Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ความรู้เรื่อง “พระบรมสารีริกธาตุ” อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ทัพหลวง
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 28 มิ.ย. 2008
ตอบ: 161

ตอบตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2008, 10:03 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความรู้เรื่อง “พระบรมสารีริกธาตุ”

นับว่าโชคดีและน่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งของชาวพุทธไทย ตลอดถึงชาวพุทธทั่วโลก ที่ได้มอบกายถวายชีวิตนับถือ “พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และเป็นศาสนาประจำใจ” ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๙ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ ตอนหนึ่งว่า

“อันพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติของเรานี้ ตามความที่ได้รับอบรมก็ดี ตามความศรัทธาเชื่อถือส่วนตัวข้าพเจ้าก็ดี เห็นเป็นศาสนาที่ดีศาสนาหนึ่ง มีคำสั่งสอนให้คนประพฤติตนเป็นคนดี ทั้งเพียบพร้อมด้วยบรรดาสัจธรรมอันชอบด้วยเหตุผลน่าเลื่อมใสยิ่งนัก”

เรื่องราวที่กล่าวเกี่ยวกับการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของชาวมัลลกษัตริย์ กระทำโดยวิธีการดังนี้คือ ห่อพระสรีระด้วยผ้าใหม่แล้วซับด้วยสำลี โดยนัยนี้ตามกำหนดว่าถึง ๕๐๐ ชั้น เสร็จแล้วเชิญลงประดิษฐาน ณ รางเหล็กเติมด้วยน้ำมัน ปิดด้วยรางอื่นเป็นฝา ทำจิตกาธานบนเชิงตะกอนด้วยสรรพไม้หอม แล้วเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ เชิงตะกอนไม้หอมนั้น เตรียมถวายพระเพลิง

มีเรื่องราวเล่าเสริมเป็นความรู้พิเศษว่า หลังจากห่อพระสรีระด้วยผ้า ๕๐๐ ชั้น ดังกล่าวแล้วยังมีผ้าอีกชนิดหนึ่งซึ่งทำด้วยใยเหล็ก เรียกว่า “ผ้าอัคคีโธวัน” คือ ผ้าที่ต้องซักด้วยไฟ ห่อทับอีกชั้นหนึ่ง จึงทำพิธีถวายพระเพลิงพุทธสรีระ

เมื่อสรีระของพระผู้มีพระภาคเจ้า ถูกเพลิงไหม้แล้ว สายธารก็ไหลหลั่งตกลงมาจากอากาศพลุ่งออกจากลำต้นของต้นสาละที่อยู่ในบริเวณนั้น และพลุ่งชำแรกพื้นดินขึ้นมาโดยรอบ เพื่อดับจิตกาธานของพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นดับจิตกาธานแล้วสิ่งที่เหลืออยู่คือ “พระบรมสารีริกธาตุ” อันมีสีดุจดอกมะลิ แก้วมุกดา และทองคำ จับใจความตอนที่ชาวมัลลกษัตริย์ ได้ตกลงแบ่ง “พระบรมสารีริกธาตุ” ตามคำแนะนำของโทณพราหมณ์ โดยให้ตระหนักถึงหลักขันติธรรมและสามัคคีธรรม เหล่ากษัตริย์ก็นำไปบรรจุไว้ในสถูป ณ แว่นแคว้นของตนแล้วจัดงานมหกรรมเฉลิมฉลองเช่นเดียวกัน คือ

๑. กษัตริย์ลิจฉวีเมืองเวสาลี สร้างสถูปบรรจุในเมืองเวสาลี
๒. กษัตริย์ศากยะเมืองกบิลพัศดุ์ สร้างสถูปบรรจุในเมืองกบิลพัศดุ์
๓. กษัตริย์เมืองอัลลกัปปะ สร้างสถูปบรรจุในเมืองอัลลกัปปะ
๔. กษัตริย์โกลิยะเมืองรามคาม สร้างสถูปบรรจุในเมืองรามคาม
๕. กษัตริย์เมืองเวฏฐทีปะ สร้างสถูปบรรจุในเมืองเวฏฐทีปะ
๖. กษัตริย์มัลละเมืองปาวา สร้างสถูปบรรจุในเมืองปาวา
๗. กษัตริย์มัลละเมืองกุสินนารา สร้างสถูปบรรจุในเมืองกุสินนารา
๘. กษัตริย์โมลิยะเมืองปิปผลวัน สร้างสถูปบรรจุในเมืองปิปผลวัน
๙. โทณพราหมณ์ สร้างสถูปบรรจุทนานทองคำ

พระบรมสารีริกธาตุ มีสัณฐานเสมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาด เมล็ดข้าวสารหัก และเมล็ดถั่วเขียว โดยปกติพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าผู้มีพระชนมายุยืนทั้งหลาย ย่อมคงรูปเดิมไม่กระจัดกระจาย ส่วนพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ทรงอธิษฐานพระธาตุให้กระจัดกระจาย เพราะทรงดำริว่าเราอยู่ไม่ได้นาน ก็จะปรินิพพาน พระศาสนายังไม่แพร่หลายไปในที่ทั้งปวง ฉะนั้นเมื่อเราปรินิพพานแล้ว มหาชนจักถือเอาพระธาตุแม้ขนาดเล็กเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด สร้างเจดีย์ในที่อยู่ของตนๆ แล้วบูชา จักมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า อรรถกถาทีฆนิกาย ปาฏิวรรคสัมปสาทนียสูตร หน้า ๒๕๐ กล่าวว่า ปรินิพพานมี ๓ คือ กิเลสปรินิพพาน ขันธปรินิพพาน และธาตุปรินิพพาน พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราพระองค์นี้

กิเลสปรินิพพาน ได้มีแล้ว ณ โพธิบัลลังก์
ขันธปรินิพพาน ได้มีแล้ว ณ เมืองกุสินารา
ธาตุปรินิพพาน จักมี ในอนาคตกาล


http://www.geocities.com/thaniyo/phratad.html
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ย. 2008, 9:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุครับเยี่ยมมากครับ สาธุ

ผมมาก่อนนะครับพี่บัว ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง