อยากทราบความเห็นเกี่ยวกับ คริสต์ และ พุทธ

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 9:27 am

ข้าพเจ้านำเสนอหัวข้อนี้มิได้มีเจตนาเปรียบเทียบศาสนา
เพียงแต่อยากเห็นมุมมองของเราชาวพุทธที่มีต่อเพื่อนต่างศาสนา
และเพื่อปูทางไปอีกกระทู้นึง เกี่ยวกับชาวพุทธที่กำลังเปลี่ยนศาสนา(ยังไม่ได้ตั้งครับ)

ในกรณี มุมมอง ของ คริสต์ที่ บอกว่า

ผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าย่อมต้องตกนรก

ซึ่งคนพุทธไม่ได้นับถือพระเจ้า(ของคริสต์) ดังนั้นในมุมมองของชาวคริสต์

ชาวพุทธทุกคนต้องตกนรก ใช่หรือไม่

ส่วนชาวพุทธ ผู้ที่ไม่เชื่อ ในโลกหน้า(การเวียนว่ายตายเกิด) ย่อมมีนรกเป็นที่ไป (เพราะไม่เชื่อในการเวียนว่ายตายเกิด ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ก่อกรรม)

ซึ่งในมุมมองคนพุทธ ชาวคริสต์ทุกคนไม่ได้เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

เพราะฉะนั้น ชาวคริสต์จะตกนรก ใช่หรือไม่

ในความเป็นจริง ถ้าชาวคริสต์ปฏิบัติตามหลักศาสนา เป็นคนดีแล้ว ย่อมไม่มีนรกเป็นที่ไปแน่นอน ส่วนกรณีชาวพุทธถึงแม้ปฏิบัติตามหลักศาสนา แต่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า ก็ยังต้องตกนรก ใช่หรือไม่

แต่จากสองกรณีเบื้องต้น อยากทราบความเห็นของท่านทั้งหลายว่าคิดเห็นอย่างไรกับข้างต้น

หากกระทู้นี้ ท่านเห็นว่าไม่เหมาะสม กระผมก็ขอภัยไว้ด้วยครับ มิได้มีเจตนาสร้างความแตกแยก หรือเปรียบเทียบศาสนา หรือถ้าท่านใดมีวิธีอื่นที่จะถามปัญหาจากหลายๆท่านอื่น โดยไม่ต้องตั้งกระทู้ สามารถแนะนำได้ครับ

สาธุ

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 11:37 am

สวัสดีค่ะคุณเมธี แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันค่ะ จากหัวข้อที่คุณถามมาค่ะ

" ข้าพเจ้านำเสนอหัวข้อนี้มิได้มีเจตนาเปรียบเทียบศาสนา
เพียงแต่อยากเห็นมุมมองของเราชาวพุทธที่มีต่อเพื่อนต่างศาสนา
และเพื่อปูทางไปอีกกระทู้นึง เกี่ยวกับชาวพุทธที่กำลังเปลี่ยนศาสนา(ยังไม่ได้ตั้งครับ) "

-- ศาสนาไม่ว่าจะพุทธ คริสต์ อิสลามและอีกหลายๆศาสนา ดิฉันมองว่าทุกศาสนาดีหมดค่ะ
-- ดิฉันเติบโตมาในหมู่คนอิสลาม เกือบจะเปลี่ยนศาสนากับเขาเหมือนกัน วันนั้นจะต้องรับศิล เพื่ออ่านคัมภีร์ พอดีแม่เอาก๋วยเตี่ยวราดหน้าหมูมาวางไว้ เราดันกินเข้าไป เลยเปลี่ยนใจ ขอเป็นพุทธอย่างเดิม ญาติพี่น้องก็เป็นอิสลามหลายคน
-- ตอนเรียนหนังสือก็เข้าโบสถ์ตลอด เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้โบสถ์สอนศาสนาคริสต์ ตอนนั้นชอบมาก ไปแล้วอิ่ม ตังค์ก็ได้เวลากลับบ้าน สิ่งที่เขาสอนก็สอนแต่สิ่งดีๆ
-- แล้วก็เคยได้ยินไหมคะ ที่เขาว่ารับธรรมะ ( อนุตริยธรรม ไม่รู้หรอกค่ะว่าแปลว่าอะไร ไม่ได้สนใจหาคำตอบด้วย ) นี่ก็ไปรับกับเขามาแล้ว เพราะต้องการช่วยให้เขาได้บุญ คนที่ทำงานมาขอร้องว่า ช่วยไปรับธรรมะให้เขาที เพื่อกุศลนี้จะได้ส่งถึงแม่เขา ดิฉันก็ไป เพราะคิดว่าช่วยเขา ไปแล้วก็ดี เขาอยากสอนอะไรก้สอนไป ดิฉันแค่ฟัง ทุกวันนี้ใครมาถามว่าเขาสอนอะไร ยังตอบไม่ได้เลยค่ะ เพราะไม่ได้จำ แต่ไปก็ดีค่ะ กินเจอยู่ 9 วันเต็มๆ บ้านที่เราไปพักอยู่กับเขา ดูแลเราอย่างดี ไม่ให้ทำอะไรเลย เขาบอกว่า เขาทำให้เรา เขาได้บุญ วันสุดท้ายเท่าที่จำได้ก้คือพูดเรื่องกฏแห่งกรรม เขาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีแต่เมตตา ต้องบอกว่าเมตตามากๆ ดิฉันเองยังเกือบจะไปร่วมเผยแผ่กับเขาเลยค่ะ บรรยากาศมันพาไป กลับมากินเจอยู่เป็นปี อุปทานมันเกิด เกิดเหม็นสาบคน เลยต้องเลิกกินเจ ไม่งั้นทำงานกับใครเขาไม่ได้ ใครเข้ามาใกล้ก็เหม็นเขาไปหมด คงเป็นเพราะกุศลเก่ามี ก็เลยได้กลับมาเส้นทางนี้ต่อ
-- ปัจจุบันนี้ถ้าถามว่า ศาสนาใดดีที่สุด ก็ยังยืนยันคำเดิมค่ะ ว่าดีทุกศาสนา ศาสนาจะดีหรือไม่ดี ศาสนาก็เป็นศาสนาอย่างนั้นอยู่แล้ว ตั้งแต่เรายังไม่เกิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ตัวเราค่ะ ไม่ใช่ว่าเห็นคนทำไม่ดี แล้วไปโทษศาสนา แทนที่จะบอกว่า คนนั่นแหละไม่ดีเอง ลงมือกระทำเอง แต่ดันไปโทษนอกตัว เที่ยวไปโทษโน่นโทษนี่ แต่ลืมย้อนกลับมาดูตัวเอง ว่าเหตุทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นนี้ ที่ทำให้ได้ผลเช่นนี้ เป็นเพราะใครทำ ตัวเองทำเองทั้งนั้นเลย ทุกอย่างมันมีเหตุปัจจัยให้เป็นไปค่ะ

-- แล้วอีกอย่างหนึ่ง ถ้าเรามาพูดถึงไน่แง่ของการได้เปรียบหรือได้เปรียบในเรื่องการปฏิบัติ ดิฉันมองว่า ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แต่อยู่ที่กุศลของแต่ละคนสร้างสั่งสมมาไม่เท่ากันค่ะ ไม่ว่าจะศาสนาไหนก็สามารถถึงจุดหมายปลายทางได้ ( พระนิพพาน ) ทุกอย่างที่กิดขึ้น เป็นไปตามวิบากกรรมของแต่ละคน เราลองมาดูตัวอย่างง่ายๆ มีคนไทยอีกเยอะที่ไม่คิดจะสนใจในด้านการปฏิบัติภาวนา บางคนทำบุญ ทำทาน ยังไม่เอาเลย แต่กับฝรั่ง บางคนเดินทางมาที่ประเทศไทย ได้มาศึกษาปฏิบัติธรรม ดูตัวอย่างจากหลวงพ่อมิตซูโอะ ก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะเชื้อชาติใด เชื้อชาติหนึ่ง ทุกอย่างมีเหตุ มีผลในตัวค่ะ ของเคยทำมา ยังไงก็ได้ทำต่อค่ะ ต่อให้ไม่ได้เกิดมาในพระพุทธศาสนาก็ตามเถอะค่ะ แต่ในความเป็นไปอดีตชาติของเขา ใครจะไปคาดเดาได้ หมายถึงคนธรรมดา อย่างเราๆค่ะ

ในกรณี มุมมอง ของ คริสต์ที่ บอกว่า

ผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าย่อมต้องตกนรก

ซึ่งคนพุทธไม่ได้นับถือพระเจ้า(ของคริสต์) ดังนั้นในมุมมองของชาวคริสต์

ชาวพุทธทุกคนต้องตกนรก ใช่หรือไม่

-- จากกรณีนี้ อันนี้แล้วแต่เขาจะคิดค่ะ อาจจะคิดหรือไม่คิดแบบนั้นก็ได้ค่ะ

ส่วนชาวพุทธ ผู้ที่ไม่เชื่อ ในโลกหน้า(การเวียนว่ายตายเกิด) ย่อมมีนรกเป็นที่ไป (เพราะไม่เชื่อในการเวียนว่ายตายเกิด ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ก่อกรรม)

-- เรื่องความเชื่อ นี่เราไปบังคับให้ใครเขาเชื่อไม่ได้หรอกค่ะ คนที่เชื่อย่อมไม่ประมาท ส่วนคนที่ไม่เชื่อในโลกหน้า แต่ขยันทำบุญทำทานก็มีเยอะ เขาบอกว่า โลกหน้าไม่สนใจหรอก และไม่เชื่อด้วย แต่ที่ทำบุญทำทานนี่ เขาชอบทำแค่นั้นเอง เขาบอกว่าทำแล้วรวย เขาอยากรวย เขาก็เลยทำ แต่ถ้าไปชวนปฏิบัติธรรมนี่ไม่เอาเลย เขาจะบอกว่า ไม่เอาหรอก นั่งทำไมให้เมื่อย เสียเวลาทำมาหากิน มันเป็นไปตามวิบากกรรมของแต่ละคนค่ะ วันใดกุศลเขามาถึง เขาย่อมสานต่อในสิ่งที่เขาได้เคยทำไว้

ซึ่งในมุมมองคนพุทธ ชาวคริสต์ทุกคนไม่ได้เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

เพราะฉะนั้น ชาวคริสต์จะตกนรก ใช่หรือไม่

-- จากกรณีนี้ ถ้าเขาทำชั่ว ยังไงๆ เขาก็ต้องตกนรกค่ะ แต่ถ้าเขาทำแต่ความดี ยังไงๆก็ไม่ตกนรกหรอกค่ะ ก็เหมือนกับคนไทยนั่นแหละค่ะ ชาติไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอกค่ะ

ชาวพุทธถึงแม้ปฏิบัติตามหลักศาสนา แต่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า ก็ยังต้องตกนรก ใช่หรือไม่

-- พระเจ้าเป็นเรื่องของคำสอนศาสนาอื่น ถึงเราไม่เชื่อก็ไม่ตกนรก ตราบใดที่เราเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้า เชื่อในพระธรรมเจ้า เชื่อในพระสงฆเจ้า เชื่อในเรื่องการทำดีทำชั่ว ถึงไม่เชื่อในเรื่องโลกหน้าว่ามีจริงหรือไม่ก็ตาม ไม่ตกนรกหรอกค่ะ ทุกอย่างเกิดจากเหตุ สร้างอย่างไร ผลที่ได้รับย่อมเป็นเช่นนั้น

-- ทั้งหมดนี้เป็นเพียงมุมมองของดิฉันค่ะ เราอาจจะเห็นเหมือนกันหรือไม่เหมือนกันก็ได้ค่ะ เคารพในความคิดเห็นของแต่ละคนค่ะ

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 11:56 am

กระผมว่าศาสนาใดๆก็ล้วนแต่สอนธรรมครับ แต่ผู้ที่ศึกษาจะได้ธรรมนั้นหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่จะปฏิบัติตัวให้เข้าถึงได้หรือเปล่า

แต่กระทู้นี้ผมว่า ท่านพลศักดิ์ น่าจะมีความรู้อยู่มากครับ เพราะท่านพลศักดิ์ดูเหมือนจะศึกษาคำสอนของทุกศาสนาเลยครับ... สาธุ

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 12:03 pm

ขอบคุณครับ

โดยส่วนรวมแล้วผมก็เห็นด้วยทุกอย่างแหละ ครับ

จริงๆแล้วผมก็คิดแบบคุณ walaiporn น่ะครับ

ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดีหมด

คนจะชั่วจะดี ก็อยู่ที่คนไม่ใช่ศาสนา

ผมเพียงแค่อยากจะทราบว่าในมุมมองของเราชาวพุทธ มองชาวคริสต์อย่างไร และในมุมมองของชาวคริสต์จะมองเราอย่างไรเท่านั้นเอง

แลกเปลี่ยนกันน่ะครับ

ส่วนเรื่องความเชื่อมันบังคับกันไม่ได้จริงๆน่ะแหละครับ และการทำบุญ ขึ้นนรก ลงสวรรค์ นิพพาน อะไรๆมันก็ไม่ได้ขึ้นกับว่าเชื่ออย่างไร แต่ขึ้นกับว่าปฏิบัติ ทำตนเองอย่างไร มันเป็นสากล เท่านั้นเอง

ขอบคุณ คุณ walaiporn ที่เข้ามาช่วยแบ่งปันความคิดเห็นกันนะครับ

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 12:16 pm

คุณ walaiporn ครับ

รบกวนช่วยเพิ่มเติมความคิดเห็นตรงนี้ด้วยครับ

ว่า

ในมุมมอง ชาวคริสต์ เขาจะมองว่าเราตกนรกเพราะไม่เชื่อในพระเจ้า ใช่หรือไม่ ( ในมุมมองเขานะครับ ในความเป็นจริงนั้น เราชาวพุทธยึดหลักตามศาสนาพุทธครับ) แค่อยากทราบว่าเขามองพวกเราอย่างไร ไม่ได้ไปใส่ใจอะไรมากอยู่แล้วน่ะครับ (พอดีเพื่อนจะเปลี่ยนจากพุทธเป็นคริสต์ เกรงว่าเขาจะมองเราเปลี่ยนไป)

และในมุมมอง เราชาวพุทธ จะมองว่า ชาวคริสต์ที่ไม่เชื่อในโลกหน้า ย่อมต้องตกนรก เพราะ ผู้เป็นมิจฉาทิฐฏิไม่ประพฤติผิดธรรมย่อมไม่มี (อันนี้ในมุมมองของเราชาวพุทธ คงไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะเรายึดหลักว่าถ้าบุคคลทำกรรมอย่างไร ย่อมได้รับผลอย่างนั้น)

ก่อนหน้านี้อาจเป็นเพราะผมตั้งคำถามไม่ดีน่ะครับ เลยอาจทำให้พลาดตกหล่น ตรงนี้ไป

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 6:50 pm

สวัสดีค่ะคุณเมธี ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห้นค่ะ

จากข้อความนี้
ในมุมมอง ชาวคริสต์ เขาจะมองว่าเราตกนรกเพราะไม่เชื่อในพระเจ้า ใช่หรือไม่ ( ในมุมมองเขานะครับ ในความเป็นจริงนั้น เราชาวพุทธยึดหลักตามศาสนาพุทธครับ) แค่อยากทราบว่าเขามองพวกเราอย่างไร ไม่ได้ไปใส่ใจอะไรมากอยู่แล้วน่ะครับ (พอดีเพื่อนจะเปลี่ยนจากพุทธเป็นคริสต์ เกรงว่าเขาจะมองเราเปลี่ยนไป)

-- เขาหรือเราก็ไม่แตกต่างกันหรอกค่ะ สุดแต่ว่าใครจะเจอคนประเภทไหนเท่านั้นเอง บางคนก็มองแบบที่คุณกล่าวมา บางคนก็ไม่มอง สรุปแล้วก็อย่างที่บอกค่ะ ไม่มีความแตกต่างกันทั้งเขาและเรา ยกตัวอย่างเรื่องนิ๊กกี้ นิ๊กกี้พริ้มน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรู้จักหรือเปล่า ที่เพิ่งเป็นข่าวไปไม่นานนี้เอง ดิฉันได้ดูรายการที่คุณวู๊ดดี้สัมภาษณ์คุณนิ๊กกี้ บางคนดูรายการนี้แล้วด่าทอคุณนิ๊กกี้ ทั้งด่าทอคุณวู๊ดดี้ด้วย ว่าเขาเลว เขาคนไม่ดี เอามาออกรายการทำไม แต่จริงๆแล้ว คุณนิ๊กกี้เขาก็มีส่วนดีของเขา เขาชอบทำกุศลโดยไม่แสดงตัวออก เขาบอกว่าการทำบุญไม่จำเป็นต้องประกาศให้ใครรู้ เขาให้ทุนการศึกษากับเด็ก และเป็นคนชอบทำบุญ ถ้าทุกคนรู้จักมองส่วนดีของคนอื่น ถึงแม้มันอาจจะน้อยนิดในความคิดของแต่ละคนที่มีต่อตัวบุคคล ทั้งที่จริงส่วนลึกของเขาอาจจะมีดีมากกว่าภาพที่เรามองเห็น อย่างเช่นกรณีของคุณนิ๊กกี้ เราทุกคนก็คงไม่ต้องมาสร้างกรรมใหม่ให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะอกุศลกรรม โดยการมาเพ่งโทษต่อกัน ทั้งโดยเจตนาและไม่ได้เจตนา แต่อย่างว่าแหละค่ะ สติ สัมปชัญญะ ใครจะรู้พร้อมได้ทุกขณะ มันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง

จากข้อความนี้
และในมุมมอง เราชาวพุทธ จะมองว่า ชาวคริสต์ที่ไม่เชื่อในโลกหน้า ย่อมต้องตกนรก เพราะ ผู้เป็นมิจฉาทิฐฏิไม่ประพฤติผิดธรรมย่อมไม่มี (อันนี้ในมุมมองของเราชาวพุทธ คงไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะเรายึดหลักว่าถ้าบุคคลทำกรรมอย่างไร ย่อมได้รับผลอย่างนั้น)

-- ไม่ว่าจะชาติไหน ศาสนาไหน เขาเราไม่แตกต่างกันหรอกค่ะ ทำอย่างไร ได้ผลอย่างนั้น เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเองค่ะ เวลาเราเห็นการกระทำของแต่ละบุคคล เราจะไปชี้ว่า อันนี้คุณทำผิดนะ อันนี้คุณทำถูกนะ อันนี้มันเป็นเพียงแค่ความคิดของเรา จริงๆแล้วตัวผู้กระทำเท่านั้นที่เป็นผู้รับผลของการกระทำนั้น เราไม่มีหน้าที่ไปตัดสินว่าใครถูกหรือผิด ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปว่าเขา เราว่าเขา ถ้าดีก็ดีไป ถ้าไม่ดี เท่ากับเราสร้างกรรมใหม่ให้เกิด เราก็ต้องไปมีวิบากร่วมกับเขาอีก

-- สร้างเหตุดี ผลย่อมดีค่ะคุณเมธี อดีต ส่งผลมาปัจจุบัน ปัจจุบัน ส่งผลไปถึงอนาคต เราเลือกได้ค่ะ อย่างกรณีเพื่อนของคุณเมธี อย่าให้ศาสนาเป็นตัวแบ่งแยกเขากับเราให้ออกจากกันเลยค่ะ ดีเสียอีกที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน แลกเปลี่ยนนะคะ ไม่ใช่ไปชี้แนะว่าถูกหรือผิด , ว่าใช่หรือไม่ใช่ อันนั้นมันจะก่อให้เกิดปัญหา เกิดเขาไม่เห็นตรงกับเรา ใช่ว่าเราอยู่พุทธแล้วจะดีกว่าเขา เพราะว่าเราไปคิดว่าศาสนาพุทธมีเส้นทางเดินไปสู่พระนิพพานได้ ก็เลยเกิดการยึดติด ขนาดคนพุทธแท้ๆ อยู่ประเทศไทยแท้ๆ อยู่ใกล้วัดแท้ๆ บางคนยังไม่เอาเลย ฝรั่งเขาอยู่ตั้งต่างประเทศ เขายังขวนขวายหาหนทางปฏิบัติกันเลย เห็นไหมคะ ว่าเราเขาไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว

-- ทั้งหมดนี่เป็นเพียงข้อคิดเห็นของดิฉัน บางคนอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันไปค่ะ

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 6:52 pm

*********

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 7:01 pm

ขอบคุณ คุณ walaiporn ครับ

จริงๆผมก็ไม่ได้มีอะไรข้องใจเกี่ยวกับคริสต์หรอกครับ

ผมแค่เกรงว่าเพื่อนผมจะมองผมแปลกๆไปเท่านั้นเอง(เพราะความเชื่อทางศาสนานั้นแตกต่างกัน ผมไม่ทราบว่าเขาจะมองผมแปลกๆไปหรือเปล่าเท่านั้นเองครับ)

จริงๆที่ผมจะถามคุณ walaiporn ก็คือ เพื่อนผมเขาจะมองว่าผมซึ่งนับถือพุทธ จะต้องตกนรกแน่ เพราะไม่เชื่อพระเจ้า หรือเปล่าเท่านั้นเองครับผมคงไม่กล้าถามเพื่อน อีกอย่างถามไปเขาก็คงไม่ตอบ ผมคงสื่อไม่ดี เลยไม่ได้คำตอบตรงนี้

แต่ช่างเถอะครับ อีกอย่างมันก็เรื่องของเขา ผมดูตัวเองก็พอ

เพื่อนผมยังไงก็เป็นเพื่อนคนเดิมแหละครับ ผมก็ยังคิดและปฏิบัติต่อเพื่อนเหมือนเดิม ผมไม่คิดแบ่งแยกศาสนา ไม่คิดเปรียบเทียบว่าใครดีกว่าใครน่ะครับ

ขอบคุณครับ
สาธุ

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 8:22 pm

คุณเมธีค่ะ

-- อ้อมไปอ้อมมา สรุปมีเพียงเรื่องที่คุณวิตกกังวลอยู่ เพื่อนเขาเพิ่งเข้าคริสต์ไมใช่หรือคะ ให้เวลาเขาได้ศึกษาก่อนสิคะ ทิ้งช่วงว่างไว้ก่อน ว่างๆถ้ามีเวลาได้สนทนากับเขา ก็สนทนากับเขาแบบปกติที่เคยสนทนากัน น่ะค่ะ

-- ส่วนคำตอบที่คุณถามมาว่า คนนับถือศาสนาคริสต์นั้นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร เดี๋ยวดิฉันจะไปถามคนที่รู้จักให้ค่ะ เขานับถือคริสต์เหมือนกัน ไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ ได้คำตอบยังไงจะมาส่งข่าวให้ค่ะ

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 8:25 pm

walaiporn พิมพ์ว่า:

คุณเมธีค่ะ

-- อ้อมไปอ้อมมา สรุปมีเพียงเรื่องที่คุณวิตกกังวลอยู่ เพื่อนเขาเพิ่งเข้าคริสต์ไมใช่หรือคะ ให้เวลาเขาได้ศึกษาก่อนสิคะ ทิ้งช่วงว่างไว้ก่อน ว่างๆถ้ามีเวลาได้สนทนากับเขา ก็สนทนากับเขาแบบปกติที่เคยสนทนากัน น่ะค่ะ

-- ส่วนคำตอบที่คุณถามมาว่า คนนับถือศาสนาคริสต์นั้นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร เดี๋ยวดิฉันจะไปถามคนที่รู้จักให้ค่ะ เขานับถือคริสต์เหมือนกัน ไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ ได้คำตอบยังไงจะมาส่งข่าวให้ค่ะ

พอดีไม่มีเพื่อนเป็นคริสต์น่ะครับ เลยไม่รู้จะถามใคร

ขอบคุณครับ

ตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2008, 5:20 pm

ผมคิดว่า คนเราควรเลือกศาสนาที่เหมาะสมกับตนเอง เหมือนกับเลือกเรียนสาขาคณะตอนเข้ามหาวิทยาลัยนั่นเเหละ การที่ใครเขาเลือกคริสต์ก็เป็นสิทธิของเขา ผมเคยคุยกับคนเป็นคริสต์เคยเข้าไปในโบสถ์ เพราะมีคนชวนไป แต่เราก็ไม่เปลี่ยนศาสนา เพราะเรารู้จุดยืนของตนเอง พุทธกับคริสต์คุยกันได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่อย่าไปคุยกับอิสลาม รับรองมีปัญหาแน่ คนคริสต์ที่ผมคุยด้วยบอกว่า เรามีความสามารถไม่เพียงพอจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า เขาบอกว่าตายไปเขาไม่กลัวเพราะว่าปลอดภัยแน่นอน

ตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2008, 6:41 pm

ในการสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 มีคนเขียนไว้ว่า

ประเด็นสำคัญที่สุดประเด็นหนึ่งซึ่งได้รับการพิจารณาและมีการเปลี่ยนแปลง คือเรื่องท่าทีต่อศาสนาอื่นๆ ซึ่งเดิมทีนั้นเคยมีประกาศไว้ว่า "นอกพระศาสนจักรไม่มีผู้ใดรอดได้" วาติกันที่ 2 ได้ให้ความเข้าใจใหม่ว่า ใครก็ตามที่ปฏิบัติตามวิถีชีวิตของตนอย่างซื่อสัตย์และจริง เขาผู้นั้นก็สามารถรอดได้ แม้จะไม่เป็นคาทอลิกหรือคริสต์ก็ตาม

