Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทิ้งลูกทิ้งเมียเป็นบาป พระสิทธัตถะทำ กลับเป็นมหากุศล? อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 11:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทำไมทิ้งลูกทิ้งเมียเป็นบาป แต่พระสิทธัตถะทำ กลับเป็นมหากุศล?

--------------------------------------------------------------------------------


ผมได้ยกตัวอย่างพระเวสสันดรยกเมียและลูกให้เป็นทาสไปแล้วเรื่องหนึ่ง


ความจริง ถ้าคนทิ้งลูกทิ้งเมีย เอาไปขายเพื่อเห็นประโยชน์ของตนแต่ฝ่ายเดียว
ถือว่าเป็น
บาปสุดกู่ เพราะเป็นความเห็นแก่ตัว แต่พระเวสสันดร
ท่านทิ้งลูกเมียให้ตกเป็นทาสคนอื่น เพื่อเห็นแก่คนอื่น(ชาวโลก)จึงกลายเป็น การเสียสละสิ่งที่ตนเองรัก และมหากุศล


นั่นเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า ที่มาของบาป ต้องมาจากจิตอกุศล การกระทำ
อย่างเดียวกัน ถ้าจิตเจตนาเป็นกุศล แทนที่จะเป็นบาป มันได้กลับกลายเป็นมหากุศลแทน

คราวนี้ ผมขอยกตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง เป็นตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะตัดสินใจ
ออกผนวช


ก็เหมือนกันกับพระเวสสันดร ถ้าเจ้าชายสิทธัตถะทิ้งลูกทิ้งเมีย เพื่อไปแสวงหา
ความสุขอย่างอื่น เช่น หาเมียใหม่ นั่นเป็นจิตอกุศล เป็นการเห็นแก่ตัว มันจะเป็นบาป

แต่ทว่า เจ้าชายสิทธัตถะทิ้งลูกทิ้งเมีย บาปใหญ่ๆอย่างทิ้งลูกทิ้งไปกลับกลายเป็น
มหากุศลไปแทน ทั้งนี้เพราะจิตของท่านในตอนนั้นยอมเสียสละความสุขส่วนตัว
เพื่อความสุขของชาวโลกทุกคน จิตเจตนาเช่นนั้นจึงได้กลายเป็นมหากุศลใหญ่

ลองดูตอนที่พระนางพิมพาประสูตรพระโอรส เจ้าชายสิทธัตถะอุทานว่า

"ราหุลัง พันธนังชาตัง." หมายความว่า ....บ่วงเกิดแล้ว บ่วงเกิดแล้ว.. แล้ว

ก่อนที่พระองค์จะตัดสินใจแน่วแน่เพื่อออกบวช การกระทำทางกายและทางวาจา
ของเจ้าชายสิทธัตถะ ถือว่า เป็นสุดยอดแห่งบาป
ถ้าใจของพระพุทธองค์ดำอำมหิต
คงหนีบาปไม่พ้น

แต่เพราะใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จที่ใจ ไม่ใช่สำเร็จที่วาจาและกาย

เราจะเห็นว่า เจตนาของ เจ้าชายสิทธัตถะตอนนั้น ยืนดูบุตรและเมียด้วยความรัก
ความอาลัยอาวรณ์ แต่ พระองค์ก็ตัดสินใจสละความสุขและความรักนั้นออกไป
เพื่อประโยชน์และความสุขของคนทั้งโลก


ในที่สุด พระองค์ตัดสินพระทัยทิ้งลูกน้อยที่เพิ่งประสูติ ออกบวชเมื่อพระชนม์พรรษา ๒๙ ปี การกระทำทางกายและวาจาที่ทิ้งลูกเมีย จึงได้กลับกลายเป็นมหากุศล

พระพุทธเจ้าตรัสว่า

1. เจตนาคือกรรม
2. บาปมีทั้งทางกาย วาจา ใจ
3. “ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ” ถ้ากายทำ วาจาทำ
แต่ใจไม่ได้ทำ ก็ไม่บาป แต่ถ้าจิตเจตนาเป็นกุศล สิ่งนั้นก็จะกลับกลายเป็นบุญ
ใหญ่แทน

4. การฆ่าสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ได้รู้ตัว และเราไม่ได้คิดไม่บาป
5. การฆ่าสิ่งที่เล็กมากเราจะมองไม่ค่อยเห็น เจตนาจึงไม่มี และมีก็เบาบางบาป บาปจึงน้อยมาก

จะเห็นว่าจิตเจตนาของเจ้าชายสิทธัตถะตอนออกผนวช ไม่ได้มีอกุศล มีแต่การเสียสละ
มีแต่การให้ต่อชาวโลก การกระทำทางกายและวาจาจึงไม่ได้เป็นบาป แม้ว่าจะมีผู้ถูก
เบียดเยียน คือ ลูกและเมียของเจ้าชายสิทธัตถะ แต่สิ่งที่เจ้าชายทำด้วยจิตเจตนา
เป็นกุศล เป็นการเสียสละ การเสียสละสิ่งที่รักที่สุดเพื่อผู้อื่น ย่อมเป็นมหากุศล

ดังนั้น ได้โปรดเข้าใจว่า จิตเจตนาที่เป็นอกุศลตอนที่ทำลงไปเป็นบาป ส่วนขนาด
ของบาปนั้นขึ้นอยู่กับเจตนาในจิตของผู้กระทำ จิตเจตนาที่เป็นกุศลตอนที่ทำลงไปย่อม
เป็นบุญ และเป็นมหากุศล
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ยุติธรรม
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 02 ส.ค. 2008
ตอบ: 26

ตอบตอบเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 4:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดิฉันคิดว่า ที่มาของบาปมาจาก

1. เจตนา = กรรม
2. บาปมีทั้งทางกาย วาจา ใจ
3. “ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ” ถ้ากายทำ วาจาทำ แต่ใจไม่ได้ทำ ก็ไม่บาป
4. จิตเจตนากุศลเป็นบุญ จิตเจตนาอกุศลเป็นบาป
5. ธรรมหรือความเป็นไปทั้งปวง จะดี (เป็นกุศล เป็นบุญ) ก็ตาม จะไม่ดี (เป็นอกุศล เป็นบาป)
ก็ตาม เกิดขึ้นได้ก็เพราะใจคิด ใจอยาก ใจต้องการ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 5:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

5555555555555

เพื่อนกันน่ะเนาะ 55555555

ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 27 ส.ค. 2008, 11:03 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยุติธรรม พิมพ์ว่า:
ดิฉันคิดว่า ที่มาของบาปมาจาก

1. เจตนา = กรรม
2. บาปมีทั้งทางกาย วาจา ใจ
3. “ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ” ถ้ากายทำ วาจาทำ แต่ใจไม่ได้ทำ ก็ไม่บาป
4. จิตเจตนากุศลเป็นบุญ จิตเจตนาอกุศลเป็นบาป
5. ธรรมหรือความเป็นไปทั้งปวง จะดี (เป็นกุศล เป็นบุญ) ก็ตาม จะไม่ดี (เป็นอกุศล เป็นบาป)
ก็ตาม เกิดขึ้นได้ก็เพราะใจคิด ใจอยาก ใจต้องการ


ขอบพระคุณที่ช่วยเสริมเรื่อง ทำให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งหมดก็คือ
เราอยู่ในโลกของจิตนั่นเอง จิตเป็นผู้กำหนดบาป-บุญ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
kritsadakorn
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 17 ก.ค. 2008
ตอบ: 12

ตอบตอบเมื่อ: 27 ส.ค. 2008, 2:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

...
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 28 ส.ค. 2008, 11:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 28 ส.ค. 2008, 11:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เศร้า เออ...อาจารย์ครับ เคยได้ยินว่าท่านเหล่านั้นอธิษฐานกันมาก่อน
ในชาติที่ผ่านมาเพื่อบำเพ็ญบารมีทางนี้อะครับ...

เศร้า
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง