีคำกล่าวที่อาจจะดูเชยไปสักนิด แต่มันก็เป็นสัจธรรม ที่ว่า
...
ถ้าเรายิ้มให้กับโลก โลกจะก็ยิ้มให้กับเรา แต่ถ้าเราร้องไห้ เราก็จะต้องร้องไห้คนเดียว!
ยิ้มสู้วิกฤติเถิดครับ แล้วเราจะสู้ได้
คัดลอกจากบทความ By อาจารย์วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์.
_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 14 ก.ย. 2008, 12:59 am
_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
ตอบเมื่อ: 14 ก.ย. 2008, 8:02 am
ยิ้มสู้
YIM SOO
ทำนอง
: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง
: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ
โลกจะสุขสบายนั้นเป็นได้หลายทาง
ต้องหลบสิ่งกีดขวางหนทางให้พ้นไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
สุขและทุกข์อย่างไรเพราะใจตนเอง
ฝ่าลู่ทางชีวิตต้องคิดเฝ้าย้อมใจ
โลกมืดมนเพียงใดหัวใจอย่าคร้ามเกรง
ตั้งหน้าชื่นเอาไว้ย้อมใจด้วยเพลง
ไยนึกกลัวหวาดเกรงยิ้มสู้
คนเป็นคนจะจนหรือมี
ร้ายหรือดีคงมีหวังอยู่
ยามปวงมารมาพาลลบหลู่
ยิ้มละมัยใจสู้หมู่มวลเภทภัย
ใฝ่กระทำความดีให้มีจิตโสภา
สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่นบาน
เกร็ดน่ารู้
เพลงพระราชนิพนธ์ ยิ้มสู้: smiles เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๑๖ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๔๙๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย เพื่อเป็นการปลอบขวัญ และให้กำลังใจแก่คนตาบอด แล้วพระราชทานให้นำไปบรรเลง ในงานสมาคมช่วยคนตาบอด ในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันเสาร์ที่ ๑ มีนาคม ๒๔๙๕ ส่วนคำร้องภาษาอังกฤษ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทรงนิพนธ์ในปีต่อมา
_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
ตอบเมื่อ: 14 ก.ย. 2008, 1:38 pm
ไม่มีวิกฤตที่ไหนเลย ถ้าจิตของเราไม่นำเอาเรื่องภายนอกเข้ามาในใจของเรา
เว่ยหลางกล่าวว่า
"คนโง่พยายามหลักเลี่ยงประสพการณ์ที่ตนเองไม่ชอบ แต่ไม่พยายามหลีกหนี
ความคิดปรุงแต่งของตนเอง คนฉลาดจะหลีกหนีความคิดปรุงแต่งของตนเอง
แต่จะไม่หลีกหนีประสพการณ์ใดๆ"
ทุกอย่างที่เราประสพมาในชีวิตย่อมเป็นผลจากกรรมเก่า แต่กรรมเก่าย่อมไม่มี
ผลต่อจิตของเราถ้าจิตของเราไม่คิดปรุงแต่งมัน อะไรจะเกิด ก็ต้องให้มันเกิด
หลวงพ่อคูณและพระอรหันต์ต่างๆ เทศน์ว่า
"มันเป็นอย่างนั้นแหละ"
ใบโพธิ์
บัวบาน
เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2007
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 14 ก.ย. 2008, 4:17 pm
_________________
ทำความดีทุกๆ วัน
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
ตอบเมื่อ: 14 ก.ย. 2008, 8:28 pm
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th