พระธรรมนูญว่าด้วยพระศาสนจักรในโลกปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นเอกสารที่สำคัญที่สุดฉบับหนึ่งของการสังคายนาครั้งนี้ แสดงออกถึงจุดยืนใหม่ ซึ่งเกิดจากการวิเคราะห์สภาพการณ์ในปัจจุบันซึ่งเห็นว่าโลกมนุษย์ ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ก็มีทั้งคนดีและคนชั่ว หลักศาสนาต่างๆล้วนสอนให้คนไปสู่จุดหมายสูงสุดของชีวิต ถ้าหากจะยึดหลักการเดิมที่เคยบอกไว้ว่า ใครผู้ใดไม่ได้รับศีลล้างบาปเป็นคริสต์ ผู้นั้นไม่อาจจะรอดได้ ผู้คนนับพันๆล้านคนทั้งในปัจจุบันและในอดีตก็คงตกนรกไปหมดสิ้น รวมทั้งชาวคริสต์เองที่เป็นคนบาป คนที่ไปสวรรค์จริงๆก็คงมีไม่กี่คน เรื่องนี้น่าจะแย้งกับหลักคำสอนที่ว่า พระเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้ผู้ใดพินาศ ทรงต้องการให้ทุกคนรอด ดังนั้น พระองค์ก็คงต้องประทานเงื่อนไขและเครื่องมือให้มนุษย์ทุกคนไปสู่ความรอดได้ แนวคิดทางเทวศาสตร์แนวนี้ได้เกิดขึ้นก่อนสังคายนาแล้ว และได้ถูกนำมาพิจารณาและเห็นชอบในพระธรรมนูญสำคัญนี้อย่างเป็นทางการ

จากการวิเคราะห์สภาวการณ์ของยุคปัจจุบัน สังคายนาถือว่าพระศานสนจักรเองก็อยู่ในสังคมโลกเดียวกันนี้ด้วย จึงไม่ควรถือว่าพระศาสนจักรเป็น "ผู้บริสุทธิ์" ที่อยู่เหนือกาลเวลาและสถานที่ ควรมีความรู้สึกร่วมกับผู้คนแห่งยุคนี้ โดย "มองยุคสมัยของเราด้วยความเห็นอกเห็นใจ" นอกนั้น การที่คนยุคนี้ไม่สนใจศาสนา ไม่ได้แปลว่าพวกเขาเป็นคนเลว หากเป็นเพราะสภาวการณ์ทางสังคมเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดชะตากรรมของพวกเขา เป็นหน้าที่ของพระศาสนจักรที่จะเข้าใจและหาคำตอบใหม่ให้กับปัญหาใหม่ของพวกเขา ซึ่งไม่ได้หมายถึงแต่เฉพาะผู้นำศาสนาเท่านั้น แต่รวมถึงชาวคริสต์ทุกคนซึ่งต้องแสดงออกถึง "การเป็นพยานด้วยวิถีชีวิตและการเสวนา" ซึ่งหมายความว่า "ชาวคริสต์ต้องเป็นหนึ่งเดียวกับคนเหล่านี้ด้วยความเคารพและรัก ถือว่าตนเป็นสมาชิกร่วมประชาคมเดียวกัน มีส่วนร่วมในวิถีทางวัฒนธรรมและสังคม โดยการคบหาและร่วมงาน ต้องรู้จักประเพณีวัฒนธรรมของชาติและศาสนาอื่นๆเป็นอย่างดี..."

จาก http://www.issara.com/article/vatican2.html

อันนี้คงหมายความว่าคนนอกศาสนาก็มีสิทธิ์ขึ้นสวรรค์ได้ อันนี้ถ้าอยากทราบรายละเอียดคงต้องไปคุยกับนักบาชในศาสนาคริสต์

ตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2008, 6:53 pm

ขอบคุณ คุณ zeazon ครับ

ข้อนี้กระผมเพิ่งทราบน่ะครับ และคิดว่าหลายๆท่านก็อาจเพิ่งทราบเหมือนกัน

กล่าวคือ ในมุมมองของชาวคริสต์แล้ว แม้ไม่ได้นับถือคริสต์ นับถือพระเจ้า แต่หากปฏิบัติตนเป็น คนดี และซื่อสัตย์ แล้ว ก็ไม่ต้องตกนรกได้

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั้งคริสต์และพุทธ ให้ความสำคัญกับการประพฤติตน มากกว่า แค่ความเชื่อ นั่นเอง

สาธุ